แถลงข่าวเพื่อจบปัญหาทุกอย่างเป็นที่เรียบร้อย สำหรับนักแสดงหนุ่ม กัปตัน-ชลธร คงยิ่งยง ที่ควงคุณพ่อคุณแม่และตัวแทนจากค่าย นาดาวบางกอก มาแถลงข่าว พร้อมกับฝ่ายหญิง มิ้งค์-ศวภัทร สุนทรนันท ที่มาพร้อมคุณแม่เช่นกัน
"ก่อนอื่นผมยอมรับเลยว่าผมกับมิ้งเคยมีความสัมพันธ์ที่ดีจริงๆ แต่ว่าด้วยเหตุผลบางอย่างที่ทำให้เราเลิกกันไป แต่ว่าเราก็ยังมีความห่วงใยดีๆให้กัน สำหรับเรื่องที่มีเด็กนั้น ทางผมของรับผิดชอบในสิ่งที่ผมได้กระทำไปจริงๆครับ เพราะผมไม่สามารถให้สิ่งที่เกิดจากผมได้รับอันตรายใดๆ ผมมีความเป็นห่วงเด็กมากๆ โอกาสจะกลับมาเป็นครอบครัวกันอันนี้ผมยังตอบไม่ได้ครับ เพราะสิ่งที่ผมต้องโฟกัสเป็นอย่างแรกคือเด็กในท้อง
ใช่หรือไม่ใช่อันนี้ผมไม่สนตรงนั้นแล้วครับ เพราะอย่างน้อยเรามีความสัมพันธ์ที่เคยเป็นแฟนกันมา และไม่ว่าเหตุใดก็ตามเป็นสิ่งที่เกิดจากผม ผมขอรับผิดชอบ ผมต้องขอโทาทุกคน ขอโทษแฟนคลับทุกๆคนนะครับ สิ่งที่ทุกคนมองว่าพ่อแม่ผมไม่ดี ผู้หญิงไม่ดี ทางค่ายผมไม่ดี หรือว่าใครๆรอบตัวผมไม่ดี ผมขอให้ทุกคนอย่าไปโทษเขาเลยครับ พ่อแม่ผมก็สอนผมมาให้เป็นคนที่ดีต่อสังคม จนเมื่อถึงช่วงวัยรุ่นของผม ผมดันอยากลองเป็นผู้ใหญ่เอง ผมต้องการที่จะพิสูจน์ตัวเอง และผมก็ได้ข้อคิดในการที่ผมยังไม่พร้อมจริงๆที่จะสามารถตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวผมเองคนเดียว ฉะนั้นขอร้องนะครับอย่าโทษคนรอบตัวผม ทางค่ายหรือผู้หญิงเลย ขอให้โทษที่ตัวผมนะครับ
ตอนแรกผมไม่ทราบครับ มิ้งเป็นคนมาบอกผมที่บ้าน ตอนนั้นก็คงช็อกครับ ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น เพราะว่าโดยส่วนตัวผมก็ยอมรับในเรื่องของการป้องกันผมก็ระมัดระวังเป็นอย่างมากอยู่แล้ว ตอนนี้ก่อนอื่นเลยคือต้องพาไปฝากครรภ์ครับ
ที่ผมบอกว่าเป็นห่วงเด็กกับมิ้ง เพราะตอนนี้กระแสค่อนข้างที่จะเป็นวงกว้าง แล้วผมไม่รู้ ขนาดผมที่เป็นคนนั่งอ่าน สภาพจิตใจผมยังแย่พอสมควร และครอบครัวผมควรที่จะรู้จากผมด้วย และผมก็เลยคิดว่าทางมิ้งเองก็คงไม่ต่างจากผมเหมือนกัน ผมเป็นห่วงสภาพจิตใจครอบครัวผม สภาพจิตใจคุณแม่ สภาพจิตใจครอบครัวเขารวมถึงมิ้งเอง
งานในวงการ ไม่รู้สิ ยังไงตอนนี้ผมก็มีภาระหน้าที่ที่ผมต้องทำมันให้เสร็จ แล้วหลังจากนี้ไม่ว่าโอกาสมันจะมาหรือไม่มา ก็ไม่เป็นไร ผมขอรับผิดชอบในสิ่งที่ผมทำไว้ก่อน ผู้ใหญ่มีการเรียกไปคุยเรื่องงานเรียบร้อยแล้วครับ จริงๆตอนนี้ผมสามารถทิ้งทุกอย่างได้ ถ้าโอกาสมันไม่เข้ามา แต่ในหน้าที่ที่ทางผู้ใหญ่มอบหมายให้ ผมต้องทำให้เต็มที่ครับ ถ้าผู้ใหญ่ยังให้โอกาสต่อไปผมก็จะทำต่อไปครับ ตอนนี้ไม่มองถึงอนาคตไว้ก่อนดีกว่า
ถ้าคุยกับเขาตั้งแต่แรกจะดีกว่านี้ไหมเหรอ อันนี้ผมไม่สามารถ ผมต้องคุยกับครอบครัว กับทางผู้ใหญ่ ผมไม่สามารถที่จะตัดสินใจแล้วเลือกทางที่ผิดพลาดทำให้ครอบครัวของผมสภาพจิตใจแย่ไปกว่านี้ได้อีกแล้วครับ
ก็ถือเป็นเรื่องหนักที่สุดในชีวิตแล้วครับ แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วเราคงไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ ตอนนี้หน้าที่ที่สามารถทำได้คือตั้งใจทำงานให้คนดูได้เห็น ให้คนดูชอบในผลงานที่เราตั้งใจทำทุกชิ้น ถ้าคนดูไม่ชอบเราแล้วผมก็ต้องรับในจุดนั้นครับ ต่อไปเราก็ต้องทำให้เด็กในท้องเป็นเด็กที่มีคุณภาพในสังคมอยู่แล้ว จริงๆตอนนี้ก็อยากฝากครรภ์ให้เร็วที่สุดครับเพราะตอนนี้มันอยู่ในช่วงที่เด็กมีความเสี่ยงต่างๆ"
เมื่อนักข่าวถามว่าก่อนหน้านี้ที่ฝ่ายหญิงบอกว่าทางค่ายและคุณแม่ฝ่ายชายกีดกันนั้นจริงหรือไม่ คุณพ่อของกัปตันก็ขออาสาเป็นคนตอบเรื่องนี้ว่า
"คือจริงๆแล้วมันไม่ได้กีดกัน พอดีเนื่องจากที่พ่ออ่านนะ มิ้งบอกว่ามิ้งบรรลุนิติภาวะแล้ว น่าจะคุยกับกัปตันซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว คุยกันเองได้ อันนี้เป็นความคิดที่แตกต่างกันระหว่างทางมิ้งกับทางครอบครัวเรา เพราะว่า ผมคิดว่าถ้าเกิดตัดสินใจเองแล้วเรื่องมันมาถึงขนาดนี้ เราเองก็คงต้องมีส่วนในการตัดสินใจ
พอดีความเร็วมันเร็วมาก เราคุยไปแล้วรอบนึง แล้วเราก็ให้ข้อมูลว่าเราอยากจะฝากท้อง แต่มันแค่ 2 อาทิตย์เอง มันเร็วมาก คือวันที่ 27 พฤษภาคม ที่ผ่านมาก็ยังคุยอยู่ ไม่ได้บอกว่าเราไม่อยากคุย เพียงแต่ว่าเราไม่ได้เร็วจนดับกระแสได้
เรื่องค่าใช้จ่ายเนี่ย ทางผมรับผิดชอบเต็มที่ ตอนนี้ให้เป็นไปตามสเต็ป ถ้าเกิดมีค่าใช้จ่ายเรื่องทางการแพทย์เนี่ยเราดูแลทุกอย่าง"
คุณแม่ของนักแสดงหนุ่ม ก็ยอมรับว่าโกรธที่ฝ่ายหญิงได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อไปก่อนหน้านี้ถึงฝั่งของครอบครัวตนเอง
"ความรับผิดชอบ ถ้าเกิดจริง และมีการตรวจสอบแล้ว ครอบครัวก็รับผิดชอบอยู่แล้ว อันนี้แม่ขอโฟกัสไปที่ความปลอดภัยของตัวเด็กก่อน กับตัวแม่เขา
เรื่องกระแสสังคม จริงๆแล้วคุณแม่ไม่ได้สนใจข่าวมากเท่าไหร่ ถ้าเขามีน้องก็จะสนใจที่ตัวเขาและเด็กแค่นั้น ก็เลยคิดว่าเราพาไปดูแลแค่นั้น
ที่ฝ่ายหญิงให้สัมภาษณ์ถ้าถามว่าโกรธไหม ถ้าบอกว่าไม่โกรธมันก็คงไม่มีใครเชื่อเนอะ ก็เมื่อมีอารมณ์ขึ้นมา เราก็ต้องตั้งสติว่าสิ่งที่เราต้องทำต่อไปคืออะไรแค่นั้น กับอีกฝ่ายก็พยายามเข้าใจอยู่แล้วนะคะ"
ด้านฝ่ายสาว มิ้งค์-ศวภัทร ยอมรับชะตากรรมทั้งน้ำตาหากอีกฝ่ายรับแต่ลูกไม่รับแม่!
"ตอนนี้เขาก็รับผิดชอบค่ะ แต่ข้อตกตลยังไงเดี๋ยวเราจะไปคุยกันอีกทีนึงค่ะ อายุครรภ์ตอนนี้ 7 สัปดาห์ค่ะ ความจริงตอนนี้มิ้งก็ยังรู้สึกอยู่ว่ามันเป็นเรื่องของคนสองคนที่ตัวเขาเองถ้าเขาคิดว่ายังไม่โตพอ แต่เรื่องนี้มันต้องมีความเป็นผู้ใหญ่มีความรับผิดชอบ ก็ต้องมาปรึกษากันว่าจะเอายังไงต่อดี ถึงจะไปถึงครอบครัวได้ ก็จริงที่ทุกครอบครัวเลี้ยงมาไม่เหมือนกัน อย่างฝั่งมิ้ง พ่อแม่มิ้งให้มิ้งตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะเอายังไงต่อ เลือกที่จะรับผิดชอบกันยังไง
ยังมีอะไรที่อยากคุยกันสองคนไหม ก็ยังมีอยู่ค่ะ ก็อาจจะได้คุยกันสองคน เมื่อกี้ก็มีการขอโทษคุนพ่อคุณแม่กัปตัน ขอโทษที่ให้สัมภาษณ์ไปไม่ดี อาจจะด้วยอารมณ์โกรธ และความน้อยใจทุกอย่างที่มิ้งเจอมา ที่พี่ๆถามว่าเคยมีคิดเอาเด็กออกไหม มีค่ะ เคยมี แต่ไม่ได้คิดแล้วและกัปตันก็เป็นฝ่ายบอกตั้งแต่แรกว่าไม่ให้ทำค่ะ ที่เคนคิดเพราะอารมณ์โกรธ อารมณ์น้อยใจ
ตอนนี้ก็รู้สึกดีขึ้นนิดนึงค่ะ แต่การพูดคุยอันนั้นก็คงต้องไปคุยกันหลังไมค์สองครอบครัวอีกทีหนึ่งค่ะ ที่มาวันนี้ทางพี่บอม (ทีมงานจากนาดาว) เชิญมา ก็เลยคิดว่ามาให้มันจบไปเลยดีกว่า
ที่ในทวิตเตอร์มีการพูดถึงว่ามีเหตุการณ์แบบนี้กับแฟนเก่าของมิ้ง คือมันเป็นเรื่องที่เม้าท์กันมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว เคยเล่าให้กัปตันฟังเหมือนกันตอนแรก ซึ่งมิ้งเลือกที่จะไม่สนใจ ทุกคนรอบข้างมิ้งคนที่รู้จักมิ้งจริงๆ ที่ไม่ใช่แอคเคาท์ปลอม ก็จะรู้จักมิ้งจริงๆว่ามิ้งทำอะไร
ถ้ากัปตันรับแต่ลูกไม่รับแม่ (ร้องไห้) ก็มีคิดค่ะ ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น ตอนนี้ก็เพิ่งเรียนจบ คิดว่าจะสมัครงานเดือนตุลาคม แต่ตอนนี้คงไม่ได้แล้ว ก็ยังไม่ได้คิดเรื่องานเหมือนกันค่ะ ส่วนตอนนี้ก็น่าจะเคลียร์กันแล้ว และคิดว่าคงไม่มีการด่ากันทั้งสองฝ่ายอีกแล้วค่ะ
คุณแม่ของสาวมิ้งก็เสริมว่าเรื่องที่ลูกสาวเคยคิดจะเอาเด็กออกนั้น ตนยืนยันไม่ให้เอาออก พร้อมบอกให้ยกเป็นลูกตนอีกคนก็ได้
ฝั่งตัวแทนจาก ค่าย นาดาวบางกอก ต้นสังกัดของพระเอกหนุ่มก็ได้ชี้แจงถึงเรื่องงานในอานคตของ กัปตัน ว่า
"วันก่อนที่จะเป็นข่าว ทางฝั่งแม่มิ้งและแม่กัปตันมีการคุยกัน นัดกันเรื่องการจะไปฝากครรภ์แล้ว มีสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ค่ะ แต่ยังไม่ได้นัดวันกัน และหลังจากวันงานไนน์เอนเตอร์เทน พี่ก็ไปขอนัดเพื่อที่จะพาไปฝากครรภ์
เรื่องงาน ตอนนี้ต้องแบ่งเป็นสองพาร์ท สิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้คือเรื่องส่วนตัว ถามว่าสิ่งที่เขาทำมันผิดศีลธรรมไหม คือตอนนี้เขาออกมารับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำ ทางบริษัทรู้สึกว่าเขาได้ออกมาพูดรับผิดชอบในสิ่งที่เขาทำแล้ว อีกพาร์ทคือในเรื่องของการทำงาน กัปตันไม่เคยที่จะไม่เต็มที่ในการทำงาน หรือไม่ตั้งใจ เราเลยรู้สึกว่าเราไม่อยากตัดสินเขาจากสิ่งที่มันเกิดขึ้น ถ้าในอานาคตเขาทำงานได้ไม่ดี เขาไม่ตั้งใจ เขาเกเร อันนั้นจะถือเป็นการตัดสินในส่วนของพาร์ทงานของเขามากกว่าในเรื่องที่มันเกิดขึ้นตอนนี้
คือตอนนี้ในส่วนของ ไนน์บายนาย ทางเราก็ได้มีการอัพเดทกับ โฟร์โนล็อค อยู่ตลอดก็ยังยืนยันว่าน้องยังอยู่ในโปรเจ็คเหมือนเดิม แต่สุดท้ายในอนาคตจะเป็นยังไงก็อาจจะต้องรอให้ทาง โฟร์โนล็อค แจ้งมาอีกทีหนึ่งแล้วทางเราจะแจ้งให้ทราบค่ะ"
และเมื่อนักข่าวถามว่า ทางค่ายทำซีรีย์วัยรุ่น แต่สิ่งที่เกิดขึ้น สวนทางกับสิ่งที่ค่ายทำมา จะตอบตรงนี้กับสังคมอย่างไร ซึ่งตัวแทนจากนาดาวก็ได้ตอบว่า
"เราทำซีรีย์ออกมา เด็กหรือผู้ชมจะต้องใช้วิจารณญาณในการทำความเข้าใจ และในแต่ละเรื่องเขาได้รับประโยชน์ตรงนั้นจากอะไร ซึ่งทุกคนผ่านช่วงเวลาของวัยรุ่นมากันหมด วัยรุ่นทุกคนมีปัญหาไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ เราจะข้ามมันไปได้ยังไง คือซีรีย์มันคือบทเรียนนึงที่ให้ทุกคนได้เรียนรู้ อย่างวันนี้กัปตันเจอปัญหา เรารู้สึกว่าเราไม่อยากตัดโอกาสของคนๆนึง ไม่ว่าใครก็แล้วแต่ ให้เขามีโอกาสในสังคม เพราะเขาออกมารับผิดชอบทั้งหมดแล้ว ให้เขาให้แก้ไขในสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเด็กทุกคนได้เรียนรู้กับปัญหาที่เจอมันจะทำให้เขาเข้าใจ และไม่เกิดขึ้นอีก อันนี้คือสิ่งที่พี่คิด
กฎของบริษัทก็คือเรื่องของ การผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรม เรื่องของบการทำงานไม่รับผิดชอบ ไม่เต็มที่ อันนั้นมันเป็นสิ่งที่เราจะไม่สามารถให้เขาอยู่ในบริษัทได้มากกว่า"
ขอบคุณภาพประกอบข่าวจาก อินเตอร์เน็ต
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |