28 ก.ค.64- นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังการลงพื้นที่เยี่ยมชมศูนย์พักคอยวัดราษฎร์นิยมธรรม เขตสายไหม และศูนย์สร้างสุขทุกวัย เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานครว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นทั้งในครอบครัว และชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่พบผู้ติดเชื้อรายวันเป็นจำนวนมาก จึงมีแผนให้สำนักงานเขตรับผิดชอบเปิดศูนย์พักคอยอย่างน้อยเขตละ 1 ศูนย์ ภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ล่าสุดดำเนินการแล้วเสร็จ 21 เขต โดยได้เปิดรับผู้ป่วยไปแล้ว ช่วยให้ผู้ป่วยที่ยังตกค้างในชุมชนได้แยกกักตัว ลดปัญหาการแพร่ระบาดในครอบครัวและชุมชน รวมถึงให้ผู้ป่วยได้เข้าสู่ระบบการดูแลเบื้องต้นโดยทีมแพทย์ พยาบาลจากโรงพยาบาลและศูนย์บริการสาธารณสุขของกรุงเทพมหานครได้อย่างทันท่วงที ซึ่งหากพบผู้ป่วยที่เป็นกลุ่มสีเหลืองและสีแดงก็จะมีการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลภูมิพลที่จะรับรักษาดำเนินการต่อไป
นายสาธิตกล่าวต่อว่า โดยขณะนี้กรุงเทพฯ ได้ใช้สถานที่วัดจัดตั้งศูนย์พักคอยรอการส่งต่อแล้วจำนวน 6 วัด ได้แก่ วัดอินทรวิหาร เขตพระนคร วัดสะพาน เขตคลองเตย วัดปากบ่อ เขตสวนหลวง วัดสุทธิวราราม เขตสาทร วัดศรีสุดาราม เขตบางกอกน้อย และ วัดไทร เขตบางคอแหลม สำหรับศูนย์พักคอยวัดราษฎร์นิยมธรรม ได้รับความร่วมมือจากพระครูอาทรวุฒิคุณ เจ้าอาวาสวัดราษฎร์นิยมธรรม โดยมีนางวันทนีย์ วัฒนะ รองปลัดกรุงเทพมหานคร นายอมฤต สุวรรณทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตสายไหม และเครือข่ายสายไหมต้องรอด ช่วยดำเนินการให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
“ได้มอบให้กรมอนามัยเข้ามามีส่วนช่วยในการให้คำแนะนำเรื่องการจัดระบบสุขาภิบาล มีกระบวนการกําจัดเชื้อโรค และมีระบบการจัดการมูลฝอยติดเชื้อสิ่งปฏิกูล การจัดการน้ำเสียที่เหมาะสมก่อนทิ้งลงสู่ชุมชน และการสร้างสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ถูกต้อง”
ทั้งนี้ระหว่างการเปิดดำเนินการศูนย์พักคอยในชุมชน ทั้งที่วัดราษฎร์นิยมธรรมและศูนย์สร้างสุขทุกวัย ได้มีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้ 1.มีระบบลงทะเบียนรับผู้ป่วยเข้ามาในศูนย์แยกกักตัว 2. ดำเนินการด้านการรักษา โดยระบบแพทย์ทางไกลตามแนวทางของกรมการแพทย์ 3.มีการดำเนินการเรื่องอาหาร ระบบระบายอากาศ ระบบสาธารณูปโภค ระบบระบายน้ำเสีย ระบบการจัดการกับสิ่งปฏิกูลและระบบสุขาภิบาลตามแนวทางการดำเนินงานศูนย์แยกกักตัวในชุมชน 4.เฝ้าระวังเรื่องการรักษาความปลอดภัยบริเวณศูนย์แยกกักตัวในชุมชน และ 5.มีการส่งเสริมสุขภาพทุกกลุ่มวัยร่วมด้วย ทั้งสุขภาพทางกายและสุขภาพจิต ทั้งนี้ การลงพื้นที่ศูนย์พักคอยในครั้งนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์พักคอย พร้อมรับฟังความคิดเห็น เพื่อนำไปพัฒนาและแก้ไขปัญหาต่อไป
ด้าน นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า แนวทางบริหารในการจัดตั้งศูนย์พักคอยในชุมชนสามารถดำเนินการได้ดังนี้ 1.สถานที่จัดตั้งมีการถ่ายเทอากาศได้ดี 2.มีวัสดุอุปกรณ์และเวชภัณฑ์ที่จําเป็น เช่น เครื่องอุปโภค บริโภค น้ำดื่ม เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ป้องกันตัวทางการแพทย์ อุปกรณ์ทำความสะอาด 3.มีการปฐมนิเทศการปฏิบัติงาน ตลอดจนการกํากับดูแลการทํางานของบุคลากรโดยเฉพาะอาสาสมัคร 4.ระบบการดูแลรักษาผู้ป่วย ให้เป็นไปตามสถานพยาบาลคู่สัญญา มีช่องทางในการติดต่อแพทย์ หรือพยาบาล พร้อมวัดอุณหภูมิ วัดความดันโลหิต ความเข้มข้นของออกซิเจน อัตราการหายใจ สำหรับการรักษาให้เป็นไปตามแนวทางเวชปฏิบัติการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข 5.ระบบการขนส่งต่าง ๆ รวมถึงระบบการส่งต่อผู้ป่วย 6.ระบบการเชื่อมโยงและระบบสื่อสาร อาทิ ระบบเวชระเบียน การติดต่อสื่อสารทั่วไป 7. ระบบการป้องกันควบคุมการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อ
8.ระบบสนับสนุน รวมถึงการจัดการด้านสาธารณูปโภคที่พักบุคลากร โภชนาการ เครื่องปั่นไฟ เครื่องกรองน้ำ ประปาสนาม 9.ระบบสุขาภิบาล มีกระบวนการกําจัดเชื้อโรค รวมถึงการจัดสัดส่วนห้องอาบน้ำ ห้องสุขา สำหรับผู้ป่วย และมีระบบการจัดการมูลฝอยติดเชื้อ สิ่งปฏิกูล การจัดการน้ำเสียที่เหมาะสม 10. ระบบรักษาความปลอดภัย และป้องกันการก่อเหตุร้าย หากเป็นไปได้ควรมีระบบกล้องวงจรปิด 11. ระบบป้องกันอัคคีภัย และการซ้อมแผนจัดการอัคคีภัย 12. งานสังคมสงเคราะห์และจิตวิทยา เพื่อลดความกังวล และความเครียดของผู้ป่วย รวมถึงทีมบุคลากรทางการแพทย์ และ 13.การจัดระบบการสื่อสารความเสี่ยงและประชาสัมพันธ์ให้ผู้ป่วย ญาติ และประชาชนทั่วไป
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |