ม็อบไม่กลัวติดเชื้อโรค ปะทะเดือดเจ็บระนาว


เพิ่มเพื่อน    

ม็อบ 18 กรกฎามาตามนัด ไม่กลัวโควิด เคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยหวังไปทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ถึงฝั่งฝันเมื่อเจอตำรวจสกัดกั้น ปะทะเดือดทั้งจุดไฟเผา  แก๊สน้ำตา กระสุนยางว่อน บาดเจ็บทั้ง 2 ฝ่าย
เมื่อวันอาทิตย์ 18 ก.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งกลุ่มเยาวชนปลดแอกร่วมได้ร่วมกับกลุ่มแนวร่วมเครือข่ายต่างๆ อาทิ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย DRG, เครือข่ายรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย, กลุ่มทะลุฟ้า, เฟมินิสต์ปลดแอก, ภาคีบุคลากรสาธารณสุข, ศาลายาเพื่อประชาธิปไตย และ We Volunteer หรือ WeVo เป็นต้น ได้นัดรวมพลม็อบ 18 กรกฎา บุกทำเนียบรัฐบาล เพื่อเรียกร้องใน 3  ข้อคือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ต้องลาออกโดยไม่มีเงื่อนไข 2.ปรับลดงบประมาณสถาบัน-กองทัพ สู้โควิด และ 3.เปลี่ยนวัคซีนหลักเป็นชนิด mRNA
    โดยตั้งแต่เวลา 13.00 น.เป็นต้นมา ได้มีมวลชนและรถขยายเสียงของแต่ละกลุ่มเริ่มเข้าพื้นที่ โดยรวมตัวกันที่ฝั่งแมคโดนัลด์ ซึ่งในระหว่างการรอเวลาเคลื่อนขบวน มีแนวร่วมสลับขึ้นกล่าวโจมตีการทำงานรัฐบาลและเล่นดนตรีให้มวลชนรับฟังเผื่อความผ่อนคลาย ขณะเดียวกันมวลชนบางส่วนได้นำสเปรย์ฉีดพ่นลงบนพื้นถนนด่าทอรัฐบาลและผู้นำประเทศ
     ขณะที่การรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่บริเวณโดยรอบทำเนียบฯ ถนนพิษณุโลก ตั้งแต่แยกนางเลิ้งถึงแยกพาณิชยการ เจ้าหน้าที่ได้ปิดการจราจร พร้อมตั้งแผงเหล็กเสริมลวดหนามหีบเพลง ขณะที่สะพานชมัยมรุเชฐ เจ้าหน้าที่ได้นำตู้คอนเทนเนอร์ปิดถนนเพื่อรับมือแล้ว และเมื่อเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงครามและ สน.สำราญราษฎร์ ได้ออกมาประกาศให้แจ้งเตือนไปยังม็อบ 18 กรกฎา ว่าห้ามจัดการชุมนุม เนื่องจากเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 อีกทั้งยังผิดกฎหมายฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมยุติการชุมนุมทันที 
    เวลา 15.15 น. ม็อบ 18 กรกฎาได้เริ่มเคลื่อนขบวนมุ่งหน้าทำเนียบฯ โดยหัวขบวนเป็นกลุ่มการ์ดวีโว่ ต่อด้วยผู้ชุมนุมเดินเท้า พร้อมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เป็นการแบกศพประชาชนผู้เสียชีวิตห่อด้วยผ้าขาว เพื่อสะท้อนถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นของการระบาดไวรัสโควิด-19 ต่อจากนั้นเป็นขบวนรถจักรยานยนต์จากสหภาพไรเดอร์ และของมวลชนทั่วไป และขบวนรถยนต์ส่วนบุคคลที่ปิดป้ายแสดงความโจมตีการทำงานของรัฐบาล และบีบแตรเพื่อขับไล่รัฐบาล ซึ่งในระหว่างการเคลื่อนขบวนฝนได้ตกลงมาอย่างหนักในบางช่วง
และในเวลา 15.30 น. หัวขบวนมาถึงแยกผ่านฟ้าฯ ที่มีการตั้งแผงเหล็กเสริมลวดหนามหีบเพลงไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านไปตาม ถ.ราชดำเนิน และห่างจากแนวแผงเหล็กประมาณ 500 เมตร มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนพร้อมรถฉีดน้ำแรงดังสูงอีก 2 คัน เสริมแนวแผงเหล็กและลวดหนามหีบเพลงอีกชั้น โดย พ.ต.อ.นิมิตร นูโพนทอง ผกก.สน.นางเลิ้ง ได้ประกาศให้ยุติการชุมนุม ทำให้มวลชนไม่พอใจต่างโห่ร้อง ขณะเดียวกันกลุ่มการ์ดได้เข้ารื้อลวดหนามและแผงเหล็กกั้น ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้หยุดการกระทำ ถ้าไม่หยุดเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องฉีดน้ำ แต่มวลชนไม่เชื่อฟัง เจ้าหน้าที่จึงใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงใส่กลุ่มผู้ชุมนุม แต่ผู้ชุมนุมก็สามารถรื้อแผงเหล็กเข้าไปได้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ประกาศเตือนให้หยุด ถ้ายังไม่หยุดจะใช้มาตรการเพิ่มเติม และประกาศให้กำลังพลสวมหน้ากากกันแก๊ส ให้รถฉีดน้ำจีโน่ผสมสีเพื่อคัดแยกกลุ่มคน หากไม่เกี่ยวข้องให้ออกจากพื้นที่ ทำให้สถานการตึงเครียดมากยิ่งขึ้น โดยเริ่มมีการจุดไฟเผา เจ้าหน้าที่ต้องใช้รถฉีดน้ำดับ 
    ทั้งนี้ ในเวลา 16.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงจะฝ่าเจ้าหน้าที่ แม้จะฝ่าเข้าไปแล้ว 1 ชั้น โดยกลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการปาระเบิดควันไปยังเจ้าหน้าที่ ขณะที่เจ้าหน้าที่ได้ประกาศให้สื่อมวลชนออกห่างจากแนวการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมประกาศจะใช้แก๊สน้ำตาตามขั้นตอนที่เด็ดขาด แต่มวลชนยังพยายามรื้อสิ่งกีดขวาง จึงมีการฉีดน้ำเพื่อระงับยับยั้งอยู่เรื่อยๆ แต่การเจรจาไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่จึงได้ฉีดน้ำผสมแก๊สใส่ผู้ชุมนุมพร้อมใช้กระสุนยางยิงใส่ผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บ ทำให้นายธัชพงษ์ แกดำ แกนนำกลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า ประกาศให้มวลชนเปลี่ยนเส้นทางไปตาม ถ.นครสวรรค์ มุ่งหน้าแยกนางเลิ้ง ถ.พิษณุโลกไปยังทำเนียบฯ
ในเวลา 16.45 น. หัวขบวนได้เดินทางมาถึงแยกพาณิชยการเพื่อรอมวลชน ส่วนที่เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เจ้าหน้าที่ได้นำแผงเหล็กกั้นเสริมลวดหนามหีบเพลงพร้อมรถตู้ และรถควบคุมผู้ต้องขังจอดขวางถนนไว้ พร้อมรถฉีดน้ำแรงดันสูงอีก 2 คัน พร้อมตู้คอนเทนเนอร์ปิดบริเวณสะพาน และเมื่อมวลชนเดินทางมาถึงก็พยายามเข้าประชิดแนวรั้ว ทำให้เจ้าหน้าที่ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงผสมแก๊สน้ำตาฉีดใส่ผู้ชุมนุมอีกครั้ง พร้อมใช้กระสุนยาง ทำให้สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เมื่อถึงเวลา 17.00 น. หลังเจ้าหน้าที่ระดมยิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ชุมนุม ทำให้มวลชนต้องล่าถอยกลับมาตั้งหลักอยู่ที่แยกนางเลิ้งแล้ว แกนนำผู้ชุมนุมพยายามแก้กลยุทธ์ด้วยการนำรถบรรทุก 6 ล้อเล็ก จำนวน 8 คัน ยกดัมพ์เพื่อสกัดแนววิถีการยิงแก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจบริเวณหน้า รร.ราชวินิตมัธยม ถ.พิษณุโลกทั้งฝั่งขาเข้าและขาออก แต่ยังไม่เป็นผล เจ้าหน้าที่ใช้ปืนยิงแก๊สน้ำตาวิถีโค้งสูงลงไปยังกลุ่มผู้ชุมนุมทำให้ต้องล่าถอย และมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตลอดเวลา โดยมีผู้ได้รับบาดเจ็บกันทั้ง 2 ฝ่าย และในเวลาต่อมาก็ได้มีการประกาศยุติการชุมนุม ซึ่งก็ทำให้มวลชนบางส่วนอารมณ์ค้างเริ่มมีการเผาสิ่งของและหลายๆ จุด.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"