ช่วงที่กระแสบอลโลกกำลังมาอยู่ในขณะนี้...ใครจะขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว ทำอะไรต่อมิอะไรก็แล้วแต่ คงต้องชั่งน้ำหนัก คิดหน้า คิดหลัง เอาไว้ให้ถ้วนถี่ ว่าจะสามารถก่อให้เกิดการ จุดกระแส หรือไปๆ-มาๆ อาจต้องถูก กลบกระแส ให้หายเกลี้ยง หายจ้อย หรือพอจะคุ้มค่า คุ้มราคา กับการเปิดตัว ประกาศตัว กันในแบบไหน อย่างไร...
-----------------------------------------------------
เพราะอย่างพรรค รปช. หรือ รวมพลังประชาชาติไทย ที่ขนาดกระแสบอลโลก ยังไม่ถึงกับมาแรง แซงโค้ง แต่จะเป็นเพราะการกะจังหวะ คิดคำนวณ หรือการนำเสนอรูปแบบ เนื้อหา แบบไหน อย่างไร ก็มิอาจสรุปได้ การเปิดตัว ประกาศตัว ช่วงแรก นอกจากดูจะไม่ถึงกับคุ้มค่า คุ้มราคา ซักเท่าไหร่ ยังอาจออกไปทาง ขาดทุนกำไร ถูกฝ่ายที่จ้องจะไล่ถีบ ไล่กระทืบ ประเคนแข้งเข้าใส่ ชนิดอ่วมอรทัยกาญจนชูศักดิ์ไปพอสมควร คล้ายๆ ทีมอินทรีเหล็กเยอรมัน ที่โดนทีมตกชั้นอย่าง ทีมออสเตรีย ดับเครื่อง ในช่วงขณะอุ่นเครื่อง อะไรประมาณนั้น...
----------------------------------------------------
คือการวาดความหวัง วาดจินตนาการ ในการสรรค์สร้างพรรคการเมือง แบบที่เรียกๆ กันว่าเป็น พรรคประชาชน หรือ พรรคมวลชน แบบจริงๆ จังๆ นั้น อันที่จริง...ก็น่าจะเก๋ น่าจะเท่ มิใช่น้อย แต่คงต้องยอมรับว่า...พรรคมวลชน หรือพรรคประชาชน ที่ก่อกำเนิดเกิดขึ้นจากบรรดามวลชนแท้ๆ จากล่างขึ้นบน เท่าที่เคยมีอยู่ในประเทศไทย นอกเหนือไปจาก พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย หรือ พคท. แล้ว แทบหาพรรคหนึ่ง พรรคใด ที่มีลักษณะที่ว่า แทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย ส่วนใหญ่แล้ว...มักต้องเนรมิตสร้างสรรค์จากบนลงล่างอยู่เสมอๆ...
--------------------------------------------------
แม้จะอาศัย กิจกรรมมวลชน อย่างการต่อสู้ รณรงค์ ที่สืบเนื่องมาจากการลุกฮือของมวลชนนับล้าน ในยุค กปปส. ก็แล้วแต่ แต่สิ่งที่ว่านั้น...ก็เป็นเพียงแค่ ปรากฏการณ์ แบบที่เรียกๆ กันว่า ปรากฏการณ์กำนันสุเทพ หรือ ปรากฏการณ์สนธิ ไปตามสภาพ ยังไม่ใช่ออกไปทาง กระบวนการ ที่ต้องอาศัยการเคลื่อนไหว จัดตั้ง การถักทอ บูรณาการ แนวคิดและอุดมการณ์ จนกลายมาเป็นฐานรองรับความเป็นพรรคมวลชน หรือพรรคประชาชน ได้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์...
------------------------------------------------
ยิ่งเมื่อ กิจกรรมมวลชน นั้นๆ...มันต้องแปรเปลี่ยนไปตามสภาวการณ์ จากสภาวการณ์เพื่อต่อสู้เอาชนะ ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ กลายมาเป็นสภาวการณ์เพื่อประคับประคอง บิ๊กตู่ อันนี้...มันเลยต้องออกไปทางคนละเรื่อง คนละม้วน อย่างมิอาจนำมาเปรียบเทียบกันได้เลย หรือทำให้บรรดาคนที่เก่งกล้า สามารถ คนดีๆ ที่พยายามจะยกระดับกิจกรรมมวลชน ให้พัฒนาไปสู่ความเป็นพรรคมวลชน หรือพรรคประชาชน อาจต้อง น้ำตาไหลพรากๆ อยู่บ้าง อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ หรือทำให้ทฤษฎี สองนคราประชาธิปไตย กลายเป็นทฤษฎีที่ถูกนคราไหน ต่อนคราไหน ออกมารุมเหยียบ รุมกระทืบ อย่างชนิดน่าเห็นใจเอามากๆ...
-----------------------------------------------------
ทั้งๆ อันที่จริงแล้ว...โดยความมุ่งมั่น ตั้งใจ ของบรรดาผู้ที่พยายามรวมกลุ่ม รวมก้อน เป็นพรรครวมพลังประชาชาติไทยนั้น ก็น่าที่จะบริสุทธิ์ใจ ใสสะอาด อยู่พอสมควร ในการยึดเอา ผลประโยชน์ส่วนรวม หรือ ผลประโยชน์แห่งชาติ เป็นที่ตั้ง แต่ก็อย่างว่า...ขึ้นชื่อว่า การเมือง โดยเฉพาะการเมืองใน วัฒนธรรมแบบไทยๆ แล้ว โอกาสจะยกระดับความหวัง ความตั้งใจ ให้ขึ้นไปถึงความเป็นพรรคมวลชน พรรคประชาชน อย่างแท้จริงนั้น คงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เนื่องจากการเมืองแบบไทยๆ มันมักจะเป็นการเมืองแบบ บนลงล่าง ไม่ใช่ ล่างขึ้นบน มาโดยตลอด เพียงแค่หาทางทำให้สิ่งที่อยู่ขึ้นไปบนๆ เป็นไปเพื่อผลประโยชน์แห่งชาติ บ้านเมือง เพื่อประโยชน์สุขของมหาชนชาวสยาม ก็ถือว่า...ยอดแล้ว!!!
--------------------------------------------------
และการทำเช่นนั้น...อันที่จริงอาจไม่ต้องเสียเวลาเกาะกลุ่ม รวมตัว เป็น พรรคการเมือง เอาเลยก็ยังได้ แค่ยึดมั่นใน ธรรมะ ในคุณธรรม ความดี เพียงแค่ระดับ ปัจเจกบุคคล ด้วยพลังแห่งธรรมะนั่นเอง...ที่จะกลายเป็นตัวเชื่อมโยง บูรณาการ ให้เกิด ปรากฏการณ์ ใดๆ ขึ้นมาได้เสมอ ในแต่ละช่วง แต่ละระยะ เหมือนอย่างที่เคยเกิด ปรากฏการณ์กำนันสุเทพ หรือแม้แต่ ปรากฏการณ์สนธิ ก็ตามแต่ และอันที่จริงปรากกฏการณ์ที่ว่านี้ มันก็ค่อนข้างเหมาะสม สอดคล้อง กับประชาธิปไตยแบบไฮบริด หรือประชาธิปไตยแบบจัดสรร ปันส่วนผสม ของมันอยู่บ้างแล้ว...
-------------------------------------------------------
ดังนั้น...แม้คิดจะกระชับกลุ่ม กระชับก้อน ให้แน่นขึ้นๆ หรือให้กลายไปเป็น พรรคการเมือง สิ่งที่คงต้องคิดเอาไว้ก่อนล่วงหน้า ก็คือการกำหนดระยะห่าง ระยะเคียง ระหว่างอุดมคติ อุดมการณ์ กับ ข้อเท็จจริงทางการเมือง ว่ามันสอดคล้อง ต้องกัน มากน้อยขนาดไหน ไม่งั้น...ไม่เพียงแต่จะไม่สามารถเนรมิต สรรค์สร้าง กระบวนการทางการเมือง ตามแบบฉบับพรรคมวลชน พรรคประชาชน ขึ้นมาได้อย่างเป็นจริง เป็นจัง โอกาสจะหวนกลับไปสร้าง ปรากฏการณ์ทางการเมือง แบบที่เคยสร้างๆ เอาไว้ก่อนหน้านั้น ก็น่าจะลำบากตามไปด้วย....
----------------------------------------------------
แต่ก็เอาเถอะ...ไหนๆ ก็ไหนๆ ในเมื่อคนดีๆ จำนวนไม่น้อย ต่างเห็นพ้องต้องกันที่จะยกระดับตัวเองขึ้นเป็นพรรคการเมือง ก็คงหนีไม่พ้นต้องยอมรับสภาพ ข้อเท็จจริงทางการเมือง โดยเฉพาะแบบไทยๆ เอาไว้ซะแต่เนิ่นๆ ต้องเก็งจังหวะ หาช่อง หาโอกาส ให้เหมาะๆ ต้องหาคำตอบ คำอธิบาย ที่รัดกุมเพียงพอ ถึงการยึดประโยชน์ชาติบ้านเมืองเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ยึดตัวบุคคลเป็นสรณะ ยิ่งถ้าบุคคลนั้นๆ...ดันเป็นคนขี้โกรธ ขี้ยัวะ ซะอีกต่างหาก มันยิ่งออกจะอธิบายค่อนข้างยากซ์ซ์ซ์ฉิบหาย และคงต้องใช้เวลาช่วงบอลโลกนี่แหละ ไปสำรวจ ตรวจสอบ ก่อนจะออกตัวครั้งใหม่ ให้มันสดใส ซาบซ่าน ยิ่งขึ้นไปกว่านี้...
----------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Nelson Mandela... After climbing a great hill. One only finds that there are many more hills to climb. – หลังปีนเขาลูกใหญ่...เราจะพบว่ามีภูผาให้ต้องปีนป่ายอีกมาก...
-------------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |