นักการเมืองฟากฝั่งรัฐบาลยัง หืดขึ้นคอ ในสถานการณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข็นคะแนนในการแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ไม่ขึ้น ปฏิกิริยาของรัฐมนตรีที่ร่วมรัฐบาลจึงเหมือนเป็นการเร่งทำคะแนนในส่วนงานของตัวเอง แยกไปจัดทัพเพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งใหม่ในปีหน้า
อย่างที่ปรากฏเป็นข่าวเสมอว่า ในพรรคพลังประชารัฐนั้นมีการแบ่งกลุ่ม เพื่อเตรียมพลพรรคของตนเองขึ้นมาสร้างฐานอำนาจต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีเป็นระยะ ทั้งข่าวการไปจับมือตั้งกลุ่มสาขาพรรค โดยมี “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ “จุฬาฯ คอนเนกชัน” ภายใต้การจับมือกับพันธมิตรกลุ่มทุนเจเนอเรชันเอ็กซ์ ที่กำลังเติบโตสยายปีกในอาณาจักรการเมือง โดยยังคงพุ่งเป้าหมายหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป
และกลุ่มการเมืองในมือของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ตลอด 7 ปีของการเข้ามาของรัฐบาล “บิ๊กป้อม” เป็นผู้จัดการทั้งเบื้องหน้า เบื้องหลัง เคลียร์ปัญหา เจรจาแบ่งเค้กได้อย่างไหลลื่น ดูแลพรรคพลังประชารัฐให้สงบ ภายใต้คลื่นใต้น้ำของผู้ที่ผิดหวังจากการปรับเก้าอี้ รมต.ที่ส่วนหนึ่งแยกตัวไปพึ่งร่มเงาของ พล.อ.ประยุทธ์โดยตรง
ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในสถานการณ์โควิด เป็นช่วงเดียวกับสมการทางการเมืองในพรรคเริ่มผันแปร การที่ พล.อ.ประวิตรได้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เข้ามาเป็นขุนพลคนสำคัญวาง “แผนที่” ทางการเมืองก่อนหน้านี้ ทำให้เห็นผลของการปฏิบัติที่ไว้ใจได้ว่า “ผู้กองฯ” จะสามารถจัดเตรียมสรรพกำลังการเมืองในสมัยหน้าได้สมบูรณ์มากขึ้น หาก “บิ๊กป้อม” ต้องลงจากตำแหน่งผู้จัดการรัฐบาล
จึงไม่แปลกที่ชื่อของ “ธรรมนัส” จะถูกล่อเป้าด้วยการมีชื่อขึ้นเป็น นายกฯ ในอนาคต ด้วยความพร้อมเรื่องอำนาจ เงิน เครือข่าย โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง “ประวัติทางคดี” ที่มีการหยิบยกขึ้นมาอภิปราย เพราะกระหยิ่มใจว่า ในยุคนี้คงไม่หนักหนาสาหัสเหมือนเมื่อ 20-30 ปีก่อน ที่มหาอำนาจลงมาเล่นเกมด้วย หลังเกิดกระแสปรามาส สภาสิงโตคู่ ที่โหวตเลือกนักการเมืองที่ถูกขึ้นบัญชีดำ
ในยุทธจักรและแวดวงใต้ดินที่ “ธรรมนัส” คลุกคลีมาหลายปี ทำให้รู้จักกลุ่มบุคคลที่ขับเคลื่อนธุรกิจสีขาว เทา ดำอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นมอตโตประจำตัว ใจถึงพึ่งได้ ตามนิยามมาเฟียที่มีคุณลักษณะ รับเคลียร์ปัญหา ปิดจ๊อบเมื่อเกิดความไม่ลงตัว ขุมกำลังด้านนี้จึงเป็นฐานสำคัญในการก่อร่างสร้างการเมืองได้ไม่ยาก
รวมไปถึงเครือข่ายทางการเมืองจากนักการเมืองต่างพรรคที่มีลักษณะ “ใจถึงพึ่งได้” เหมือนกัน โดยเฉพาะ 3 พี่น้องร่วมสาบานอย่าง ธรรมนัส-ชาดา-นายกชาย ที่รักกันเหนียวแน่น ถกแถลงการบ้านการเมืองอยู่เป็นประจำ และเชื่อขนมกินว่าในอนาคตสามารถใช้ต่อจิกซอว์ในการจัดสูตรการเลือกตั้งได้ไม่ยาก
เมื่อเอ่ยชื่อ ชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย “เจ้าพ่อสะแกกรัง” จาก 2 เก้าอี้ในอุทัยฯ และ 1 เก้าอี้นครสวรรค์ ซึ่งเพียงพอสำหรับเก้าอี้ รมต. แต่ในที่สุดเมื่อพลาดหวังก็ไม่ได้ทำให้บทบาทในสภาลดน้อยถอยลง ยังคงยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคภูมิใจไทย สายตรงถึง “เนวิน ชิดชอบ” สายใยผูกพันครั้งเก่าตั้งแต่พรรคชาติไทยได้อย่างไม่น้อยหน้าใคร
หากย้อนดูประวัติ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” โชกโชนไม่น้อย หลัง “รัฐประหาร 2557” ถูกตำรวจบุกค้นบ้านมาแล้ว 3 ครั้ง ในรอบ 3 ปี โดยครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ก.ค.58 ตำรวจกองปราบฯ เปิดยุทธการสะแกกรัง ปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้างใน จ.อุทัยธานี ครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 12 เม.ย.59 พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. นำกำลังเข้าตรวจค้นบ้านผู้มีอิทธิพลละเมิดกฎหมาย ที่รวมบ้านพักของนายชาดาด้วย และครั้งที่สาม เมื่อวันที่ 23 มี.ค.60 พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ ผบช.ก. ได้เปิดยุทธการไพร่ฟ้าหน้าใส ตรวจค้นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จ.อุทัยธานีรวม 30 จุด รวมถึงบ้านของนายชาดาอีกครั้ง จนมาถึงเมื่อวันที่ 27 พ.ค.60 กับการเข้าค้นรถของนายชาดา รวมไปถึงขบวนรถของผู้ติดตามรวม 7 คัน (นสพ.เดลินิวส์ ก.ย.60 )
ด้าน นายกชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่บารมีกำลังเบ่งบานในพรรคประชาธิปัตย์ และมีข่าวว่ามาแรงสุดเตรียมขึ้นแท่นเป็นรองหัวหน้าพรรค ด้วยการหนุนส่งของ เฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค นับเป็นนักการเมืองหนึ่งที่อยู่ในโซน “ใจถึง พึ่งได้” เหมือนกัน เคยเป็นโต้โผใหญ่ในโครงการ “คลองไทย” โครงการที่ได้รับการหนุนหลังจาก ทุนจีน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 มี.ค.64 “กิมหยง นิวส์" สื่อออนไลน์ท้องถิ่น ได้เผยแพร่ข่าวงานเชื่อมใจ ส.จ.สงขลาเป็นหนึ่งเดียว โดยเป็นบรรยากาศ ส.จ.ทีมพลังประชารัฐ 10 คนย้ายมาร่วมทีม 7 ราย “นายกชาย” บอกว่า “เป็นการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวตั้งแต่สนามท้องถิ่น โดย ส.จ. 36 คนเป็นของทีมประชาธิปัตย์ 26 คน อีก 10 คนสังกัดทีมพลังประชารัฐ แต่วันนี้มีผู้ขอย้ายมาร่วมทีมประชาธิปัตย์อีก 7 คน เหลือเพียง 3 คนที่ไม่ได้ย้ายมา โดยเจ้าตัวระบุว่า ชัยชนะในการเลือกตั้งนายก อบจ.ทำให้มีความมั่นใจว่าในการเลือกตั้งใหญ่เที่ยวหน้า ประชาธิปัตย์สงขลาจะต้องมี ส.ส.เพิ่มขึ้นแน่นอน และผู้สมัคร ส.ส.ของพรรครอบต่อไปต้องเป็นคนทำงาน ใจถึงพึ่งได้ ติดดินใกล้ชิดชาวบ้าน"
ในขณะที่แวดวงธุรกิจ ข้าราชการ ผ่านเครือข่ายของนักเรียนวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักรรุ่นที่ 61 ที่ เปิดประตูสร้างคอนเนกชันอย่างเป็นทางการมา 2-3 ปี กลายเป็นพันธมิตรสำคัญในสนามเปิด ที่ยังมีกิจกรรมเชื่อมสัมพันธ์ "ติดต่อถึงกัน" มาจนถึงปัจจุบัน
เช่นเดียวกับเพื่อนเตรียมทหารรุ่น 25 ที่กำลังเติบโตเบ่งบานใน กองทัพ-สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังมีชื่อของ พล.ต.วสุ เจียมสุข รอง ผบ.นรด., พล.ร.ต.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช รองเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหาร, พล.อ.ต.ศรสิต กีรติพล เจ้ากรมพลาธิการทหารอากาศ, พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผบช.ภ.3 โคราช, พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6, พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. และ พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.
โดยเจ้าตัวยังทำหน้าที่เป็นประธานรุ่น และเพิ่งได้รับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น รางวัลเกียรติยศจักรดาว จากโรงเรียนเตรียมทหารในปีนี้ ขยับจากคนหลังฉากมาอยู่แถวหน้า เพื่อก้าวขั้นสู่การเมืองอีกระดับ
จึงไม่แปลกถ้าจะมีชื่อของ “ผู้กองฯ” โผล่ออกมาช่วงนี้ ในฐานะคนข้างกาย “ลุงป้อม” ที่กำลังบ่มเพาะสร้างดาวดวงใหม่ทางการเมือง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงทุกรูปแบบ.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |