มีการประเมินตัวเลขผู้ป่วยโควิดอาจทะลุ 3 หมื่นรายต่อวัน ถ้าทุกฝ่ายยังไม่เคร่งครัด ไม่สนใจปฏิบัติตามมาตรการการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวของ ศบค. ใน 13 จังหวัด ขณะที่ตัวเลขรายวันยังเฉลี่ยทะลุหมื่นคน โดยมีผู้เสียชีวิตกว่าร้อยคนติดต่อกันมาหลายวัน และหากตัวเลขยังไม่มีแนวโน้มจะลดลง จึงมีแนวคิดที่เข้มข้นขึ้นมาบังคับใช้
    คือ "อู่ฮั่นโมเดล" ตามข้อเสนอ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และ "กว่างโจวโมเดล" จากประเทศจีน โดย รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อหวังสยบโควิด แต่อาจต้องแลกด้วยความเจ็บปวดของคนไทย จึงเป็นเรื่องที่จะต้องรับรู้ไปพร้อมกัน หากรัฐบาลหยิบมาใช้
    สำหรับ "อู่ฮั่นโมเดล" ใช้เวลาล็อกดาวน์ 76 วัน แบบเข้มข้น ตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค.2563 ก็ควบคุมสถานการณ์ได้ ด้วยการกำจัด"การเดินทาง" คือห้ามเข้า-ออกจากเมือง แม้แต่การเดินทางเพื่อพบแพทย์หรือการรักษาก็ไม่สามารถกระทำได้ กรณีที่อนุญาตให้เข้า-ออกคือการขนส่งอาหารสด ซึ่งรถขนส่งจะต้องมีใบอนุญาต
        ทั้งนี้ เมื่ออู่ฮั่นปิดเมืองภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ทำให้ประชาชนไม่สามารถ ‘อพยพ’ ออกจากพื้นที่ได้, ห้ามใช้รถยนต์ส่วนตัว ยกเว้นที่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากรัฐ, ปิดขนส่งมวลชนส่วนใหญ่, พื้นที่ส่วนใหญ่ ประชาชนออกจากบ้านได้เฉพาะเมื่อต้องการซื้ออาหารหรือยา แต่ไม่ได้กำหนดความถี่ในการออกจากบ้าน ขณะที่บางพื้นที่ของเมือง อนุญาตให้สมาชิกครอบครัวออกจากบ้านได้ครั้งละ 1 คน ทุกๆ 2 วันเท่านั้น
     "กำจัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ" ปิดร้านค้าทุกประเภทยกเว้นที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิต ได้แก่ ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาด ร้านขายยา ปิดสำนักงานและโรงงานทุกประเภท เว้นแต่โรงงานที่ผลิตสิ่งจำเป็น เช่น อาหาร ยา
     "การดูแลประชาชน" เจ้าหน้าที่มีหน่วยเคาะประตูบ้าน ตรวจสุขภาพเชิงรุกทุกหลังคาเรือน หากพบผู้ป่วยจะถูกแยกไปกักตัวทันที, สร้างโรงพยาบาลสนามอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับผู้ป่วยที่ถูกคัดแยกมาให้ทันท่วงที, ร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี เช่น Alibaba, Tencent พัฒนาแอปพลิเคชัน ภายในแอปผู้ใช้จะต้องตอบแบบสอบถามถึงอาการทางร่างกาย เช่น มีไข้ เจ็บคอ หรือไม่ และกรอกประวัติการเดินทางเพื่อเช็กความเสี่ยง จากนั้นผู้ใช้จะได้รับ QR Code ระบุว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงระดับสีใด (แดง-เหลือง-เขียว) หากเป็นสีแดงจะต้องกักตัว 14 วัน สีเหลืองกักตัว 7 วัน โดยร้านค้าที่ยังเปิดอยู่จะตรวจสอบ QR Code นี้ก่อนลูกค้าเข้าร้าน หากเป็นกลุ่มสีแดงหรือเหลืองจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า 
    ระดมเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครช่วยกระจายอาหาร ยา และอุปกรณ์ตรวจเชื้อตามบ้านเรือน หากคนในบ้านเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ ผู้เสียชีวิตจากโรค COVID-19 จะถูกส่งจากโรงพยาบาลตรงไปยังศูนย์จัดฌาปนกิจทันที ไม่อนุญาตให้จัดงานศพ ญาติผู้เสียชีวิตจะได้รับแจ้งให้มารับเถ้ากระดูกเพื่อประกอบพิธีได้ในภายหลัง ใช้ประโยชน์จากระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ล้ำสมัย ทำให้จีนสามารถระบุตัวผู้ที่ฝ่าฝืนกฎห้ามออกจากบ้านและแจ้งเตือนได้ทันที รวมถึงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจตราอยู่เสมอ  รวมทั้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของอาคารจะขอตรวจ QR Code ของผู้พักอาศัยอพาร์ตเมนต์บางแห่งก่อนเข้า-ออกอาคาร
    ขณะที่ "กว่างโจวโมเดล" เริ่มใช้มาตรการล็อกดาวน์ปิดเมืองทันที เมื่อพบผู้หญิงอายุ 75 ปีรายแรกติดเชื้อเดลตา เร่งตรวจเชื้อเชิงรุก 24 ชั่วโมงต่อวัน 7 วันต่อสัปดาห์ตลอดเวลา บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวดไม่เลือกปฏิบัติ จัดการกับผู้ละเมิดกฎกติกาอย่างจริงจัง จัดหาอาหารและสิ่งของจำเป็น ส่งกำลังบำรุงให้ประชาชนไม่ขาดแคลน ผ่านระบบ Mini-Application บนโทรศัพท์มือถือ แม้ทุกคนในพื้นที่จะไม่สามารถออกนอกที่พักอาศัยได้ ยกเว้นกรณีที่ได้รับอนุญาต
    เร่งฉีดวัคซีนให้มากที่สุด และเมื่อเปิดเมืองก็ยังบังคับการ Social Distancing จนทั้งเมืองปลอดเชื้อ จึงเริ่มผ่อนคลายการทำ Social Distanging ใช้ AI + GPS + QR code + Mini Application ในการบ่งชี้พื้นที่เฝ้าระวัง บ่งชี้ว่าใครสามารถเดินทางได้หรือไม่ได้ และได้แค่ไหน รวมทั้งเฝ้าระวังว่ามีใครละเมิดกฎกติกาหรือไม่ มีการวางแผนเผชิญเหตุอย่างชัดเจน รัดกุม รอบด้าน (ทั้งเรื่องมาตรการ กำลังคน อุปกรณ์ และงบประมาณ) เพื่อให้ประชาชนเชื่อใจและมั่นใจว่ารัฐบาลสามารถจัดการกับปัญหาได้
    อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 โมเดลแม้จะประสบความสำเร็จกำจัดโควิด แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องแลกด้วยความเจ็บปวด ไม่ว่าโดยเฉพาะอาการบาดเจ็บทางจิตใจของผู้คน หรือมีคนพิการเสียชีวิตขาดอาหารและน้ำ หลังจากญาติพี่น้องถูกแยกกักตัวไปทันที ไม่นับสัตว์เลี้ยงต่างๆ ได้รับความเสี่ยงเพราะไม่มีคนดูแล รวมทั้งความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจที่คาดว่าจะรุนแรง
    หากสถานการณ์โควิดของไทยยังไม่ดีขึ้น จึงต้องดูว่าผู้มีอำนาจจะกล้าตัดสินใจหรือไม่.