อิสลาม15จังหวัด ออกแถลงการณ์! ล่ามือฆ่ากก.มุสลิม


เพิ่มเพื่อน    

 รอง ปธ.กก.อิสลามปัตตานีอาการน่าห่วง   สมาพันธ์อิสลาม 15 จังหวัดเสียขวัญแถลงการณ์เร่งจับมือยิง เผยคนร้ายเพิ่งละหมาดเดินออกจากมัสยิดพร้อมผู้ตาย ขณะที่ตัวแทนจุฬาราชมนตรีลงพื้นที่แก้ปม รร.อนุบาลผู้ปกครองต้านทางการห้ามใส่ฮิญาบ ชี้รัฐต้องมาคุย-รับความต่างอัตลักษณ์ 

    จากกรณีคนร้ายแต่งกายเป็นสตรีคลุมผ้าปิดใบหน้าใช้อาวุธปืนยิงนายอดุลเดชร์ เจ๊ะแน รองประธานกรรมการอิสลามปัตตานี หลังจากละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิด กระสุนฝังในอาการสาหัสนั้น เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. บรรยากาศที่หน้าห้องไอซียู โรงพยาบาลปัตตานี มีญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ และเพื่อนร่วมงานของนายอดุลเดชร์ได้เดินทางมาเยี่ยมเป็นจำนวนมาก แต่ไม่สามารถเข้าไปได้ทั้งหมด เนื่องจากแพทย์เกรงว่าผู้ป่วยอาจจะติดเชื้อได้ อาการล่าสุดปรากฏว่าหน้าบวมจนจำหน้าเดิมไม่ได้ ความดันโลหิตลดลง อาการน่าเป็นห่วง เป็นตายเท่ากัน ซึ่งแพทย์ได้ทำความเข้าใจกับภรรยาและบุตรแล้ว ครอบครัวพร้อมทำใจกับเหตุการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้น ส่วนสาเหตุการประกบยิง เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล ยังไม่มีความคืบหน้าคดีนี้
    ขณะที่นายอัสนาวี มุคุระ ประธานสมาพันธ์คณะกรรมการอิสลาม 15 จังหวัดภาคใต้ ได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า นายอดุลเดชร์ถูกประกบยิงถึง 3 นัด ถูกที่ศรีษะ คนร้ายเดินออกจากมัสยิดพร้อมกับท่าน ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้น เพราะทุกคนต่างก็ละหมาดวันศุกร์ร่วมกันด้วย แม้แต่คนร้ายก็ละหมาดวันศุกร์ เป็นเรื่องที่สะเทือนใจแก่ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ ทั้งนี้ ในนามประธานสมาพันธ์ฯ ขอให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กรคณะกรรมการกลางอิสลามแห่งประเทศไทยได้ติดตามให้ประจักษ์โดยเร็ว มิฉะนั้นคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดคงหมดขวัญและกำลังใจในการทำงาน 
    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศทั่วไปในตัวเมืองปัตตานี ประชาชนยังดำเนินชีวิตตามปกติ แต่ช่วงนี้สถานการณ์รายวันเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ทำให้ฝ่ายความมั่นคงเข้มงวดและใช้มาตรการเข้มตรวจสอบรถทุกคันที่ผ่านเส้นทางต่างๆ ในเขตเมืองปัตตานี  พร้อมตรวจสอบที่มาที่ไปของยานพาหนะและผู้ขับขี่อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่อาจเกิดขึ้น มีตั้งจุดตรวจจุดสกัดเส้นทางต่างๆ นอกจากนั้นได้ประสานการงานร่วมกับทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง โดยเน้นดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนในพื้นที่รอบนอกที่ห่างไกลอย่างเข้มงวด โดยเน้นรักษาความปลอดภัย พร้อมทั้งลาดตระเวนเส้นทางต่างๆ ที่เป็นเส้นทางหลัก ระหว่างจังหวัด ระหว่างอำเภอ พร้อมทั้งตั้งจุดตรวจลอยพื้นที่ที่มีรายงานความเคลื่อนไหวของคนร้าย
    อย่างไรก็ตาม ยังคงเกิดเหตุก่อความไม่สงบต่อเนื่อง โดย ร.ต.อ.สาธิต สุรัตนสัญญา รอง สว.สอบสวน สภ.บ้านโสร่ง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พร้อมด้วยตำรวจพิสูจน์หลักฐาน กองกำกับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ได้เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุเพื่อหาพยานหลักฐานเหตุคนร้ายได้ก่อเหตุยิงกันบนถนนชนบท บริเวณพื้นที่ ม.6 บ้านโคกขี้เหล็ก ม.6 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี พบรถจักรยานยนต์ฮอนด้าเวฟ 100 สีน้ำเงิน ล้มอยู่กลางถน และพบรอยเลือดเป็นกอง ส่วนคนถูกยิงทราบชื่อว่า นายฮามิ กาซอ อายุ 72 ปี และนางอามีเนาะ กาซอ อายุ 61 ปี ที่อยู่  53 ม.6 ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เป็นสองสามีภรรยา ได้รับบาดเจ็บทั้งสองมีบาดแผลถูกยิงบริเวณลำตัว พลเมืองดีนำส่ง รพ.ศูนย์ยะลา แต่นายฮามิทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตในเวลาต่อมา
    จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ตายเป็นอดีตผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ก่อนเกิดเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์มาทำธุระข้างนอก โดยมีภรรยานั่งซ้อนท้าย เพื่อจะกลับบ้าน พอเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นที่เปลี่ยวและมืด ได้มีคนร้าย 2 คนขี่ จยย.เป็นยานพาหนะประกบ พอได้โอกาสคนร้ายที่นั่งซ้อนท้ายใช้อาวุธปืนสั้นกระหน่ำยิงทันที 3 นัด เป็นเหตุให้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว ส่วนสาเหตุเชื่อว่าเป็นการแก้แค้นเรื่องส่วนตัว    
    วันเดียวกัน ที่ห้องประชุม สำนักงานคณะกรรมการอิสลามจังหวัดปัตตานี บ้านทุ่งนเรนทร์ หมู่ที่ 1 ตำบลบ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงาน สำนักจุฬาราชมนตรี ได้เดินทางลงพื้นที่พบผู้ปกครองโรงเรียนอนุบาลปัตตานี หลังจากที่ได้ยื่นหนังสือถึงจุฬาราชมนตรี ผ่านนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี กรณีการแต่งกายตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรับทราบปัญหาและข้อกังวลที่เกิดขึ้น โดยมีนายแวดือราแม มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี, นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายก อบจ.ปัตตานี,  พ.อ.ชัชพล สว่างโชติ ผู้อำนวยการกองงานมวลชน ศูนย์สันติสุข และผู้ปกครองของนักเรียนโรงเรียนอนุบาล รวมกว่า 50 คน เข้าร่วมประชุม
    ดร.วิสุทธิ์ บิลล่าเต๊ะ ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงาน สำนักจุฬาราชมนตรี กล่าวว่า เป็นการพบปะผู้ปกครองเพื่อรับฟังปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้เห็นว่าปัญหาฮิญาบคงไม่ใช่ปัญหาที่จะสร้างความแตกแยกเลย แต่เป็นปัญหาที่รัฐนำมาใช้ประโยชน์ได้ ในฐานะที่เราต้องการสร้างความสมานฉันท์ ความปรองดอง และเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม ที่อุดมด้วยมิตรภาพอันแท้จริง สิ่งต่างๆ เหล่านี้อยากให้ทางภาครัฐได้ตระหนัก อยากจะให้ผู้บริหารโรงเรียนได้ตระหนัก เพราะไม่มีผู้ปกครองคนไหนเลยที่จะสร้างความแตกแยก 
    "แต่มันก็เป็นธรรมชาติที่คนต่างชาติพันธุ์ต่างชาติศาสนาก็จะมีอัตลักษณ์ที่แตกต่างกันไป ทีนี้ก็เป็นเรื่องที่ว่าจะทำยังไงที่จะทำให้พื้นที่โรงเรียนเด็กๆ อยู่กันได้อย่างมิตรภาพ แสดงออกซึ่งกันและกันในความเป็นพี่น้องร่วมชาติและร่วมสังคม ซึ่งความต่างของอัตลักษณ์เป็นสิ่งที่งดงาม วิธีที่ดีที่สุดคือการเจรจาพูดคุยเพื่อสร้างความเข้าใจ ทั้งในระดับพื้นที่ ระดับโรงเรียนและระดับผู้รับผิดชอบ ที่จะต้องป้องกันไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด วันนี้เราต้องช่วยกันในระดับนโยบาย จะต้องมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรให้ผู้ที่เห็นต่างได้มีเวทีมาแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น วันนี้ก็มีโอกาสได้ชี้แจงกับพี่น้องผู้ปกครองให้อดทน และใช้วิธีที่นุ่มนวล ชี้แจงถึงเหตุผลที่เราจำเป็นต้องคลุมฮิญาบ ซึ่งเป็นหลักศาสนา" ผู้อำนวยการศูนย์ประสานงาน สำนักจุฬาราชมนตรี ระบุ. 


 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"