หลายกลุ่มสินค้าในประเทศไทยมีทั้งตัวที่เป็นกลุ่มดาวเด่น จนสามารถทำเงินใหัหมุนเวียนอยู่ในประเทศได้มากมายมหาศาล จากการขายในประเทศเองหรือการส่งออก แต่หลังจากเกิดสถานการณ์โควิด-19 ที่ยืดเยื้อและยาวนาน จนส่งผลกระทบให้กลุ่มสินค้าดาวเด่นเหล่านั้นถูกลดความนิยมลง
รวมถึงการส่งออกที่ยังไม่สามารถทำได้เต็มที่ก็กระทบมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ปัจจุบันโควิดในประเทศไทยนั้นรุนแรงมากที่สุดจากทุกรอบที่ผ่านมา ก็ยิ่งทำให้โอกาสในการส่งออกสินค้าต่างๆ ไปยังบางประเทศถูกจำกัดสิทธิ์ลงไป เนื่องด้วยความเชื่อมั่นในความปลอดภัย อย่างเช่นกลุ่ม "ผลไม้"
ที่เดิมก่อนเกิดโควิดนั้นเป็นกลุ่มที่ส่งออกและทำเงินให้เกษตรกรได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะการส่งออกไปจีน แต่ขณะสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นอยู่ทำให้กลุ่มผลไม้ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และการขายในประเทศเองก็มีหลายกลุ่มโดนกดราคา และไม่สามารถทำเงินได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ด้วยเหตุนี้การเข้ามาช่วยเหลือในกลุ่มผลไม้ก็ยังเป็นเรื่องที่จำเป็นอยู่ แม้เดิมจะมีความเข้มแข็งในภาคการส่งออกหรือการผลิตแค่ไหนก็ตาม แต่ในปัจจุบันก็ยังต้อรอการเยียวยาเหมือนกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ ภายใต้ความหวังแค่ว่าต้องการที่จะขายสินค้าให้ได้เหมือนเดิมเท่านั้น...
และด้วยเหตุนี้ที่ผ่านมาอาจจะเห็นหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมาประเมินตัวเลขความเสียหายในแต่ละเดือนไปบ้างแล้ว และก็มีหลายหน่วยงานที่เข้ามาช่วยเหลือกลุ่มผลไม้ของไทยนี้ด้วยการเหมาซื้อ นำไปแปรรูป แจกจ่าย หรือช่วยหาช่องทางการขายให้เพิ่มขึ้น ซึ่งหนึ่งในนั้นคือกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ที่ถือว่ามีช่องทางในการช่วยเหลืออย่างครบครัน
โดยการจัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ (Online Business Matching) ระหว่างเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ไทยกับผู้ซื้อ ผู้นำเข้าฮ่องกง ในช่วงเดือน มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา และได้รับการรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง ถึงผลการทำหน้าที่เซลส์แมนประเทศร่วมกับเซลส์แมนจังหวัดในการหาตลาดให้กับสินค้าเกษตรของไทย โดยมีการซื้อขายทันที 8.8 ล้านบาท และคาดการณ์ยอดขายที่มีกำหนดส่งมอบภายใน 1 ปีอีกกว่า 27 ล้านบาท
โดยการจัดงานครั้งนี้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง ได้ร่วมมือกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด จำนวน 13 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน นนทบุรี ปทุมธานี ปราจีนบุรี สมุทรสาคร นครปฐม ระยอง ตราด จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช และชุมพร สร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ไทย เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ มะม่วงจักรพรรดิแดง มะพร้าว ส้มโอ และผลไม้แปรรูป อาทิ ลำไยอบแห้ง มะพร้าวอบกรอบ และข้าวตัง เป็นต้น
ผ่านกิจกรรมเจรจาธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 39 รอบ กับผู้นำเข้าผลไม้รายสำคัญในฮ่องกง ซึ่งจากผลการทำงานร่วมกันทำให้เกิดความเชื่อมั่นระหว่างทั้งสองฝ่ายในระหว่างการเจรจาการค้า และมั่นใจว่าผลไม้ไทยจะเข้าสู่ตลาดฮ่องกงได้เพิ่มขึ้น เพราะผู้นำเข้ามีเครือข่ายในการกระจายผลไม้ครอบคลุมหลายช่องทางผ่านร้านค้าสะดวกซื้อสมัยใหม่และตลาดสด ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าชาวฮ่องกงได้ทุกระดับ
ซึ่งกิจกรรมเจรจาธุรกิจผ่านระบบออนไลน์ในครั้งนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากการเจรจาส่งออกมะม่วงน้ำดอกไม้ในเดือน มี.ค.64 ที่ผ่านมา และการลงนามในเอ็มโอยูจำหน่ายมะม่วงน้ำดอกไม้สู่ฮ่องกงจากจังหวัดปทุมธานีและสระแก้ว ในเดือน พ.ค.64 รวมปริมาณ 2,200 ตัน มูลค่า 100 ล้านบาท ภายใน 1 ปี แสดงให้เห็นว่าชาวฮ่องกงมีความต้องการบริโภคผลไม้จากประเทศไทย โดยเป็นตลาดของผลไม้พรีเมียม
ขณะที่ในอนาคตเห็นว่าจะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นอีก โดยสินค้าเป้าหมายต่อไปที่มีผู้นำเข้าแสดงความสนใจแล้ว ได้แก่ 1.เฟอร์นิเจอร์ไม้ภายในบ้าน 2.อาหารแห่งอนาคต ซึ่งเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้บริโภคชาวฮ่องกงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น เนื้อที่ทำจากพืช และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
จึงสามารถตอบปัญหาได้ชัดเจนว่าคุณภาพของสินค้าประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นกลุ่มใดก็ตาม ยังสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มประเทศผู้นำเข้าอยู่เสมอ เพียงแค่ในสถานการณ์วิกฤติหากมีความช่วยเหลือที่ดี สามารถพาเข้าไปถึงช่องทางการขายได้ ก็จะเป็นการแก้ปัญหาความตกต่ำที่ผ่านทาได้อย่างแน่นอน.
ณัฐวัฒน์ หาญกล้า
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |