ฟิลิปปินส์เป็นประเทศแรกในโลกที่อนุมัติให้ปลูกข้าวสีทอง ซึ่งเป็นพันธุ์ที่ได้จากการดัดแปลงพันธุกรรม เพื่อการพาณิชย์ได้ เตรียมเผยแพร่พันธุ์ให้ชาวนาเริ่มปลูกได้ในบางจังหวัดตั้งแต่ปีหน้า ผู้เชี่ยวชาญหวังว่าข้าวที่อุดมด้วยเบต้าแคโรทีนจะช่วยลดภาวะตาบอดในเด็ก แม้ก่อนหน้านี้ข้าวจีเอ็มโอจะถูกนักอนุรักษ์ต่อต้านก็ตาม

แฟ้มภาพ ดร.สวาปาน ดัตตา นักเทคโนโลยีชีวภาพพืช ตรวจสอบต้นข้าวสีทองที่สถาบัน IRRI เมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2546 (Photo by David Greedy/Getty Images)

    ผู้พัฒนาข้าวจีเอ็มโอพันธุ์นี้กล่าวกันว่า การได้ใบรับรองความปลอดภัยทางชีวภาพจากหน่วยงานผู้กำกับดูแลของรัฐบาลเปิดทางให้ชาวนาทั่วฟิลิปปินส์สามารถปลูกข้าวพันธุ์นี้ ซึ่งอุดมด้วยเบต้าแคโรทีนที่เป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ

    รายงานเอเอฟพีเมื่อวันศุกร์อ้างคำกล่าวของรัสเซลล์ ไรน์เค จากสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (IRRI) ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในฟิลิปปินส์ ก่อนหน้าคำประกาศของรัฐบาลฟิลิปปินส์ว่า การอนุมัติให้ปลูกข้าวสีทองเพื่อการพาณิชย์เป็นก้าวที่มีนัยสำคัญอย่างแท้จริงในโครงการนี้ เพราะหมายความว่าเราผ่านขั้นตอนการควบคุมแล้ว และข้าวสีทองจะได้รับการประกาศว่าปลอดภัยเหมือนข้าวพันธุ์ทั่วไป ขั้นตอนถัดจากนี้คือ การขยายจำนวนเมล็ดพันธุ์ข้าวจาก 2-3 กิโลกรัม ให้ทวีคูณ เพื่อจะได้แจกจ่ายอย่างกว้างขวางมากขึ้น

    IRRI ทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสถาบันวิจัยข้าวของฟิลิปปินส์มานาน 2 ทศวรรษ เพื่อพัฒนาข้าวสีทอง ซึ่งตั้งชื่อตามสีเหลืองทองของเมล็ดข้าว

    เจ้าหน้าที่กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ข้าวสีทองเป็นข้าวจีเอ็มโอพันธุ์แรกที่ได้รับการอนุมัติให้แพร่พันธุ์เพื่อการพาณิชย์ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ก่อนหน้านี้ ข้าวสีทองโดนกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมต่อต้านอย่างรุนแรง แปลงนาทดลองข้าวพันธุ์นี้ในฟิลิปปินส์อย่างน้อย 1 แปลงเคยโดนนักเคลื่อนไหวโจมตี

    แม้จะผ่านขั้นตอนควบคุมด่านสุดท้ายมาได้แล้ว แต่ยังอีกยาวไกลกว่าที่จะมีข้าววางขายให้ประชาชนทั่วไปได้บริโภค ไรน์เคกล่าวว่า เมล็ดพันธุ์ข้าวปริมาณจำกัดจะเริ่มแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรฟิลิปปินส์ในจังหวัดต่างๆ ที่ได้รับเลือกในปีหน้า

    ข้าวพันธุ์นี้ถูกดัดแปลงพันธุกรรมเพื่อให้เมล็ดข้าวสามารถผลิตเบต้าแคโรทีน ซึ่งต่างจากข้าวทั่วไปที่พบสารนี้ในต้นข้าว แต่ไม่อยู่ในเมล็ดข้าว เกษตรกรจะสามารถปลูกข้าวพันธุ์นี้แบบเดียวกับข้าวทั่วไป โดยไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยอื่นเพิ่มหรือเปลี่ยนการจัดการ

    วิตามินเอจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาตามปกติ รวมถึงการทำงานอย่างเหมาะสมของระบบภูมิคุ้มกันและการมองเห็น ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกเผยว่า การขาดวิตามินเอก่อภาวะตาบอดในเด็ก 500,000 คนทุกปี ราวครึ่งหนึ่งเสียชีวิตภายใน 12 เดือน สำหรับฟิลิปปินส์ IRRI กล่าวว่า เกือบร้อยละ 17 ของเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบในฟิลิปปินส์ขาดวิตามินเอ

    ไรน์เคกล่าวว่า ข้าวสีทองผ่านการตรวจวิเคราะห์จากผู้ควบคุมตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารในออสเตรเลีย, สหรัฐ และแคนาดา ที่ให้การยอมรับข้าวพันธุ์นี้แล้ว แต่ประเทศเหล่านี้ยังไม่อนุมัติสำหรับการผลิตในเชิงพาณิชย์ ส่วนผู้ควบคุมของบังกลาเทศกำลังตรวจสอบอยู่.