'ความจริง' คือโคตรวัคซีน


เพิ่มเพื่อน    

เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ 
    มีรายงานข่าวบอกว่า ในการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙  (ศบศ.) ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ วานนี้ (๒๓ กรกฎาคม) นายกฯ ประยุทธ์ อบรมผู้ใต้บังคับบัญชาไปหลายเรื่อง 
    หนึ่งในนั้นคือ กำชับผู้ว่าราชการจังหวัด อบจ. อบต.  เทศบาล สื่อสารประชาชนให้ทั่วถึง
    "...สร้างความเข้าใจ อย่างเช่นที่ คุณหมอนคร เปรมศรี  ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ ชี้แจงเรื่องการจัดหาวัคซีน 
    รวมถึงมีการขอโทษประชาชน 
    ถือเป็นเรื่องที่ดีพูดข้อเท็จจริงกับประชาชน อยากให้พูดข้อเท็จจริงแบบนี้ทุกเรื่องกับประชาชน เพราะเวลานี้หลายเรื่องถูกนำไปบิดเบือนเมื่อไม่มีความชัดเจน..."
    ครับ...ความจริงเท่านั้น ที่ประชาชนต้องการ 
    แม้การออกมาพูดเช่นนี้จะดูสายไปบ้าง 
    แต่ก็ดีกว่าไม่พูดอะไรเลย 
    ที่จริงผมไม่เห็นด้วยที่คุณหมอนคร ต้องออกปากขอโทษประชาชน 
    คนที่ต้องขอโทษประชาชนควรจะเป็น รัฐบาล มากกว่า 
    เพราะรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน และรับผิดชอบทางการเมือง โดยเฉพาะการรับผิดชอบในฐานะฝ่ายนโยบาย
    การแถลงข่าวของคุณหมอนคร เมื่อวันที่ ๒๑  กรกฎาคมมีอยู่หลายประเด็น 
    ประเด็นที่ถูกพูดถึงกันมากคือ การขอโทษ หากฟังยาวๆ ให้ครบจะเห็นถึงเหตุผลที่ต้องขอโทษ 
    "...พยายามติดต่อประสานงานกับผู้ผลิตวัคซีน ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี ๒๕๖๓ ที่พยายามหาช่องทางการสั่งจองซื้อวัคซีนล่วงหน้า ถึงแม้ว่าในช่วงนั้นจะอยู่ในขั้นตอนของการวิจัย 
    กราบขออภัยประชาชนทุกคนอย่างยิ่ง ที่ทางสถาบันวัคซีนแห่งชาติ แม้จะพยายามเต็มที่แล้วในการจัดหาวัคซีน  แต่อาจจะได้ในจำนวนที่ไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ที่ขณะนี้  เนื่องจากเป็นสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อน 
    การระบาดของโรคโควิด-๑๙ เป็นเรื่องที่ไม่เคยประสบพบเจอกันมาก่อน รวมทั้งสถานการณ์การกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัส เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดหมายได้ล่วงหน้า ทำให้เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รวดเร็วและรุนแรงมากกว่าปีที่แล้ว ทำให้การจัดหาวัคซีนไม่ทันต่อสถานการณ์..."
    ขอโทษในความพยายามทำงานอย่างเต็มที่แล้ว แต่ทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะมีปัจจัยเหนือการควบคุมมากมาย 
    การแสดงสปิริตขอโทษด้วยเหตุผลแบบนี้ ไม่ควรทับถม แต่ควรให้กำลังใจ
    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นมีการนำไปโจมตีว่าเป็นหมอประสาอะไร ไม่รู้ว่าไวรัสกลายพันธุ์ได้ 
    หมอรู้ครับว่า การกลายพันธุ์เป็นธรรมชาติของไวรัส   แต่ในทางวิทยาศาสตร์ เชื้อกลายพันธุ์ส่วนใหญ่แล้วมีความอ่อนแอลง
    ไม่ได้รุนแรงขึ้นแบบโควิด-๑๙ 
    และคุณหมอนคร ไม่ได้พูดเรื่องกลายพันธุ์ตอนที่โลกรู้จักโควิดสายพันธุ์ เบตา อัลฟา แกมมา เดลตา แต่เป็นการพูดถึงสถานการณ์โควิด-๑๙ ก่อนมีวัคซีนด้วยซ้ำ
    ฉะนั้นเป็นเรื่องดีครับที่นายกฯ ประยุทธ์ ให้ทุกฝ่ายพูดความจริงกับประชาชน 
    และควรเริ่มต้นที่คณะรัฐมนตรี
    ต่อไปนี้รัฐมนตรีทุกคนต้องพูดความจริงกับประชาชน  สื่อสารกับประชาชนให้เข้าใจ อย่าให้หมอต้องเป็นหนังหน้าไฟ คอยชี้แจงแทน 
    มีความจริงต้องบอกกับประชาชนเยอะครับ 
    เช่นคำประกาศของ "ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส" ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) 
    "...ขณะนี้หลายประเทศเข้าใจผิดคิดว่าวิกฤติโควิด-๑๙  กำลังจะสิ้นสุดลง ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสถานการณ์นั้นห่างไกลจากจุดจบ 
    มีความเป็นไปได้สูงที่โลกจะเผชิญกับไวรัสกลายพันธุ์ชนิดใหม่ในอนาคต โดยคาดว่าจะเป็นสายพันธุ์ที่อันตรายและควบคุมยากกว่าเดิม..."
    รัฐบาลต้องเตรียมพร้อมรับมือ และบอกกับประชาชนว่าเรายังต้องสู้กับโควิดไปอีกนาน 
    ไม่ได้บอกให้สิ้นหวัง 
    แต่ให้เตรียมตัวรับสถานการณ์ 
    คำเตือนของ WHO รัฐบาลต้องเอาใจใส่และจริงจัง         และให้ดูอเมริกาในวันนี้เป็นตัวอย่าง ยังไม่มีประเทศไหนเดินเข้าใกล้คำว่าชนะโควิด-๑๙ เลยแม้แต่ชาติเดียว
    การติดเชื้อในอเมริกากลับมาอยู่ในช่วงขาขึ้นอีกครั้ง  จากติดเชื้อต่ำกว่าหมื่นคน กำลังเชิดหัวขึ้น วันละ ๖ หมื่นกว่าคน 
    กลับมาครองแชมป์ผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดอีกครั้ง  เพราะการระบาดของสายพันธุ์เดลตา 
    ก็ลองเปรียบเทียบดูนะครับ     
    รัฐบาลสหรัฐฯ รู้อยู่แล้วว่า สายพันธุ์เดลตา ติดเชื้อเร็ว และรุนแรง เป็นไฟลามทุ่ง เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหลายประเทศรวมทั้งไทย 
    แต่ตอนนี้อเมริกาเอาไม่อยู่ มีแนวโน้มกลับมาติดเชื้อวันละแสนคนในเร็วๆ นี้
    และต้องเตรียมใจไว้นะครับ 
    หากการติดเชื้อที่อเมริกาทะลุหลักแสน ไปเป็นสองแสน สามแสน เหมือนช่วงต้นปี การห้ามส่งออกวัคซีนอาจเกิดขึ้นได้ 
    แล้วมันจะกระทบกับประเทศที่ทำสัญญาซื้อวัคซีนสัญชาติอเมริกันทั้งหมด
    รวมทั้งไทย 
    โลกจะกลับเข้าสู่ภาวะขาดแคลนวัคซีนอย่างรุนแรงอีกครั้ง 
    รัฐบาลทั่วโลกคงจะเป็นรัฐบาลฆาตกรตามคำนิยามของพวกสามนิ้วทั้งหมด
    การประกาศเปิดประเทศเดือนตุลาคมนี้ถือเป็นความหวัง หล่อเลี้ยงให้ทุกคนมีกำลังใจก้าวเดินไปข้างหน้า 
    แต่รัฐบาลโดยเฉพาะพลเอกประยุทธ์ ต้องไม่ลืมความจริงที่ WHO เตือน
    ไม่ใช่ความผิดรัฐบาลครับ หากการระบาดของโควิด-๑๙ ยังยืดเยื้อยาวนานไปจนถึงปีหน้า 
    เพราะมันจะเกิดกับทุกประเทศทั่วโลก 
    หรือแม้แต่การเข้ามาของโควิด-๑๙ สายพันธุ์ใหม่ๆ ที่ระบาดเร็ว และดุกว่าเดิม 
    เพราะไม่มีประเทศไหนหนีพ้น ยกตัวอย่างสายพันธุ์เดลตา
    แต่เป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลในการผ่อนหนักเป็นเบา  
    รัฐบาลต้องมีความชัดเจนในทุกเรื่อง 
    ตั้งแต่การระดมตรวจหาเชื้อโควิด-๑๙ ให้ประชาชน  ยันเรื่องมาตรการช่วยเหลือเยียวยาที่ออกมาอย่างทันท่วงที 
    ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่ารัฐบาลทำเรื่องนี้ได้ไม่ดีนัก 
    มีความล่าช้า 
    จนกลายเป็นปัญหาซ้อนปัญหา
    รัฐบาลต้องทลายข้อจำกัดของระบบราชการ เพราะในเมื่อเราสู้กับโควิดโดยใช้เครื่องมือฉุกเฉินมากมาย 
    มี พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 
    วัคซีนก็ฉุกเฉิน 
    การระเบิดกฎระเบียบทางราชการแบบฉุกเฉิน จึงไม่ใช่เรื่องแปลก และควรจะสนับสนุน 
    แจกในสิ่งที่ควรแจก เช่นชุดตรวจโควิด Rapid  Antigen Test Kit 
    ครับ...นอกจากรัฐบาลต้องบอกความจริงกับประชาชนทุกเรื่องแล้ว ยังต้องหนุนหลัง ส่งเครื่องไม้เครื่องมือให้ประชาชนสู้กับโควิดด้วย 
    ถ้าทำได้แบบนี้แล้วยังมีคนด่ารัฐบาลฆาตกร...
    ควรจะจับคนด่าไปตัดหัว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"