ข่าวเมื่อวานนี้บอกว่า สหรัฐฯ จะมอบวัคซีนให้ไทย 2.5 ล้านโดส โดยล็อตแรก 1.54 ล้านโดสจะมาถึงประเทศไทยวันนี้
ที่เหลืออีกประมาณ 1 ล้านโดสจะตามมา ยังไม่มีกำหนดที่แน่นอน
ข่าวนี้ไม่ได้มาจากกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ หรือของไทย แต่เป็นข้อมูลจากคุณแทมมี ดักเวิร์ธ สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ เชื้อสายไทยระหว่างการสัมมนาออนไลน์ก่อนหน้านี้หนึ่งวัน
วันเดียวกัน ท่านเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยท่านใหม่ คุณมาร์ก กูดดิง แจ้งว่ารัฐบาลอังกฤษจะบริจาควัคซีน AstraZeneca ให้ประเทศไทยเป็นจำนวน 415,000 โดส จะส่งมอบเดือนหน้า
ข่าวนี้ก็ไม่ได้แว่วมาจากกระทรวงการต่างประเทศของเรามาก่อนเช่นกัน
เกือบจะวันเดียวกัน สถานทูตสวิสประจำกรุงเทพฯ แจ้งว่าจะบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์ 26 ตัน มูลค่า $9.8 ล้าน หรือประมาณ 300 ล้านบาทมาช่วยประเทศไทยสู้โควิด
เป็นจังหวะเดียวกับการมาเยือนไทยของรัฐมนตรีต่างประเทศของสวิตเซอร์แลนด์ คุณ Ignazio Cassis ในช่วงสัปดาห์หน้านี้
จะเห็นว่าต่อไปนี้คำว่า “การทูตวัคซีน” จะมีความสำคัญมากขึ้นทุกที
ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป
มีคำอธิบายจากกระทรวงการต่างประเทศของเราเมื่อเร็วๆ นี้แจกแจงว่าได้ทำอะไรไปในเรื่องนี้บ้าง
ถึงขั้นที่บอกว่ามีแผนจะทำ vaccine swap หรือการ “หยิบยืมแลกเปลี่ยน” วัคซีนกับประเทศอื่นด้วยซ้ำไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินว่ารัฐบาลไทยมีแผนคล้ายกับที่อิสราเอลกับเกาหลีใต้มีการตกลง “หยิบยืมแลกเปลี่ยน” วัคซีนเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาของกันและกัน
แต่ก็มีคำถามว่า เราจะเอาวัคซีนที่ไหนไปให้คนอื่นหยิบยืม หรือจะไปขอยืมของคนอื่นก่อนโดยรับปากจะส่งวัคซีนคืนให้ภายหลังในขณะที่เรายังขาดแคลนเป็นจำนวนมาก
แต่กระนั้นก็เถอะ คำอธิบายของกระทรวงการต่างประเทศก็ยังน่าสนใจในรายละเอียดหลายประเด็นที่คนไทยหลายคนอาจจะไม่ได้รับทราบมาก่อน เช่นที่คุณธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงให้ได้รับทราบ
ท่านย้ำว่าการจัดหาวัคซีนให้ประชาชนไทยเป็นภารกิจสำคัญเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล
และสรุปผลการดำเนินการสนับสนุนทางการทูตเพื่อจัดหาวัคซีนจากต่างประเทศในช่วงที่ผ่านมา ดังนี้
๑.กระทรวงการต่างประเทศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใช้ช่องทางการทูตอย่างต่อเนื่อง ในการแสวงหาวัคซีนเพิ่มเติมจากต่างประเทศผ่านวิธีการต่างๆ ทั้งการจัดซื้อ การแลกเปลี่ยน (vaccine swap) และการรับความช่วยเหลือ โดยได้ติดต่อประสานงานเพื่อจัดซื้อวัคซีนจากประเทศต่างๆ ทั้งจากจีน (Sinovac, Sinopharm, CanSino) สหรัฐอเมริกา (Pfizer, Moderna, Johnson & Johnson, Novavax) รัสเซีย (Sputnik V) และอินเดีย (Covishield, Covaxin)
๒.สำหรับจีน รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือฝ่ายจีนเพื่อผลักดันการจัดหาวัคซีนให้ไทยตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๖๔ ระหว่างการเยือนไทยของนายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศจีน โดยฝ่ายจีนประกาศมอบวัคซีน Sinovac จำนวน ๑ ล้านโดสให้ไทยเมื่อวันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๔ และได้ส่งมอบให้ไทยครบถ้วนแล้ว ๒ ครั้ง ครั้งละ ๕๐๐,๐๐๐ โดส เมื่อ ๑๔ พฤษภาคม และ ๕ มิถุนายน ๒๕๖๔ ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีการอำนวยความสะดวกในการจัดซื้อวัคซีน Sinovac เพิ่มเติมด้วย
๓.ตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๔ กระทรวงการต่างประเทศได้ผลักดันการทำ vaccine swap เพื่อเตรียมการให้แลกเปลี่ยนหยิบยืมวัคซีนกันใช้ก่อนกับหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, แคนาดา และสหรัฐฯ เชื่อว่าอาจจะสามารถแลกเปลี่ยนกันได้ตามสถานการณ์ตั้งแต่กันยายน ๒๕๖๔ เป็นต้นไป
๔.ด้านญี่ปุ่นได้มอบวัคซีน AstraZeneca จำนวน ๑,๐๕๓,๐๙๐ โดสให้ไทย ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ประสานงานมาโดยตลอด สะท้อนถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ ญี่ปุ่นได้จัดส่งวัคซีนมาถึงไทยแล้วตั้งแต่วันที่ ๙ กรกฎาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีก็ได้ร่วมพิธีรับมอบวัคซีนเมื่อวันที่ ๑๒ กรกฎาคม
๕.ในส่วนสหรัฐฯ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้หารือเรื่องวัคซีนมาโดยตลอด เช่นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ กับผู้ช่วยประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๖๔ กับนางเวนดี เชอร์แมน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในการเยือนไทย ซึ่งต่อมารัฐบาลสหรัฐฯ ได้ประกาศมอบความช่วยเหลือวัคซีนรวม ๘๐ ล้านโดสให้มิตรประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างประสานงานในรายละเอียดกับหน่วยงานของสหรัฐฯ และกระทรวงสาธารณสุขก็กำลังเตรียมความพร้อมด้านการขนส่งและรับมอบวัคซีน รวมทั้งแผนบริหารจัดการและจัดสรรวัคซีนดังกล่าว
๖.กระทรวงการต่างประเทศได้หารือกับรัสเซียเพื่อขอจัดหาวัคซีน สปุตนิก วี (Sputnik V) โดยนายกรัฐมนตรีได้มีหนังสือขอรับการสนับสนุนวัคซีนจากประธานาธิบดีรัสเซีย และเอกอัครราชทูต ณ กรุงมอสโกได้ติดตามเรื่องนี้ ปัจจุบันบริษัทผู้แทนนำเข้าวัคซีนสปุตนิก วี ในไทยอยู่ระหว่างยื่นเอกสารขอขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงการต่างประเทศ และสถาบันวัคซีนแห่งชาติ อยู่ในขั้นตอนการประสานงานกับหน่วยงาน Russian Direct Investment Fund (RDIF) ให้มีการประชุมหารือระหว่างภาคส่วนที่เกี่ยวข้องของไทยและรัสเซีย เพื่อหารือรายละเอียดเพิ่มเติม
๗.แม้ว่าไทยจะไม่ได้เข้าเป็นโครงการแบ่งปันวัคซีน COVAX ขององค์การอนามัยโลก (WHO) แต่ได้ร่วมบริจาคให้ WHO เป็นจำนวน ๒๐๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงกับกลไก COVAX จึงทำให้ไทยสามารถแลกเปลี่ยน จำหน่าย หรือแจกจ่ายวัคซีนที่ไทยผลิตได้เองในอนาคตข้างหน้าให้แก่ประเทศกำลังพัฒนาอื่น ๆ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายที่ไทยประกาศไว้ว่า วัคซีนคือสินค้าสาธารณะของโลก (global public goods) ที่ประเทศต่างๆ ควรเข้าถึงได้ทั่วกัน เพราะการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙ เป็นสิ่งท้าทายที่ประชาคมระหว่างประเทศมีร่วมกัน
๘.กระทรวงการต่างประเทศโดยกรมการกงสุลได้สนับสนุนการใช้และเพิ่มคุณค่าของสมุนไพรไทยในการต่อสู้กับโควิด-๑๙ โดยได้จัดส่งสมุนไพรฟ้าทะลายโจรและกระชายขาว จำนวนกว่า ๒๙๐,๐๐๐ เม็ด ให้แก่สถานเอกอัครราชทูต สถานกงสุลใหญ่ และสำนักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยครบทั้ง ๙๕ แห่งทั่วโลกแล้วตั้งแต่วันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๔ เพื่อแจกจ่ายให้แก่ชุมชนไทยที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศและเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทย
หวังว่า “การทูตเปิดเผย” ที่เอ่ยมาทั้งหมดนี้ (และยังไม่บรรลุผลสำเร็จในหลายกรณี) จะเสริมด้วย “การทูตเงียบๆ” (quiet diplomacy) ที่จะทำให้เราได้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพกว่าที่มีอยู่ในเร็ววันนี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |