คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ได้พิจารณางบประมาณของกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมทั้งหมด 6 หน่วยงาน วงเงิน 203,281,969,300 บาท และพิจารณางบประมาณหน่วยงานในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงอีก 2 หน่วยงาน
แบ่งเป็น สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม 9,197,257,500 บาท กองบัญชาการกองทัพไทย 14,580,054,900 บาท กองทัพบก 99,376,773,800 บาท กองทัพเรือ 41,307,394,400 บาท กองทัพอากาศ 38,404,770,700 บาท สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ 415,718,000 บาท สำนักนายกรัฐมนตรี ได้แก่ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักนายกรัฐมนตรี 7,881,652,000 บาท ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล สำนักนายกรัฐมนตรี 1,384,483,100 บาท
คณะกรรมาธิการฯ พุ่งเป้าไปที่โครงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของเหล่าทัพ โดยเฉพาะการตั้งคำถามในโครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T 2 ลำของกองทัพเรือ ผูกพันงบประมาณ 22,500,000,000 ล้านบาท โดยบรรจุวงเงินงบประมาณในร่างพระราชบัญญัติงบประมาณประมาณ 900 ล้านบาท ในชั้นนี้ พลเรือเอกชาติชาย ศรีวรขาน ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ถอนโครงการออกไปแล้ว และพลเรือเอกเชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ ได้ชี้แจงรายละเอียดถึงเรื่องดังกล่าว
จำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ 3 ลำ
เป็นหน้าที่ที่กองทัพเรือจะต้องเตรียมกำลังรบที่มีความจำเป็นสำหรับการปกป้องอธิปไตยทางทะเล การดำรงเส้นทางคมนาคมทางทะเลให้ได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลกว่า 22.89 ล้านล้านบาทนั้น ซึ่งกองทัพเรือได้พิจารณาไตร่ตรองโดยถี่ถ้วนแล้ว เห็นว่ามีความจำเป็นต้องจัดหาเรือดำน้ำไว้ประจำการ จำนวน 3 ลำ จะสามารถปฏิบัติการได้ครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่งทะเลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
งบ 3 ก้อนคืนรัฐบาลช่วยโควิด
การดำเนินการด้านงบประมาณนั้นได้ส่งคืนงบประมาณในปี 2563 จำนวน 3,375 ล้านบาท ปี 2564 จำนวน 3,925 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนให้รัฐบาลสามารถบริหารจัดการให้เกิดประโยชน์สูงสุดในภาพรวมตามความจำเป็นเร่งด่วนต่อไป โดยการดำเนินการเสนอของบประมาณจัดหาเรือดำน้ำเพิ่มเติมอีกจำนวน 2 ลำ ในปี 2565 กองทัพเรือได้พิจารณาถึงความเหมาะสมด้านงบประมาณที่ไม่เป็นการใช้งบประมาณแต่ละปีมากจนเกินไป โดยได้มีการเจรจากับทางฝ่ายจีนให้สามารถแบ่งจ่ายเงินสำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำอีก 2 ลำที่เหลือ เป็นเวลาถึง 6 ปี ซึ่งสามารถจ่ายเงินงวดแรกในปีงบประมาณ 65 ที่กำลังพิจารณานี้เพียง 900 ล้าน จากยอดรวม จำนวน 22,500 ล้านบาท ของมูลค่าเรือดำน้ำทั้ง 2 ลำ ทั้งนี้เงินดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงบประมาณปกติของกองทัพเรืออยู่แล้ว มิได้เป็นงบประมาณที่ขอใหม่แต่อย่างใด
มั่นใจ “จีน” เข้าใจความจำเป็น
เนื่องจากเป็นการจัดหาในลักษณะรัฐบาลต่อรัฐบาล ที่รัฐบาลจีนให้ความช่วยเหลือทางทหารหลายรายการ จึงอาจส่งผลกระทบบางประการที่กองทัพเรือจะต้องไปดำเนินการเจรจากับรัฐบาลจีน เพื่อสร้างความเข้าใจถึงเหตุผลความจำเป็นของการชะลอโครงการดังกล่าว และไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และยังคงความพร้อมที่จะให้การสนับสนุนความช่วยเหลือทางทหารกับกองทัพเรือต่อไป
“สุดท้ายนี้กองทัพเรือหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การพิจารณาของกองทัพเรือในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนคนไทยในสถานการณ์ที่เหมาะสม ตลอดจนเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยแก้ไขปัญหาของชาติอันเป็นที่รักของพวกเราทุกคน ตลอดจนลดความขัดแย้งทางความคิด อันจะนำไปสู่การมีความสมัครสมานสามัคคี ที่จะเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ในการขับเคลื่อนประเทศไทยให้รอดพ้นจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป”.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |