“อภิสิทธิ์”หนุนคสช.ถกกกต.ก่อนคุยการเมือง  จี้แบ่งเขตเลือกตั้งให้เสร็จช่วยพรรคการเมืองสู่การเลือกตั้งได้ พร้อมเดินหน้าทำไพรมารีโหวต  ไม่สนใจสุเทพดูดลูกพรรค  โวกาผู้สมัครลงส.ส.จันทบุรีและสุราษฎร์ธานีเสียบแทนแล้ว แนะสำนักงบประมาณดูรายละเอียดงบเลือกตั้งมหาศาล 5.8 พันล้าน

เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. เวลา 10.30 น. ที่อาคารรัฐประศาสนภักดี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถ.แจ้งวัฒนะ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงไปงานมหกรรมประกวดการอนุรักษ์ พระบูชา พระเครื่อง และเหรียญพระคณาจารย์ทั่วประเทศกรณีที่รัฐบาลและคณะรักษาความแห่งชาติ (คสช.) เตรียมจะเชิญพรรคการเมืองมาร่วมหารือเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง ว่า ตามคำสั่งหัวหน้าคสช. เลือกที่จะให้มีการหารือกันหลังจากบังคับใช้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.ซึ่งเดิมคาดว่าจะเป็นเดือนมิ.ย.นี้ แต่ตอนนี้ขั้นตอนต่างๆ ยังไปไม่ถึงจุดนั้น ตนจึงมองว่าคสช.และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) น่าจะเห็นสภาพปัญหาต่างๆ ก่อน และหากมีความจำเป็นที่ต้องมาปรึกษาหารือกันกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคการเมือง ก็สามารถเชิญพรรคต่างๆ มาหารือ แล้วออกคำสั่งต่างๆ เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปได้อย่างราบรื่น เพราะมีหลายเรื่องในบทบัญญัติกฎหมายใหม่ที่กกต.และพรรคการเมืองต้องมีการเตรียมตัวปรับตัว เมื่อถามว่าคิดว่าจำเป็นต้องมีการถ่ายทอดสดการหารือดังกล่าวตามข้อเสนอของบางพรรค หรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าที่ผ่านมา บรรยากาศการหารือมีพรรคการเมืองมาร่วมค่อนข้างมาก ไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้ว

“ควรมองที่ผลการทำงานดีกว่า ทั้งหมดแล้วเราต้องการให้นำไปสู่การเลือกตั้งอย่างราบรื่น และทำอย่างไรให้การเลือกตั้งมีความสุจริตและเที่ยงธรรม รวมถึงมีความเสมอภาคกับทุกพรรคการเมืองมีความสบายใจว่าจะเป็นการแข่งขันแบบเสรี นี่คือเป้าหมายหลัก และกกต.คงต้องการความชัดเจนว่าเขาสามารถทำงานได้ตามหน้าที่”

ผู้สื่อข่าวถามว่าการแบ่งเขตการเลือกตั้งจำเป็นต้องใช้กฎหมายพิเศษมาดำเนินการหรือไม่ เนื่องจาก กกต.มีแนวคิดที่จะขอให้คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูญ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 ออกคำสั่งมาดำเนินการในเรื่องนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนได้ท้วงติงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) มาตั้งแต่ต้นว่า การทำให้กฎหมายการเลือกตั้งส.ส.บังคับใช้ล่าช้าจะทำให้เกิดผลเสีย และไม่สามารถเดินหน้าแบ่งเขตการเลือกตั้งได้ ถ้าจะแก้ ก็ต้องไปแก้ตรงนั้นว่าจะทำอย่างไรให้การแบ่งเขตเลือกตั้งเดินได้เร็วขึ้น เพราะถ้าทำได้เร็ว ก็จะช่วยพรรคการเมืองได้ 2 เรื่องคือ 1.ทำให้การจัดตั้งสาขาพรรคหรือการกำหนดพื้นที่ว่าสาขาจะดูแลสมาชิกในเขตเลือกตั้งใดได้บ้างนั้น ทำได้ง่ายขึ้น 2.การเตรียมตัวสู่การทำไพรมารี่โหวตในการคัดเลือกผู้สมัครส.ส.ที่จะต้องยึดโยงกับเขตเลือกตั้ง ดังนั้นถ้าแบ่งเขตเลือกตั้งไม่ได้ ทั้ง 2 เรื่องนี้ก็เดินหน้าไม่ได้ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์มีความพร้อมอยู่แล้ว เมื่อใดที่มีการแบ่งเขตเลือกตั้งอย่างชัดเจน เราก็เร่งเดินหน้าการจัดตั้งสาขาพรรคและการทำไพรมารีโหวต

ส่วนบางพรรคเสนอให้มีการงดเว้นการใช้ไพรมารี่โหวตออกไปก่อน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเหตุผล ทั้งนี้ เราทราบกันดีอยู่แล้วว่ากฎหมายใหม่ต้องการให้มีกระบวนการการมีส่วนร่วมของสมาชิกพรรคการเมือง ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์กำลังเตรียมการอยู่ แต่ถ้าพรรคใดที่ยังมีปัญหา ก็สามารถสะท้อนปัญหาออกมาได้

เมื่อถามว่า มีพรรคการเมืองเกิดใหม่จำนวนมาก จะทำให้การที่พรรคประชาธิปัตย์ต้องหาสมาชิกเพิ่มเติมมีความยากขึ้นกว่าในอดีตหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งมีทั้งสมาชิกที่เข้าและออกจากพรรค เห็นได้จากการให้มายืนยันความเป็นสมาชิกก็มีประชาชนจำนวนมากเข้ามาที่พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่ามีสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ย้ายไปอยู่กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำกปปส. ร่วมจัดตั้งมากแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดา ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งก็มีการเปลี่ยนแปลงพรรคอยู่บ้าง ไม่มีอะไรผิดปกติ ซึ่งกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ ผู้ที่ย้ายไปล่าสุดก็มีนายธวัชชัย อนามพงษ์ อดีตส.ส.จันทบุรี เมื่อถามต่อว่าทั้งกรณีของอดีตส.ส.จันทบุรีและสุราษฎร์ธานีที่ไปอยู่กับพรรครปช.นั้น พรรคประชาธิปัตย์ได้เตรียมคนมาลงสมัครรับเลือกตั้งแทนแล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรามีผู้ที่แสดงความประสงค์จะลงสมัคร เตรียมพร้อมได้แล้ว ไม่มีอะไรน่าหนักใจ

ส่วนกรณีที่กกต.จะขอรับการจัดสรรงบประมาณ 5,800 กว่าล้านบาท สำหรับใช้ในการจัดการเลือกตั้งส.ส. และการเลือกตั้ง ส.ว. นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สำนักงบประมาณควรจะไปดูฐานรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการทั้งหมดว่าฐานการคำนวณตัวเลขเป็นอย่างไร