ว่าด้วย “ความเป็นทีม”


เพิ่มเพื่อน    

 อีกแค่ 3-4 วัน...ก็จะได้เวลาเปิดผ้าม่านกั้ง บอลโลก 2018 ณ ประเทศรัสเซียกันแล้ว นับจากนี้...แนวโน้มที่ การบอล จะมาแรง แซงโค้ง ชนิด การเมือง อาจต้องยอมชิดซ้าย ตกคู ตกคลอง เบี่ยงข้าง เปิดทาง ให้กับรถฉุกเฉินของพวก ผีบ้าบอล ไปตามมารยาท...
                                                                       -------------------------------------
    ใครที่ยังหงุดหงิด งุ่นง่าน ปรี๊ดต่ง ปรี๊ดแตก ด้วยเหตุผลกลใดที่ทำให้ผู้คนเขายังงงๆ อยู่จนทุกวันนี้ ก็น่าที่จะหาทางปรับตัว ปรับสภาพ หันไปคว้า เสื่อจันทรบูร ที่ป้าจันทร์แฟนเพลงจากจังหวัดจันทบุรี มอบให้กับ สายัณห์ สัญญา เอามาใส่ปาก เคี้ยวๆ กลืนๆ กันดูมั่ง แบบที่ สายัณห์ลองชิมดูแล้ว...หวานน์น์น์มากก์ก์ก์ อาจพอช่วยส่งผลให้เกิดอาการ รักสายัณห์น้อยๆ ไม่ว่า...แต่ขอให้รักนานๆ อะไรประมาณนั้น อันจะช่วยให้การเมืองในวันนี้ วันหน้า ไม่ถึงกับเจ็บปวด รวดร้าว ทรมาน จนเกินไป...
                                                                       -----------------------------------------
    คือการเมืองบ้านเรานั้น...ดูๆ มันจะหนักไปทาง การมวย มากกว่า การบอล อันเป็นกีฬายอดนิยมระดับสากลของโลกทั้งโลก ที่สามารถสร้างเสน่ห์ ความประทับใจ ได้จากการประสานงาน การเชื่อมโยง บูรณาการ ขีดความสามารถใน ระบบทีม ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเฉพาะคนหนึ่ง คนใด ถึงจะมีระดับ โรนัลโด หรือ เมสซี เป็นกองหน้าตัวชง ตัวจบสกอร์ แต่ถ้าลองจับให้มาเล่นกับทีมประเภท บางกอกเอฟซี, สมุทรสงคราม เอฟซี หรือสงขลา ยูไนเต็ด, นครปฐม ยูไนเต็ด ฯลฯ อะไรประมาณนั้น อย่างมาก...อาจพอช่วยไม่ให้ ตกชั้นไทยแลนด์ลีก ได้บ้าง แต่จะให้ถึงขั้นทะลุแชมป์ไทยแลนด์ลีก แชมป์สโมสรฟุตบอลเอเชีย ฟุตบอลโลก ยังไงๆ...ย่อมเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ...
                                                                     ----------------------------------------------
    พูดง่ายๆ ว่า...มันต้องประกอบไปด้วยกองหลัง อย่าง เยโรม บัวเต็ง แห่งทีมอินทรีเหล็กเยอรมนี ไม่ก็ต้องระดับ เคราร์ด ปิเก หรือ เซร์คิโอ รามอส ของทีมกระทิงดุสเปน เอาเลยโน่นแหละ ยิ่งถ้าได้ จอร์โจ คิเอลลินี ของทีมยูเวนตุส หรือทีมมะกะโรนีอิตาลี ที่เผอิญตกชั้นไปอย่างน่าเสียดาย ยิ่งแทบไม่ต้องเสียเวลาพะว้า พะวง กับการเจาะทะลวงของฝ่ายตรงกันข้าม อีกทั้งยังต้องอาศัยกองกลาง ระดับ เอ็นโกโล กองเต ของทีมตราไก่ฝรั่งเศส ไม่ก็ เควิน เดอ บรอยน์ ของทีมปีศาจยุโรป เบลเยียม มันถึงจะพอตัดเกม เปลี่ยนเกม ปรับสภาพเกมรับ ให้กลายเป็นเกมรุก สามารถฉวยจังหวะโต้กลับ เคาน์เตอร์ แอทแทค ได้แบบมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล...
                                                                        -------------------------------------------------
    ต่างไปจาก การมวย ที่แค่ใครกำปั้นหนัก ใครสามารถแลบลิ้น ปลิ้นตาหลอก ฝ่ายตรงข้ามด้วยความสามารถเฉพาะตัว ก็มีสิทธิ์คว้าเข็มขัดแชมป์ ขึ้นทำเนียบเดอะ ริง เดอะ ลึงค์ ไปโน่นเลย เหมือนอย่างที่ นายขนมต้ม บรรพบุรุษรุ่นปู่ของปู่ ย่าของย่าของชาวไทยแลนด์ แดนสยาม ทั้งหลาย จับให้ชกกับพม่าแบบตัวๆ ยังไงๆ...ก็เชื่อขนมต้ม ขนมหม้อแกง กินได้ ว่าชนะแหงๆ แต่ถ้าเมื่อไหร่ดันรวมกันเป็น กองทัพกรุงศรีอยุธยา ก็แพแตก หม้อแตก กันมาแล้วถึง 2 ครั้ง 2 ครา เสร็จพม่า ชนิดอดีตองค์พระมหากษัตริย์ท่านอดไม่ได้ที่จะรำพึง รำพัน เอาไว้ว่า... อันกำแพงค่ายคูก็ดูลึก-ไม่น่าศึกอ้ายพม่าเข้ามาได้-แต่ยังปล่อยมันข้ามเข้าเอาเวียงชัย-โอ้...กระไรเหมือนบุรีไม่มีชาย เอาเลยถึงขั้นนั้น...
                                                                          ---------------------------------------------------
    ด้วยเหตุนี้...แม้ว่า การมวย ในบ้านเรา จะเต็มไปด้วยนักมวยประเภทต่อยหนัก ต่อยแรง เผลอๆ ไม่ต่อยเปล่า...อาจถึงขั้นคว้า โพเดียม มาทุ่มหัวคู่ต่อสู้ได้อีกซะล่วย ฟึดๆ ฟัดๆ ชนิดแทบไม่เหลือคู่ต่อสู้เอาเลยนับจากนี้ แต่ก็อย่าไปติดยึดอยู่กับ การมวย จนอาจลืมไปว่า โลกยุคนี้ สมัยนี้ มันต้องอาศัย การบอล นั่นแหละ ถึงจะพอไปได้ หรืออย่าไปยึดมั่น ถือมั่น อยู่กับใครคนใด คนหนึ่ง จนลืม ความเป็นทีม อันเป็นสิ่งสำคัญเอามากๆ สำหรับโลกยุคใหม่หรือแม้แต่ยุคเก่าก็ตาม คือแทนที่จะให้ความสำคัญกับ นายขนมต้ม เพียงรายเดียว แต่ต้องพยายามกวาดตาไปรอบๆ ข้าง ว่าจะมีใครเข้ามา ร่วมทีม กันแบบไหน อย่างไร...
                                                                          --------------------------------------------------
    มีกองหลังแบบ บัวเต็ง, รามอส หรือ คิเอลลินี ฯลฯ ถูกเรียกตัวเข้ามาร่วมทีมด้วยหรือไม่ หรือยังมีแค่กองหลังประเภทแก่แสนแก่ แถมเพิ่งไปทำ บายพาส หัวใจ ชนิดถ้าไม่หลับในสภาฯ ก็อาจแอบไปงีบในที่อื่นๆ ติดทีมมาด้วยหรือเปล่า กองกลางตัวรับ ตัวรุก ออกไปทาง กองเต หรือ เดอ บรอยน์ ที่ไว้ใจได้ทั้งเกมรับ เกมรุก ไม่ได้หนักไปทางกองกลางแบบ ป๋าดัน ที่เอาแต่จะดันกันลูกเดียว เรียกว่า...ดันกันชนิดใครต่อใครต้องครวญครางออกมาเป็นเพลงแขก ประเภท อย่ามาดันกูซิ...กูเจ็บกูนะ อะไรประมาณนั้น คือดันกันจนจีดีพีโตเพิ่มไปถึง 4.8 แต่รายได้เกษตรกรดันหัวทิ่มติดลบถึง 4.8 ส่งผลให้ รวยกระจุก-จนกระจาย จนตราบเท่าทุกวันนี้...
                                                                             ---------------------------------------------------
    เอาเป็นว่า...ไหนๆ ในเมื่อถึงช่วงบรรยากาศที่ การเมือง คงต้องชิดซ้าย การมวย อาจต้องชิดขวา เปิดทางให้กับ การบอล มาแรง แซงโค้ง นับตั้งแต่กลางเดือนนี้ไปจนถึงเดือนหน้า บรรดาคอบอล คอการเมือง หรือคออะไรก็แล้วแต่ ก็น่าที่จะหยิบเอาบรรยากาศเหล่านี้มาใช้เป็นอนุสสติ เป็นอุทาหรณ์สอนใจ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า หันไปคิดถึง ความเป็นทีม รวมทั้ง ความเป็นไทย ให้มากๆ เข้าไว้ จะได้ไม่ต้องเหนื่อยใจกับ ตัวบุคคล ที่ชักออกอาการปรี๊ดต่ง ปรี๊ดแตก คิดเอาโพเดียมทุ่มใส่หัวใครต่อใคร ชนิดวันละ 3 เวลาหลังอาหาร ด้วยเหตุผลกลใดก็มิอาจทราบได้ ให้ต้องเสียบรรยากาศมากมายเกินไปกว่านี้...
                                                                              ---------------------------------------------------
    ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้ จาก Cervantes (อีกครั้ง)... Tell me thy company, I will tell you what thou are.- จงบอกฉันถึงผู้คนที่ท่านคบหา แล้วฉันจะบอกได้ว่า...ท่านเป็นคนอย่างไร...
                                                                                 -------------------------------------------


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"