ผลจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อันหนักหนาสาหัส ปัญหาการจัดหาวัคซีน การเร่งตรวจเชื้อ การกระจายวัคซีน การเลือกวัคซีนเฉพาะชนิดบางชนิด บางยี่ห้อ ผลจากยอดจำนวนผู้ป่วย ผู้ติดเชื้อรายวัน ผู้ติดเชื้อสะสม ผู้เสียชีวิต ลามมาถึงวิกฤติทางเศรษฐกิจ แผ่ขยายไปวงกว้าง กระทบผู้คนทุกวงการ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. สถานะตามกฎหมาย แม้ยังเป็นนายกรัฐมนตรี ทว่ากระแสสังคม พิพากษา ‘ไม่ไว้วางใจ’ เป็นกระแสกดดัน พิจารณาตัวเอง กระหึ่มโลกออนไลน์ อันเนื่องจากการบริหารจัดการ แก้ปัญหาอย่างล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ นำมหาวิกฤติมาสู่ประเทศไทย อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์
วัคซีนคุณภาพ เร่งฉีดให้กับประชาชน เป็นเพียงความหวังเดียวนำพาประเทศชาติ ประชาชน ออกจาก มหันตภัยวิกฤติร้ายครั้งนี้ได้ ประยุทธ์ เผชิญวิกฤติ แก้ปัญหาอย่างล้มเหลว ไม่แปลกใจ เสียงเรียกร้องจะกระจายไปยังผู้คนทุกวงการ พรรคการเมือง กลุ่มก๊วน นักวิชาการฝ่ายตรงข้าม ได้ทีรุมขย่ม รุมสับไม่มีชิ้นดี กดดันหนัก ยุบสภา-ลาออก ล่าสุด มีขบวนการปั่นกระแส นายกรัฐมนตรีพระราชทาน
พรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย เตรียมรวบรวมรายชื่อ ส.ส. ขอใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลประยุทธ์
ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุ “พล.อ.ประยุทธ์หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป ความล้มเหลว ผิดพลาดทางนโยบาย ทำให้พี่น้องประชาชนยากลำบากอย่างแสนสาหัส ผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตจากโรคระบาดสูงขึ้นเป็นสถิติใหม่ทุกวัน สถานการณ์เศรษฐกิจประเทศกลายเป็นวิกฤติ พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นที่จะใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นก้าวแรกในการนำพาพี่น้องประชาชนไปสู่ทางออกจากวิกฤติ ใช้กลไกสภาในการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามกติกาประชาธิปไตย”
ตามปฏิทินการเมือง พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ ช่วงเดือนสิงหาคม หากไม่มีอะไรผิดพลาด การตรวจสอบญัตติหากไม่ขัดต่อระเบียบ หลักกฎหมาย น่าจะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก่อนปิดสมัยประชุมสภา 18 กันยายน
แม้จะยังไม่มีการลงรายละเอียด รัฐมนตรีคนใดบ้างถูกอภิปราย แต่ 2 เป้าใหญ่ที่จะมีอย่างแน่นอน คงหนีไม่พ้นประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ รมว.สาธารณสุข
จำนวนมือฝ่ายค้าน คงไม่อาจโค่นล้มรัฐบาล หวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสภาได้ แต่ทว่าฝ่ายค้านหวังใช้เวทีสภา ย้ำแผล ฟ้องประชาชนให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพรัฐบาลประยุทธ์ รวมไปถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.สาธารณสุข
ข้อกล่าวหาในสภา นอกสภา จากฝ่ายตรงข้ามว่าหนักหนาสาหัสแล้ว ในภาวะวิกฤติ พรรคพวกคนกันเอง ชักถอยห่างเริ่มเห็นรอยร้าว ทีท่าของพรรคร่วมรัฐบาล พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ในเวทีอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณ 2565 ได้เห็น ส.ส.ทั้งสองพรรคหลายคนลุกขึ้นโจมตีการทำงาน รัฐบาลประยุทธ์ ต่อการรับมือและแก้ไขปัญหาโควิด
ยิ่งมีปมประเด็นการจัดหาวัคซีน ระหว่างหน่วยงานที่จัดหา ที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็น ผอ.ศบค. และได้แต่งตั้งคณะกรรมการ ที่ส่วนใหญ่เป็นนายแพทย์ อดีตราชการ เข้ามานั่งเป็นกรรมการ มีอำนาจเต็มในการจัดหาวัคซีน ขณะที่อนุทิน ชาญวีรกูล รมว.สาธารณสุข ถูกกันอยู่นอกวง แต่จากปมประเด็นดังกล่าว อนุทินอยู่ในภาวะกระสุนตก ตกเป็นจำเลยสังคม เป็นเหตุให้บังซุป-ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.ภูมิใจไทย ต้องออกโรงชี้แจงแทน บางช่วงบางตอน พาดพิงไปยังรัฐบาลและคณะกรรมการจัดหาวัคซีน ว่ากันว่า ผลจากปมดังกล่าว บิ๊กตู่ไม่สบอารมณ์นัก ต่อสายถึง ผู้ยิ่งใหญ่บุรีรัมย์
ว่ากันว่า ปมแห่งความไม่พอใจ ถูกเก็บสะสมมาตั้งแต่ก๊วนดาวฤกษ์แห่งพลังประชารัฐ ที่แสดงออกผ่านการลงมติ หักหน้า ‘ศักดิ์สยาม ชิดชอบ’ รมว.คมนาคม แม้จะมีเสียงเรียกร้องกดดันให้ลงโทษ แต่กลับไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมา ไม่เท่านั้น ปมประเด็นจัดหาวัคซีน ยิ่งตอกย้ำได้เห็นรอยร้าวระหว่าง ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ให้หนักขึ้นไปอีก ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ลอยตัวเหนือปัญหา ไม่ยุ่งเกี่ยว
ในภาวะพรรคร่วมฝ่ายค้านรุมถล่ม ผ่านการใช้เวทีสภา เปิดซักฟอก กระแสสังคมภายนอกกดดันอย่างหนัก ยังไม่นับรวมกลุ่มการเมืองยังหาจังหวะเคลื่อนไหว จัดชุมนุมขย่มรัฐบาลประยุทธ์อยู่เนืองๆ
ความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล นับวันรอยปริเพิ่มมากขึ้น แม้เป้าหลัก ศึกซักฟอกอยู่ที่ประยุทธ์ พรรคร่วมฝ่ายค้าน จำนวนเสียงคงไม่พอ ล้มรัฐบาลผ่านกลไกลสภา แต่พรรคร่วมรัฐบาลก็มีส่วนสำคัญ
งานนี้จะถีบบิ๊กตู่ให้ ‘ตายเดี่ยว’ หรือขอพักปมการเมืองเรื่องเก่าเอาไว้ ‘รับผิดชอบร่วมกัน’ ประคับประคองสถานการณ์วิกฤติ รักษาเสถียรภาพรัฐบาล บทสรุปออกหน้าไหน อีกไม่นานคงได้รู้กัน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |