ฮื่ออ์อ์อ์...พอได้ฟูๆ พอเป็นฟองๆ ฟอดๆ ขึ้นมามั่ง แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี ไม่ถึงกับต้องหดๆ หู่ๆ เหี่ยวแล้ว เหี่ยวอีก แห้งแล้ว แห้งอีก ไปตราบเท่าชั่วนิจนิรันดร์กาล อันเนื่องมาจาก ชัยชนะ ของคุณน้อง เทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ และความมุ่งมั่น เพียรพยายาม ของ โค้ชเช-ชัยศักดิ์ หรือ เช ย็อง-ซ็อก จนสามารถ คว้าเหรียญทอง ติดไม้ ติดมือ มาเป็นเหรียญแรก ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ณ กรุงโตเกียว คราวนี้...
----------------------------------------------------
คือต้องเรียกว่า...หวุดๆ หวิดๆ ชนิดแทบ หัวใจวาย เอาง่ายๆ กับการอาศัยศิลปะแห่งการยกแข้ง ยกขา ลูบนั่น ลูบนี่ กระแทกนั่น กระแทกนี่ ที่เรียกว่า เทควันโด ซึ่งอาจเป็นอะไรที่ไม่ถึงกับคุ้นเคย สำหรับผู้ดู ผู้ชม มากมายซักเท่าไหร่ แต่ด้วยเหตุเพราะ ความเป็นไทย มันถูกนำไปเกี่ยวพันกับการกีฬาชนิดนี้ แม้จะถอดแบบ ลอกแบบ มาจากเกาหลง เกาหลี ก็เถอะ แต่ด้วยความมุ่งมั่น เอาจริง-เอาจัง ของ เอกชน ที่ปิดทองหน้าพระ หลังพระ ไปจนใต้ฐานพระ มาโดยตลอด อย่างท่านนายกสมาคมเทควันโด คุณ พิมล ศรีวิกรม์ ลูกชายคุณ เฉลิมพันธ์ ที่เคยสูบบุหรี่มวนต่อมวนไม่น้อยไปกว่าพ่อ กีฬาชนิดนี้...จึงเป็นอะไรที่ มีลุ้น มาโดยตลอด สำหรับบรรดาชาวไทยที่ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำรง รักษา ความเป็นไทย เอาไว้ให้จงได้...
----------------------------------------------------
และเมื่อคุณน้อง เทนนิส ท่านโดน คุณหลาน อาเดรียนา เซเรโซ อิเกลเซียส นักเทควันโดจากสเปน อายุแค่ 17 ปีเท่านั้นเอง เอาแข้งกระแทก ขากระแทก ลูบนั่น ลูบนี่ จนคะแนนเด้งมาถึง 9 ถึง 10 ขณะเหลือเวลาเพียงแค่ 7 วินาทีเท่านั้นเอง ก็เล่นเอาคนไทยแทบหัวใจวายตายคาจอทีวี ไม่ว่าจะฉีดซิโนแวค ฉีดแอสตร้าเซนเนก้า ไปแล้วกี่เข็ม ต่อกี่เข็ม ก็ตาม แต่ด้วยความ สูง-ยาว-เข่า-ดี บวกกับความมุ่งมั่น เพียรพยายาม ในระดับ ไทยแลนด์สู้ๆ...ไทยแลนด์สู้ตาย นั่นเอง ด้วยฝ่าตีน ส้นตีน หรือด้วยอะไรก็มองไม่ค่อยถนัด คะแนนของคุณน้อง เทนนิส เลยเด้งขึ้นมาอยู่ที่ 11 ต่อ 10 เฉือนเอาชนะเด็กวัยรุ่นสเปน ไปได้แบบชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด ส่งผลให้ทวยไทย และบรรดาชาวไทยทั้งหลาย ที่อออยู่หน้าจอทีวีไปพร้อมกับการเว้นระยะห่าง หรือการสวมหน้ากาก-ไม่สวมหน้ากาก หรือไม่ อย่างไร ก็แล้วแต่ เลยขี้แตก-ขี้แตน อุจจาระแตก-อุจจาระแตน เกิดอาการฟูฟ่อง ล่องลอย อดมิได้ที่จะพลั่กๆๆ ไปด้วยประการฉะนี้...
-------------------------------------------------
ยิ่งเมื่อตอนได้ยินเสียง เพลงชาติ ดังกระหึ่มขึ้นในอาคาร การจัดพิธีรับมอบเหรียญต่างๆ พร้อมกับเห็นหยาดน้ำตาของคุณน้อง เทนนิส ซึมๆ พรากๆ ออกมาด้วยแล้ว ยิ่งเป็นอะไรที่เป็นฟองๆ ฟอดๆ หรือฟูๆ ขึ้นมาได้มั่ง อันนี้นี่แหละ...ที่อาจแปลความ ตีความ ถึงสิ่งที่เรียกๆ กันว่า ความเป็นไทย ได้เป็นอย่างดี คือมันเป็นความผูกพัน เป็นสายโยงใย ที่ไม่ว่าใครต่อใครนิรมิต สรรค์สร้าง ขึ้นมาก็เถอะ จะเป็นเมื่อไหร่ ตอนไหน และอย่างไรก็แล้วแต่ แต่มันกลายเป็นตัวถักทอ บูรณาการ ให้ใครก็ตามที่เกิดและเติบโต และมีชีวิตภายในแผ่นดินนี้ ต้องถูกผูกโยง ถูกหลอมรวม เข้าเป็นอันหนึ่ง-อันเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายเรา-ฝ่ายมัน ฝ่ายมึง-ฝ่ายกู หรือฝ่ายไหนๆ ก็แล้วแต่...
---------------------------------------------------
ดังนั้น... ชัยชนะ ของคุณน้อง เทนนิส-พาณิภัค ในคราวนี้ จึงน่าจะมีส่วนช่วยอยู่มั่ง ไม่มากก็น้อย ในการทำให้ความหดหู่ ห่อเหี่ยว ความรู้สึกแบบแห้ง...กับ...แห้ง ที่กำลังเกาะกิน อารมณ์-ความรู้สึก ของบรรดาปวงชนชาวไทยทั้งหลาย อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของท่านเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงไม่เหี่ยวปลาย ไม่คิดจะหัวตกลงไปซักกะที พอได้เจือๆ จางๆ ลงไปมั่ง หรืออาจพอช่วยให้เกิดอุทาหรณ์ สอนใจ ต่อบรรดาฝ่ายต่างๆ ในแต่ละฝ่าย ที่กำลังเถียงกันไป-เถียงกันมา ด่ากันไป-ด่ากันมา พร้อมที่จะยกส้นตีนลูบหน้าฝ่ายตรงข้าม หรือแม้แต่กระทืบให้จมธรณี เอาเลยก็ยังได้ ว่าไม่ว่าจะโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชัง กันไปถึงขั้นไหน แต่อย่างน้อย...น่าจะลองหันไปใคร่ครวญ พิจารณา ถึง สายใย บางอย่าง ที่ยังคงเชื่อมโยงและผูกพันใครต่อใครและอะไรต่อมิอะไรทั้งหลาย พอให้เกิดความตระหนักและสำนึก ถึง ความเป็นไทยๆ เอาไว้มั่ง...
-------------------------------------------------
คืออย่างน้อย...ก็อาจช่วยให้เกิด ความร่วมมือ-ร่วมใจ ในขณะได้ยินเสียงกระหึ่มของ เพลงชาติ ไม่ว่าจะเคยได้ยิน ได้ฟัง แบบซ้ำๆ ซากๆ มาแล้วกี่ครั้ง กี่หน ก็ตาม แต่ถ้ามันยังเป็นตัวช่วยขับไล่ อารมณ์-ความรู้สึก ประเภทโกรธ เกลียด เคียดแค้น อาฆาต พยาบาท ริษยาและชิงชังใครต่อใคร แม้แต่ผู้ที่เกิดและเติบโตภายในแผ่นดินเดียวกันเอง ให้พอลดๆ ลงไปได้บ้าง ช่วยให้ความเป็นฝ่ายมัน-ฝ่ายเรา ฝ่ายมึงและฝ่ายกู ไม่ถึงกับกลายเป็นอุปสรรค ขัดขวาง อะไรต่อมิอะไรไปซะทั้งหมด ยังพอหันมาให้คุณค่า ราคาต่อกันแม้ผู้ที่จัดเป็น ฝ่ายตรงกันข้าม พร้อมที่จะให้โอกาส ให้เวลา หรือกระทั่งให้อภัย ต่อความผิดๆ พลาดๆ เล็กๆ น้อยๆ ประเภท ขอกันกินยังมากกว่า นี้ อะไรทำนองนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็น่าจะพอ อยู่ๆ กันไปได้...
---------------------------------------------------
ไม่ถึงกับต้องหันมาไล่บด ไล่บี้ ไล่ประหัตประหาร โค่นล้ม ทำลาย ให้ต้องพังพินาศ ฉิบหาย กันไปข้าง อันอาจส่งผลให้กระทั่งสิ่งที่เรียกว่า ความเป็นไทย พลอยต้องพังพินาศ ฉิบหาย ตามไปด้วย ปราศจากสายใย ความผูกพัน ที่เคยยึดโยง บูรณาการ ระหว่างกันและกัน จนไม่เหลืออะไรที่พอจะ ชนะ ใครต่อใครได้บ้างเลย มีแต่ แพ้...กับ...แพ้ ด้วยกันทั่วทุกฝ่าย ไม่ว่ากีฬาอะไรก็แล้วแต่ ตราบใดที่สังคมทั้งสังคมดันตกเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปแล้วก่อนหน้านั้น อันนี้นี่แหละ...ที่ ชัยชนะ ของคุณน้อง เทนนิส-พาณิภัค อาจพอนำมาใช้เป็นอุทาหรณ์ สอนใจ ได้มั่ง หรืออาจนำมาใช้ จุดประกาย ความร่วมมือ-ร่วมใจ ที่มันชักเหือดแห้ง ห่อเหี่ยว ลงไปทุกที ยิ่งโดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้า คู่ต่อสู้ ที่ใหญ่โต มโหฬาร ยิ่งไปกว่านี้....
------------------------------------------------------
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Seneca (อีกครั้ง)... “No one love his country for its size or eminence, but because it’s his own. – ไม่ใช่เป็นเพราะขนาด หรือความมีชื่อเสียง ที่ทำให้ผู้คนรักประเทศของตน แต่ด้วยเหตุเพราะประเทศนั้น คือประเทศของตน...”
-----------------------------------------------------
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |