ตัวตน-เส้นทาง 'บิ๊กโจ๊ก'อยู่ใกล้ผู้ใหญ่ จุดแข็งหรือจุดอ่อน?


เพิ่มเพื่อน    

 

ตัวตน-เส้นทาง  “บิ๊กโจ๊ก”

   บิ๊กตำรวจคนดังในยุค คสช.ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหลายคนรู้จักหน้าค่าตามากที่สุดคนหนึ่ง  เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก บิ๊กโจ๊ก- พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) หรือที่รู้จักกันในฉายาที่ปรากฏในสื่อมวลชนว่า โจ๊ก หวานเจี๊ยบ

ชื่อของ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ โด่งดังในหลายกรรมหลายวาระ เช่น เรื่องการเติบโตแบบก้าวหน้ารวดเร็วในเส้นทางการรับราชการตำรวจสีกากี ที่ตอนนี้อายุแค่ 47 ปี แต่มีตำแหน่งใหญ่เป็นรองผู้บัญชาการ และมีข่าวว่ากันยายนปีนี้ก็มีชื่ออาจได้ลุ้นเป็นผู้บัญชาการ ขณะเดียวกันเรื่องผลงานในการสืบสวนปราบปรามจับกุมคดีต่างๆ ก็ปรากฏผ่านสื่อทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นคดีการกระทำความผิดอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือการปราบปรามแก๊งโรแมนซ์สแกม (Romance scams) ที่เป็นพวกต่างชาติหลอกจีบสาวไทยเพื่อหลอกให้โอนเงิน-การจับกุมแก๊งเด็กแว้น-การปราบปรามการค้ามนุษย์-การปราบปรามจับโต๊ะเถื่อนในสนามม้า-การเข้าร่วมตรวจสอบการเก็บค่าคุ้มครองในตลาดใหม่ดอนเมือง จนตำรวจมีการสอบสวนเอาผิด พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ เป็นต้น จนหลายฝ่ายประเมินว่า ด้วยการที่เหลืออายุราชการอีกหลายปี ทำให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ถือเป็นนายตำรวจคนหนึ่งที่มีโอกาสได้ลุ้นเก้าอี้ ผบ.ตร.ในอนาคต

การให้สัมภาษณ์พิเศษครั้งนี้ เมื่อถามถึงความเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ถูกมองว่าเป็นตำรวจที่ใกล้ชิดทุกขั้วอำนาจทั้งฝ่ายอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร รวมถึงฝ่าย คสช.ปัจจุบัน เรื่องนี้ บิ๊กโจ๊ก ที่ช่วงหลังมักถูกสื่อถามบ่อยครั้งถึงเรื่องความใกล้ชิดกับผู้ใหญ่ในฝ่ายการเมืองทั้ง 2 ขั้ว ก็ไม่ได้เลี่ยงที่จะตอบคำถามนี้ โดยเขากล่าวยอมรับว่ามีหลายคนมองแบบนั้น อย่างฝ่ายที่มองว่าอยู่ฝั่งท่านนายกฯ ทักษิณ ก็เพราะไปมองว่าคุณพ่อของผมเคยเป็นคนขับรถให้ท่าน พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ (อดีตผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง-บิดาคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร-กอง บ.ก.)

...ต้องบอกตรงๆ ว่า คุณพ่อผมท่านขับรถให้ผู้บัญชาการหลายคน ความจริงคุณพ่อผมเป็นนายดาบแล้วก็เป็น ผบ.หมู่ อยู่หน่วยพลาธิการ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ในสมัยก่อน โดยคุณพ่อก็ขับรถให้ผู้บัญชาการตำรวจมาแล้วเกือบ 20 คน เช่น พล.ต.อ.บุญเพ็ญ บำเพ็ญบุญ, พล.ต.อ.สุนทร ซ้ายขวัญ, พล.ต.อ.ไกรสุข สินศุข และหนึ่งในนั้นก็มีท่าน พล.ต.ท.เสมอ ดามาพงศ์ ซึ่งคุณพ่อผมก็ไม่ได้ขับประจำ เพียงแต่ผู้บัญชาการภาค เมื่อเลื่อนตำแหน่งขึ้นไปเป็น ผช.อธิบดีกรมตำรวจ (ยศในอดีต) ผู้บัญชาการ แต่ท่านก็มักจะถามคุณพ่อผมอยู่ตลอดเวลา เช่น จะไปอยู่ตำรวจ ตม.หรือไม่? หรือ ไปอยู่ตำรวจทางหลวงหรือไม่? แต่ด้วยความที่คุณพ่อของผมท่านก็ไม่ได้คิดอะไรมาก อยากอยู่ใกล้ลูกใกล้บ้าน ก็ขอเป็น ผบ.หมู่พลาธิการต่อ

...หากสังเกตคนขับรถให้ผู้ใหญ่มักจะได้ดี แต่คุณพ่อผมขับมา 20 ปีแล้ว ก็ยังอยู่ตำแหน่งเดิม ที่สงขลา เพราะท่านต้องการอยู่ใกล้ครอบครัว เพราะหากไปอยู่ที่อื่นก็ต้องย้ายไปตามพื้นที่ต่างๆ ก็ทำให้พอต่อมา เมื่อผมมารับราชการตำรวจ ก็มีการจับโยงว่า คุณพ่อเคยขับรถให้ท่านผู้บัญชาการ พล.ต.ท.เสมอ ผมก็ต้องเป็นเด็กในบ้าน ซึ่งจริงๆ แล้วผมไม่ได้ไปใกล้ชิดขนาดนั้น

...คนจะพูดอะไรก็พูดได้หมด แต่ต้องเอาความจริงเป็นตัวตั้ง วันนี้ผมอยู่ทุกที่ เราก็ทำหน้าที่ในฐานะข้าราชการประจำที่ดี ส่วนใครจะย้ายไปไหน ก็ไม่เป็นไร ผมก็ถูกย้ายมาเยอะแล้ว เช่น ก็เคยย้ายไปอยู่ทางใต้ ไปดูแลพื้นที่อำเภอเทพา-สะบ้าย้อย ผมมองว่าการเป็นข้าราชการก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แล้วบุญกุศลสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็จะรู้เอง

...ไม่ต้องคิดอะไรมาก ผมมองว่าการเป็น ผบ.ตร.เป็นเรื่องของโอกาสวาสนา แต่ถามว่าระหว่างเส้นทางที่เราเดินทางจาก ร.ต.ต.ถึง ผบ.ตร. เราทำอะไรให้สังคมรู้หรือเปล่า ทำให้ประชาชนศรัทธาหรือไม่ แต่หากเดินทางจาก ร.ต.ต.ถึง ผบ.ตร. โดยไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ไม่มีอะไรที่ประชาชนเชื่อถือเชื่อมั่นเลย วันนี้เป็นไปได้ก็ไม่มีใครไว้เนื้อเชื่อใจ ดังนั้นการจะนั่งในตำแหน่งสำคัญต่างๆ ประชาชนต้องศรัทธา ต้องไว้เนื้อเชื่อใจ

...หากเป็น ผบ.ตร.แล้วสังคมต้องยอมรับ ประชาชนต้องรู้เลยว่าคนนี้เป็นแล้วเชื่อถือและไว้วางใจ  คนนี้เป็นแล้วคนศรัทธาและเชื่อมั่น เขามั่นใจ แบบนี้สำคัญ

ที่ผ่านมามีเสียงวิจารณ์กันว่า บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ มีความใกล้ชิดกับบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่เป็นประธาน ก.ตร. คุมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เลยถามไปว่าได้รู้จักและเริ่มต้นทำงานให้กับพลเอกประวิตรเมื่อใด ทาง พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เล่าว่า ผมรู้จักและเป็นลูกน้องพลเอกประวิตร ท่านให้ความเมตตาผมตั้งแต่ผมเป็นผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ ที่ตอนนั้นพลเอกประวิตรเป็น รมว.กลาโหม สมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จนเมื่อพ้นจากตำแหน่ง แต่ผมก็ยังเป็นลูกน้องท่านมาตลอด ผมบอกได้ว่าท่านเป็นผู้บังคับบัญชาที่เอาเป็นตัวอย่างได้เลย เห็นได้จากเช่นการยอมรับของเพื่อนในรุ่น จนได้เป็นประธานรุ่นตั้งแต่สมัยเป็นนักเรียนนายร้อย จปร.จนถึงทุกวันนี้ก็เป็นประธานรุ่นอยู่ ผมก็มองว่าท่านเป็นผู้บังคับบัญชาที่เอาเป็นแบบอย่างได้ เพราะท่านมีแต่ให้ วันนี้การเป็นผู้บังคับบัญชาที่ดี ต้องมีแต่ให้ ท่านก็ให้โอกาสผมทำงานหลายอย่าง วันนี้ที่ผมทำงานได้อย่างเต็มที่ เพราะเรามีโอกาสได้ใกล้ชิดผู้บังคับบัญชาแบบนี้ ทำให้เราสามารถนำคนดีเข้ามาทำงานได้ เมื่อเราได้คนดีมาทำงาน สังคมก็จะได้สิ่งที่ดีคืนไป

ซักถามว่าอะไรที่คิดว่าทำให้ผู้ใหญ่ไว้วางใจ มอบหมายงานสำคัญๆ ให้รับผิดชอบ รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า ก็คือความตั้งใจจริงในการทำหน้าที่ ผมมองว่าเรื่องการประจบเอาใจ เป็นเรื่องที่ทุกคนชอบ แต่ผมก็มองว่าคนไทยและผู้บังคับบัญชาทุกคน ไม่มีใครที่ไม่ชอบการประจบ แต่ต้องประจบด้วยงาน ต้องเอางานไปประจบ เอางานไปเอาใจ

...แม้กระทั่งเราก็เหมือนกัน พอทำงานมากๆ ตั้งแต่เด็กจนโต แล้วมานั่งคุยโดยไม่ได้คุยเรื่องงานที่ทำจริงๆ เราฟังแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าไม่ได้ทำงาน ไม่อยากฟัง ก็เหมือนกัน อย่างผู้ใหญ่ ท่านนายกฯ ท่าน ผบ.ตร. หรือท่านรองนายกฯ พลเอกประวิตร ท่านทำงานเช่นรบชายแดนมาจนถึงขณะนี้ ท่านนั่งฟังแป๊บเดียวก็รู้แล้วว่าคนไหนทำงานจริงหรือไม่จริง อย่างเราเป็นรองผู้บัญชาการ ตบะยังไม่เยอะ ไปนั่งฟังคนพรีเซนต์งาน เราฟังก็รู้แล้วว่าไม่ได้ทำจริง ก็ไม่อยากฟัง เหมือนอย่างคดีต่างๆ ที่เราไปจับ ก็พยายามทำให้เร็วจะได้ไปทำเรื่องอื่นต่อ การทำงานเราจะไม่เป็นคู่กรณีกับใคร จะไม่ไปทำงานด้วยอารมณ์ แต่ทำงานในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมาย แต่แน่นอนเมื่อไปจับคนก็ต้องยอมถูกด่า ตำหนิ ยอมเจ็บตัว เพราะถามว่าหากเราไม่ไปทำแล้วใครจะทำ เราไม่จับแล้วใครจะจับ

 -คนสงสัยกันมากว่าเป็นรอง ผบช.ตำรวจท่องเที่ยว แต่ทำไมช่วงหลังมีบทบาทในการทำคดีหลายเรื่องมาก?

 วันนี้ตำรวจทุกส่วนทุกหน่วยต้องทำงานร่วมกัน ถึงจะเกิดประโยชน์กับประชาชน เพราะทุกวันนี้ สังคมเทคโนโลยีมีความเจริญมาก การทำงานของแต่ละกองบัญชาการก็ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกัน

สำหรับตัวผมที่ได้รับมอบหมายภารกิจหลายอย่างก็อาจเพราะผู้บังคับบัญชาไว้วางใจ อีกทั้งสถานการณ์บ้านเมือง ปัญหาหลายอย่างทั้งอาชญากรรมข้ามชาติ หรืออาชญากรรมที่เกิดจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เกิดสังคมไร้พรมแดนต่างๆ ก็ทำให้อาชญากรใช้ช่องทางเหล่านี้เดินทางเข้าประเทศ อันเกี่ยวพันกับตำรวจท่องเที่ยวโดยปริยาย

 เมื่อกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแยกตัวยกสถานะมาจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก็มอบหมายเรื่องการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติให้กับตำรวจท่องเที่ยว เพราะหลักๆ ที่เห็น อาชญากรรมที่เกิดจากคนต่างชาติ ก็เกิดจากการใช้วีซ่าท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาไทยก่อน ที่ใช้เวลาอยู่ในไทย 7 วัน และเมื่อเลย 7 วันก็จะหลบหนีอยู่ในประเทศไทย หรือไปใช้วิธีอื่นๆ เช่นไปเป็นครูสอนศาสนา หรือไปแฝงตัวอยู่ในโรงเรียนนานาชาติเพื่อให้ได้สถานะอยู่ในไทย หรือไม่ก็ไปเป็นนักฟุตบอลอยู่ในสโมสรฟุตบอลต่างๆ รวมถึงการใช้วิธีไปจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงไทย

ที่ผ่านมามีอาชญากรรมข้ามชาติที่แฝงมาในรูปแบบนักท่องเที่ยวเยอะ ปัจจุบันได้มีการบูรณาการทุกส่วนในการปราบปราม ทั้งในส่วนของตำรวจ-กระทรวงการท่องเที่ยวฯ-สำนักงาน ปปง. ในเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงินการยึดทรัพย์-สถาบันธนาคารทุกแห่ง-กรมการกงสุล-สมาคมโรงเรียนนานาชาติ ที่จับมือร่วมกันในการตรวจสอบแก๊งคอลเซนเตอร์และแก๊งโรแมนซ์สแกม (Romance scam)

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ย้ำว่า ปัจจุบันอาชญากรรมที่จับต้องได้เลยเห็นชัด และสร้างความเสียหายให้กับประชาชนมากที่สุด คือแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตามด้วยโรแมนซ์สแกมส์

ในส่วนของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เกิดขึ้นหลังแชร์ลูกโซ่เริ่มซาลงไป ก็มีการทำผิดคดีคอลเซ็นเตอร์รายวัน แต่ตอนนี้หลังมีการปราบปรามอย่างจริงจัง สถานการณ์การทำผิดก็ค่อยๆ ลดลงไป ดีขึ้นเยอะ ไม่สามารถมาหลอกลวงคนไทยในแผ่นดินไทยได้อีกต่อไป แต่ช่วงหลังก็มีแก๊งโรแมนซ์สแกม ซึ่งเมื่อเกิดความเสียหายแล้วไม่ใช่แค่เงินหลักหมื่น แต่เสียหายทีครั้งละเป็น 10-20 ล้าน ประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า

พฤติการณ์ของพวกแก๊งโรแมนซ์สแกม คือการหลอกลวงโดยใช้เฟซบุ๊ก คนร้ายส่วนใหญ่จะเป็นคนผิวดำ เช่น ไนจีเรีย, แคเมอรูน วิธีการก็คือใช้เฟซบุ๊กในการติดต่อแชตพูดคุย แต่คนพวกนี้จะใช้รูปปลอม เช่น รูปทหารอเมริกา รูปดารานายแบบ คนในประเทศไทยก็หลงเชื่อ โดยพวกนี้จะหลอกว่าตอนนี้เกษียณแล้ว หรือยังไม่เกษียณ แต่จะมาใช้ชีวิตบั้นปลายในไทย จะโอนเงินก้อนใหญ่มา สักพักก็บอกว่า โอนมาแล้ว แต่เงินติดอยู่ในขั้นตอนต่างๆ เงินยังออกไม่ได้ ต้องไปชำระค่าภาษี 1 ล้านบาท พบว่าการหลอกลวงแบบโรแมนซ์สแกม เฉลี่ยแล้วค่าเสียหายคิดเป็นเงินสัปดาห์ละร่วมสิบกว่าล้านบาท

ถามลงรายละเอียดว่า เหตุใดคนถึงหลงเชื่อง่าย มีการโอนเงินไปให้คนร้าย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ อธิบายว่า การหลอกเงินแบบคอลเซ็นเตอร์กับโรแมนซ์สแกมจะต่างกัน เพราะคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเพื่อให้คนเกิดความกลัว เช่น ให้โอนเงินจากบัญชีเข้ามา โดยหลอกว่า เพราะบัญชีดังกล่าวเกี่ยวพันกับการฟอกเงิน ยาเสพติด หากไม่โอนจะถูกอายัด-ยึดหมด คนที่อยู่ในบั้นปลายชีวิตก็กลัว ก็รีบโอนเงินออกจากบัญชีไปยังบัญชีของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่หลังตำรวจมีการปราบปรามคอลเซ็นเตอร์จนเบาบางลงไป พวกโรแมนซ์สแกมก็กลับมาระบาด ซึ่งแม้วิธีการแตกต่างกัน แต่สุดท้ายจุดจบที่เหมือนกันก็คือ ต้องโอนเงินออกจากบัญชี

          หลักสำคัญคือคนไทยต้องมีสติ เช่น ต้องมีการตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานรัฐ หรือโทร.มาสายด่วน 1155 เราจะบอกได้เลยว่าควรโอนหรือไม่โอน

          พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ วกกลับมาสรุปจากคำถามข้างต้นว่า เหตุที่ช่วงที่ผ่านมารับผิดชอบงานมาก ก็เพราะเมื่อเราทำงานไปได้สักระยะ เมื่องานสัมฤทธิผล ต้องขอบอกว่าอาชีพตำรวจไม่ได้มีอะไรซับซ้อน หลักการคือตั้งแต่รับราชการชั้นผู้น้อยจนถึงเติบโต ไม่ต้องคิดอะไรเยอะ คิดอย่างเดียวว่า หากอะไรก็ตามที่เป็นเรื่องเดือดร้อนของประชาชน ต้องทำเลย ไม่ต้องคิดซับซ้อน ทำในสิ่งที่จับต้องได้เลย เช่น หากเราเป็นผู้กำกับโรงพัก เป็นผู้กำกับอำเภอ แล้วเราทำให้คนในอำเภอไม่มีคดีลักทรัพย์หรือคดีลักทรัพย์ลดลงไปได้ ไม่มีเหตุลักวิ่งชิงปล้นในอำเภอ หมู่บ้าน ความผาสุกก็จะเกิดกับประชาชน อันนี้คือหน้าที่ของตำรวจ

ผมเห็นมาเยอะ เมื่อใดก็ตามที่ตำรวจทำงาน ไม่ใช่ว่าผู้บังคับบัญชารู้ แต่คือประชาชนรู้ เพราะเมื่อตำรวจในพื้นที่ ในหมู่บ้านทำงาน คนที่บอกได้ว่าตำรวจทำงานก็คือประชาชน เขาจะรู้ทันทีว่าผู้กำกับคนนี้มาอยู่แล้ว วัว-ควาย ไม่หาย เหตุอาชญากรรมลดลง เพราะอาชญากรรมพื้นฐานเหล่านี้ อยู่กับปากท้องประชาชน เพราะฉะนั้นวันนี้เมื่อเรามาอยู่กองบัญชาการ มาอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ เราก็ดูแล้วว่า เรื่องไหนที่ประชาชนเดือดร้อนมากที่สุด เราก็นำมาเป็นตัวตั้งเลย

...สำหรับผมเมื่อมาอยู่กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยวแรกๆ ก็เห็นแล้วว่าเรื่องการทำผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ประชาชนเดือดร้อนมาเป็นสิบกว่าปีแล้ว แต่เราไม่พูดย้อนหลังว่าใครทำ-ไม่ทำ ต้องเดินหน้าไปอย่างเดียว ต้องทำให้ดีขึ้น เมื่อก่อนทุกฝ่ายก็ทำ เพียงแต่ต่างคนต่างทำ ไม่มีการบูรณาการทำงานร่วมกัน วันนี้เราใช้เวลาในการปราบปรามการทำผิดของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 6 เดือน ปราบปรามทั้งในและต่างประเทศ มีการบูรณาการการทำงานร่วมกัน เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย-สถาบันการเงินทุกสถาบัน-สำนักงาน ปปง.-สำนักงาน กสทช.-การได้รับความร่วมมือจาก 5 เกตเวย์ผู้ให้บริการ ทั้งดีแทค-เอไอเอส-ทรู-บริษัท กสท-ทีโอที ทำให้พวกทำผิดคดีคอลเซ็นเตอร์ต้องชะงัก

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงข้อสงสัยที่ว่า ทำไมพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์จึงมักอยู่ต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย-ไต้หวัน ว่า ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เทคโนโลยีเริ่มมาจากไต้หวัน ซึ่งเป็นเมืองที่มีเทคโนโลยีสูง และเมื่อสังคมปัจจุบัน เฟซบุ๊ก-ออนไลน์ ไปไกลมาก พวกอาชญากรรมที่อาศัยช่องว่าง-โอกาสเหล่านี้ก็เกิดสูงขึ้น เหตุที่พวกคนทำผิดต้องไปตั้งอยู่ในต่างประเทศ เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา มาเลเซีย ก็เพื่อจะหลอกคนในประเทศไทย เพราะหากต้องการหลอกเอาเงินจากคนในประเทศไหน คนที่ทำผิดจะต้องไปตั้งหลักอยู่ในอีกประเทศหนึ่ง เพื่อทำให้การจับกุมทำได้ยาก

เราทำงานบูรณาการร่วมกับ กสทช. เพราะวันนี้ที่มีการตัดไม้ตัดมือตัดแขนตัดขา ของพวกนี้ เพราะพวกคอลเซ็นเตอร์จะใช้เครื่องมือวีโอไอพี (เครื่องมือสร้างหมายเลขโทรศัพท์ปลอม) ที่ใช้การแปลงสัญญาณโทรศัพท์เป็นหมายเลขโทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต คือ คนที่ทำผิด จะโทรศัพท์จากต่างประเทศเข้ามา แล้วล็อกหมายเลขให้ เมื่อเบอร์ที่โทร.มาโชว์ในโทรศัพท์มือถือของปลายทาง จะเป็นเบอร์ของหน่วยงานต่างๆ เช่น ศาล โดยจะมีคนบอกว่า คุณถูกออกหมายจับแล้ว จากนั้นสักพัก สายสองที่ใช้วีโอไอพีโทร.เข้าไปที่เบอร์เมื่อสักครู่อีก อ้างว่าเป็นตำรวจยศ ร.ต.ท. แล้วหลอกว่า มีหมายจับของศาลส่งมาที่สถานี ในคดีฟอกเงิน ปลายสายก็ตกใจ มีเบอร์ของศาล-ตำรวจโทร.มา เมื่อเช็กเบอร์ที่โชว์ กับ 1133 พบว่า เป็นเบอร์โรงพัก-ศาลจริง เมื่อตำรวจขอความร่วมมือกับ กสทช.ในการเข้มงวดเรื่องการให้เช่าช่วงเครือข่ายวีโอไอพี มีการจับบริษัทที่ให้เช่าช่วงเครื่องมือวีโอไอพี โดยนำไปให้เช่าช่วงต่อๆ กัน เพราะเห็นแก่ผลประโยชน์ เพราะหากไม่ให้เช่าช่วง คนร้ายจะนำไปก่อเหตุไม่ได้ และในการตรวจสอบพบว่าเบอร์โทรศัพท์ที่โทร.มาหลอกประชาชนให้โอนเงิน มีทั้งหมดไม่เกิน 50 หมายเลข

...เราประสานกับ กสทช.และบริษัทผู้ให้บริการหรือโอเปอเรเตอร์ค่ายมือถือทั้งหมด เช่น เอไอเอส-ดีแทค เพื่อบล็อกโทรศัพท์ไม่ให้โชว์เบอร์ ทำให้ขณะนี้หากพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทร.ไปเพื่อต้องการให้ขึ้นเบอร์ศาล ก็จะถูกบล็อกทันที เมื่อไม่โชว์เบอร์ก็ไม่สามารถทำให้ประชาชนหลงเชื่อได้ว่าเป็นศาล

 เมื่อมีการแก้ปัญหาและปราบปรามดังกล่าว ทำให้พบว่าสถิติในเดือนเมษายนที่ผ่านมา คดีความผิดแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นศูนย์ ต่อมาเดือน พ.ค. พบว่ามีการเกิดเหตุอีก เราก็สงสัยว่าทำไมถึงเกิดเหตุ เมื่อเราปราบไปหมดแล้ว ก็พบว่ามีการตั้งคอลเซ็นเตอร์คอลในมาเลเซีย-ปีนัง จนมีการบินไปจับกุมที่ปีนังเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

 วันนี้พวกทำผิดคดีคอลเซ็นเตอร์ก็หมดสิ้น แต่เราก็ต้องมอนิเตอร์ตลอดว่าจะไปตั้งที่อื่นอีกหรือไม่ ถ้าตั้งเราก็ตามไปจับอีก เพราะเรามีวิธีการตรวจสอบด้วยเทคโนโลยี สายลับไซเบอร์ ที่หากเราตามไม่ทัน ประชาชนจะเดือดร้อนอีกมาก

-ที่ทุกฝ่ายให้ความร่วมมือเพราะเป็น พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ที่คนมองว่ามีคอนเนกชันเยอะ?

          ก็ยอมรับว่าการที่เราทำงานใกล้ผู้ใหญ่ อยู่กับผู้ใหญ่ ทำให้เราสามารถประสานงานได้ เรานำพลังทั้งหมดของผู้ใหญ่ที่มอบหมายให้เรามาทำงาน มาเปลี่ยนเป็นการทำงานให้ประชาชน คือตัวเราอาจไม่ได้แข็งแรงขนาดนั้น แต่วันนี้เรานำอำนาจ-พลังของผู้บังคับบัญชาทั้งหมดที่เขามอบหมายเรา มาเปลี่ยนแปลงให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนอย่างแท้จริง ดีกว่าที่เราจะนำอำนาจเหล่านั้นไปใช้ในทางที่มิชอบ  วันนี้เมื่อเรานำอำนาจเหล่านั้นมาขับเคลื่อนในทางที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็ทำให้ประชาชนอุ่นใจเชื่อมั่น

          ตัวผมตั้งแต่รับราชการตำรวจ สมัยยังเป็นตำรวจชั้นผู้น้อยเช่นสารวัตร และเติบโตมาเป็นรองผู้กำกับ ผู้กำกับ เราก็ทำงานแบบนี้มาตลอด คือเมื่อใดที่เรามีอำนาจเยอะ มีพลังเยอะ เราก็ทำงานให้ประชาชนมากๆ แต่เมื่อใดที่เราไม่มีพลัง ไม่มีอำนาจ เราก็เก็บเนื้อเก็บตัว แต่ต้องทำหน้าที่ในตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ให้ดีที่สุด แต่วันหนึ่งที่เราหากมีโอกาสเยอะ มีพลังเยอะ วันนี้เราอาจมีพลังเยอะ เราก็ต้องนำพลังทั้งหมดมารวมกันเพื่อทำงานให้ประชาชนเยอะๆ

คิดยังไงคนเรียก ผบ.ตร.น้อย

-จากบทบาทที่ผ่านมาคนเลยมองเป็น ผบ.ตร.น้อย?

(หัวเราะ) ในเรื่องตำแหน่งแห่งหน ผมก็เข้าใจว่าทุกคนก็อยากได้ตำแหน่งสำคัญๆ แต่เรื่องของการแต่งตั้ง หนึ่งเป็นเรื่องของโอกาสวาสนา แต่สิ่งสำคัญคือถ้าเราได้รับการแต่งตั้งหรือเรามาอยู่ สิ่งสำคัญคือเราทำหน้าที่ดีหรือยัง แต่ผมมองว่าถ้าอยู่ในตำแหน่งสำคัญๆ แล้วไม่ได้ใช้ตำแหน่งเหล่านั้น ไม่ได้ทำหน้าที่อย่างจริงจัง ก็ไม่ได้มีความภาคภูมิใจและไม่มีคุณค่า

 เพราะฉะนั้นทุกตำแหน่ง โดยนิสัยของผมต้องบอกว่าทุกตำแหน่งที่ผมอยู่ เราต้องทำงานให้คุ้มค่า  ทุกตำแหน่งเราอยู่ไม่นาน ดังนั้นเราต้องรีบทำงาน ทำให้ประชาชนเห็นผลจริงๆ เช่นเราเป็นผู้กำกับแล้วคดีลดลง สถานการณ์ดีขึ้น เป็นผู้กำกับโรงพักแล้วการบริการประชาชนดีขึ้น เช่นการรับแจ้งความ เมื่อประชาชนมาแจ้งความต้องรับคดี ความสะอาดเรียบร้อยของโรงพัก ทุกตำแหน่งที่ผ่านต้องทำเต็มที่ เช่น เป็นผู้บังคับการ 191 ต้องเข้มงวดเรื่องอาชญากรรม ปัญหาเด็กแว้นต้องลดลงเป็นศูนย์ให้ได้

หากเราอยากเป็นตำแหน่งต่างๆ แต่เราไม่ทำหน้าที่ก็สู้ไม่เป็นดีกว่า ให้คนอื่นที่เขาทำหน้าที่ได้ดี เข้มแข็งมาเป็น ผมมองว่าวันนี้โลกเจริญ อาจหลอกใครได้แต่หลอกประชาชนไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องเทคโนโลยีเฟซบุ๊กออนไลน์มีเยอะมาก

-กรณีการปลอมไอดีไลน์อ้างชื่อบิ๊กโจ๊ก ที่จับกุมดำเนินคดีไปแล้ว ทำไมคนเชื่อว่าซื้อตำแหน่งกับบิ๊กโจ๊กได้?

อาจเพราะหนึ่งเขาอาจมองกันว่าผมอยู่ใกล้กับผู้ใหญ่ อันนี้ผมยอมรับ แต่ผมต้องเรียนว่าวันนี้ต้องคิดกลับกัน การอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ไม่ได้เป็นจุดแข็ง เป็นจุดอ่อน การอยู่ใกล้ผู้ใหญ่เป็นจุดอ่อนเพราะว่าถ้าทำอะไรไม่ดีจะรู้เร็ว วันนี้การอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ถือว่าเป็นจุดอ่อน เพราะยิ่งทำอะไรไม่ดียิ่งรู้เร็ว ยิ่งทำเรื่องที่ไม่ดี ยิ่งถูกตรวจสอบง่าย แล้วถ้าเราทำไม่ดีต่อไปผู้ใหญ่จะไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ

เพราะฉะนั้นการอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ก็ยิ่งต้องทำดีให้มาก การอยู่ใกล้ผู้ใหญ่จะเป็นจุดแข็งก็ต่อเมื่อเราทำงาน ถ้าเรายิ่งทำงานมากแบบนี้เป็นจุดแข็ง แต่ถ้าเรานำโอกาสเหล่านี้ยิ่งไปรีดไถเขา ไปซื้อขายตำแหน่ง  ผมรับรองได้เลยว่าวันนี้ที่โลกเจริญ ไม่ต้องนานแค่เดือนเดียวรู้แล้ว ก็เหมือนกับกรณีที่จังหวัดนครพนม  ความจริงแล้วทำมาตั้งแต่ปี 2559-2561 ผมก็ฟังข่าวมาตลอด แต่ถามใครก็ไม่มีใครบอก

-ได้ยินการอ้างชื่อมานานแล้ว?

ได้ยินมาบ้าง แต่ถามใครไม่มีใครบอก แต่จะโดนผมอยู่เรื่อย แต่ถามใครก็ไม่มีใครบอก แต่วันนั้นได้รับรายงานจากสารวัตรท่องเที่ยวนครพนม ผมสั่งให้ตามล่าให้ได้ ก็หนีตั้งแต่นครพนมไปหลบอยู่สำโรงใต้ ตามไปก็หนีไปพระโขนง ผมก็ให้ออกหมายจับทันที เพราะตามมานานแล้วว่าใครไปทำแบบนี้

-เขาทำสำเร็จไหมก่อนหน้านี้?

ก็สำเร็จ ในปี 2559 ได้ไปหนึ่งล้านบาท แล้วผู้กำกับเมืองนครพนมได้เลื่อนสูงขึ้นเป็นรองผู้บังคับการอำนวยการจังหวัด พอปี 2559 สำเร็จ ลูกค้าก็เริ่มไปเยอะ

-เหตุใดผู้กำกับนครพนมคนดังกล่าวได้เลื่อนขั้น?

คนนั้นได้เลื่อนอยู่แล้วเพราะผู้กำกับเป็นคนทำงาน แล้วทุกวันนี้ก็เป็นหัวหน้าสำนักงานในกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 ซึ่งการเป็นหัวหน้าสำนักงานได้ต้องเป็นคนทำงาน แต่อาจไม่มั่นใจว่าตัวเองได้เลื่อนสูงขึ้นหรือไม่ ก็พยายามสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง แต่วันนี้การเป็นผู้บังคับบัญชาต้องทำตัวให้เป็นที่ศรัทธาเชื่อถือของผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อเราทราบเหตุแบบนี้เราจะนำเงินไปให้เขาไม่ได้ เราจะไปส่งเสริมขบวนการแบบนี้ไม่ได้ เพราะหากไปทำตนแบบนี้ ลูกน้องก็จะเอาตามหมด มองว่าซื้อขายตำแหน่งได้

ผมต้องบอกว่าในชีวิตการรับราชการของผม สิ่งที่ผมไม่เคยซื้อขายเลยคือตำแหน่ง เพราะหากเราซื้อตำแหน่งแล้วเราไปเป็นผู้บังคับการ-ผู้กำกับที่นั่น เราก็ต้องไปรีดไถเอาคืนมาอีก

 วันนี้ผมเชื่อมั่นว่ารัฐบาลปัจจุบัน โดยเฉพาะท่านนายกรัฐมนตรี-รองนายกรัฐมนตรี ท่านเติบโตมาตามระบบ แล้วก็ต่อสู้ฟันฝ่าในชีวิตราชการมาโดยถูกต้อง เรื่องการซื้อขายตำแหน่งไม่มีใครที่เขาทำกัน แล้ว วันนี้ถึงมีเงินก็ไปหาที่ซื้อไม่ได้ แล้วต่อไปคนรุ่นใหม่ๆ ก็เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ วันนี้คนอายุ 47-48 ปี  อายุเท่าผมก็มีได้เป็นอธิบดีแล้ว คนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมา ผมว่าวันนี้บ้านเราแต่งตั้งคนด้วยระบบความรู้ความสามารถเหมือนนานาประเทศ แต่แน่นอนว่าระบบอาวุโสก็ย่อมมีอยู่ส่วนหนึ่ง แต่ว่าเน้นเรื่องความรู้ความสามารถ performance ประสิทธิภาพ

จริงไหม โผตำรวจ ฉบับ 'โจ๊ก หวานเจี๊ยบ'?

 -กดดันหรือไม่เวลา สตช.มีการแต่งตั้งโยกย้ายแต่ละรอบ ก็จะมีชื่อของ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ถูกนำไปเสนอว่าเข้าไปเกี่ยวข้อง เช่นบอกว่าถ้าเป็นสายโจ๊ก หวานเจี๊ยบ รับรองชัวร์?

(หัวเราะ) วันนี้เราเป็นตำรวจ เป็นบุคคลสาธารณะ ต้องพร้อมรับคำติชม พร้อมให้คนตรวจสอบ เราจะไปอารมณ์เสียไม่ได้ ต้องอดทนอดกลั้น สิ่งหนึ่งที่เราวันนี้ได้มาอยู่ใกล้ผู้บังคับบัญชา สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดก็คือ เรามีโอกาสเสนอคนทำงานไปทำงาน เสนอคนดีไปทำงาน เหมือนกับที่ผมทำงานสำเร็จทุกวันนี้เพราะเรามีโอกาสได้นำคนดีๆ มาทำงานร่วมกัน

การอยู่ใกล้ผู้ใหญ่ สิ่งที่เป็นประโยชน์วันนี้คือเราต้องสนับสนุนคนดี สนับสนุนคนทำงาน เอาคนทำงานมาทำงาน เมื่อเราได้คนทำงานมาทำงาน สิ่งที่สังคมได้เห็นก็คือเราจะประสบผลสำเร็จมากกว่าที่จะไม่ประสบผลสำเร็จ สิ่งที่ชี้ชัดก็คือตัวงาน งานจะเป็นตัวบอก หากว่าเราไม่ทำงาน แล้วให้เราไปนั่งในตำแหน่งสำคัญเราก็ละอายใจ แต่หากเราขับเคลื่อนทำงาน แล้วถึงเราไม่ได้ตำแหน่งอะไรเลย แต่เราก็ภาคภูมิใจ อยากจะใช้คำพูดว่า ถึงเราแข่งขันแพ้ แต่ก็ชนะใจคนดูข้างทาง เรายังมีคนดูที่เขาเชียร์ให้กำลังใจเรา ดังนั้นเรื่องการแต่งตั้งเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องการทำงานเป็นอีกส่วนหนึ่ง ต้องขอบอกว่าด้วยความที่เป็นอดีตนักกีฬาเทนนิส เล่นเทนนิสมาตั้งแต่เด็กๆ เคยเป็นแชมป์ประเทศไทย การเล่นกีฬาทำให้คนมีสปิริต รู้แพ้ รู้ชนะ เมื่อเราเล่นกีฬามาถึงขนาดนี้ มีทั้งแพ้และเคยเป็นแชมป์ แต่สิ่งที่เรานำมาใช้ได้ก็คือ เมื่อใดที่เราแพ้ก็กลับไปฟิตซ้อมแล้วมาแข่งใหม่ ไม่ใช่ว่าแพ้แล้วจะมาขอเปลี่ยนกติกาใหม่

 หลักทางราชการก็เช่นกัน เข้าใจว่างานก็มีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้ระบบราชการแข็งแรงก็คือต้องมีสปิริต เมื่อใดที่เราไม่ได้ตำแหน่ง ต้องไม่ไปว่าคนอื่นว่าเขาไม่ดี ต้องกลับไปฟิตซ้อมแล้วปีหน้ามาสู้ใหม่ แต่เราจะไม่ไปบอกว่าเราดีกว่าคนนั้น คนนั้นไม่ได้ดีกว่าแต่ทำไมเขาถึงได้  เราจะไม่มีแบบนั้น อันนี้คือส่วนตัวผม

เมื่อถามว่าในการเมืองสองขั้วที่มีฝ่าย คสช.กับฝ่ายทักษิณ ชินวัตร การที่ถูกมองว่าก็สนิททั้งสองฝั่ง แล้ววางตัวการทำงานอย่างไร พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวตอบว่าเรื่องการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เรื่องที่อยู่เหนือการเมืองคือการทำให้บ้านเมืองสงบ ประชาชนมีความสงบสุข อันนี้สำคัญมากกว่า แต่เรื่องที่ผู้ใหญ่ข้างบนจะคุยกันอย่างไร อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราเป็นข้าราชการ ก็ต้องทำอย่างไรก็ได้ให้บ้านเมืองสงบ

                                                               โดย อาวุธ  มะณีแสง

                                                                                                    วรพล กิตติรัตวรางกูร

.............................

ปฏิรูปสีกากี -ทัศนะ 'บิ๊กโจ๊ก' ใช้โซเชียลฯ ได้ข้อมูล สืบ-จับ

          ในกระแสการปฏิรูปตำรวจ ที่ตอนนี้ไฮไลต์หลักอยู่ที่คณะกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ที่เตรียมเสนอแก้ไข พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติหลายเรื่อง

          บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ นายตำรวจคนดังของวงการสีกากี ที่ผ่านมาแม้จะพูดหลายเรื่อง แต่สำหรับมุมมองต่อการปฏิรูปตำรวจ เขาแทบไม่ค่อยได้ออกความเห็นมากนัก

          โดยทิศทางการปฏิรูปตำรวจ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์-รอง ผบช.ทท. มองว่าที่นายกฯ และพลเอกประวิตรรองนายกฯ ให้มีการปฏิรูปตำรวจ เพราะการปฏิรูปคือการทำให้เกิดสิ่งที่ดีกว่าเดิม ปฏิรูปเพื่อทำให้ประชาชนศรัทธาตำรวจและองค์กร ทำให้องค์กรแข็งแรง แต่ที่สำคัญกว่านั้นทั้งหมดอยู่ที่คน การปฏิรูปทำให้เกิดสิ่งที่ดีขึ้นแน่นอน แต่สิ่งสำคัญกว่าคือคน โดยองค์กรต้องมีคนที่ดีมากกว่าคนที่ไม่ดี น้ำเสียต้องไล่ออกไป น้ำใหม่ต้องมีเข้ามาเยอะๆ การพัฒนาคนจึงเป็นสิ่งสำคัญ

อย่างผมอาจจะโชคดีที่มีโอกาสไปศึกษาต่อต่างประเทศหลายหลักสูตร เช่นหลักสูตรเอฟบีไอ เมื่อไปเห็นตำรวจต่างประเทศเขาทำงาน เห็นเลยว่าเขารับผิดชอบในหน้าที่ ผมบอกเลยว่าเรื่องการสืบสวนอาชญากรรมตำรวจไทยเก่งที่สุด ในต่างประเทศเขาทำได้เพราะมีเทคโนโลยีสูง แต่ของไทยแทบไม่ได้ใช้เทคโนโลยีที่สูงมาก ถือว่ามีฝีมือที่สูงมาก แต่สิ่งที่ตำรวจในหลายประเทศที่เจริญมีมากก็คือการมีวินัย และความรับผิดชอบ จึงต้องมีการปลูกจิตสำนึกในเรื่องการพัฒนาคนให้สูง เช่นเรื่องความรับผิดชอบในหน้าที่ การมีวินัย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวถึงแนวคิดของกรรมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ ที่พยายามหาสูตรทำให้งานสอบสวนของตำรวจมีความเป็นอิสระมากขึ้น ว่าอำนาจการสอบสวนตามแนวทางที่กรรมการชุดนายมีชัยพิจารณาอยู่เป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว กับการที่ยังให้ตำรวจมีอำนาจการสอบสวนอยู่ เพียงแต่อาจจะให้หน่วยอื่นมีอำนาจสอบสวนเพิ่มขึ้นจะได้บูรณาการร่วมกัน

ผมเห็นว่าอำนาจสอบสวนยังไงต้องอยู่ในอำนาจของตำรวจ เพราะองค์กรที่ถูกสอนและฝึกมาในเรื่องการสอบสวนถึงสี่ปีเต็ม โดยเฉพาะวิชาสอบสวนมีสอนที่เดียวคือ รร.นายร้อยตำรวจ อีกทั้งตำรวจมีกำลังคน 3 แสนกว่าคน ซึ่งมีมากพอที่จะทำเรื่องงานสอบสวน แต่หน่วยอื่นมีกำลังคนน้อย หากเรามอบให้เขาไปทำทั้งหมด เขาจะทำไม่ไหว การอำนวยความเป็นธรรมต่อประชาชนจะยิ่งหนักขึ้น

การสอบสวนเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความรู้จริงๆ ไม่ใช่แค่รู้กฎหมายอย่างเดียว แต่ต้องสอบสวนเป็น  การจะโอนอำนาจการสอบสวนไปให้ใครจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพียงแต่วันนี้องค์กรตำรวจต้องพัฒนางานสอบสวนให้ประชาชนเขาอุ่นใจและมีบริการที่รวดเร็วและดีขึ้น แต่ก็อาจเพิ่มให้หน่วยงานอื่นสอบสวนมาร่วมสอบสวนได้จะได้ช่วยกัน ผมก็มองแบบนี้ในฐานะที่ผ่านการเป็นผู้กำกับโรงพักมาก่อน

เรื่องของงานตำรวจ จุดแตกหักไม่ได้อยู่ที่กองบัญชาการหรือกองบังคับการ แต่จุดแตกหักอยู่ที่สถานีตำรวจ วันนี้หากทำให้สถานีตำรวจทั่วประเทศ ประชาชนศรัทธาทั้งหมด การสอบสวนรวดเร็ว เป็นธรรม มีการบริการที่ดี เช่นการรับแจ้งความ ตำรวจที่รับแจ้งความแต่งกายเรียบร้อย ประชาชนไม่ต้องรอนาน ห้องที่สะอาดและดีที่สุดในโรงพักไม่ใช่ห้องผู้กำกับ แต่คือห้องรับแจ้งความกับห้องน้ำ ร้อยเวรไปตรวจที่เกิดเหตุทุกคดีที่ต้องไปตรวจ ที่หากทำได้แบบนี้ทั่วประเทศแม้งานจะหนักหนาเพียงใด ผมเชื่อมั่นเลยว่าสิ่งเหล่านี้เหนือกว่าการปฏิรูปด้วยซ้ำ

ถามถึงงานในกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ที่ได้รับการยกสถานะจากกองบังคับการเป็นกองบัญชาการในยุครัฐบาล คสช. ว่าลักษณะคดีที่เกิดขึ้นแล้วเข้าไปสืบสวนปราบปรามเป็นคดีลักษณะไหน  พล.ต.ต.สุรเชษฐ์-รอง ผบช.ทท. เปิดเผยว่าก็จะเป็นคดีที่เกี่ยวกับธุรกิจการท่องเที่ยว เรื่องนอมินีข้ามชาติ รวมถึงอาชญากรรมข้ามชาติ เช่นการฟอกเงินโดยอาศัยประเทศไทยเป็นแหล่งพักพิงในการไปก่อเหตุต่างๆ เช่น ภูเก็ต เกาะสมุย พัทยา รวมถึงพวกคดีแก๊งคอลเซ็นเตอร์-โรแมนซ์สแกม-คดียาเสพติด คือจะเป็นลักษณะที่เป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจเป็นหลัก ที่เราก็มีการปราบปรามอย่างจริงจัง เราใช้มาตราการที่ไม่ใช่ว่าพอจับแล้วดำเนินคดีเสร็จก็ปล่อยตัวเลย แต่เป็นลักษณะพอจับคนทำผิด แล้วศาลตัดสินจำคุกหนึ่งปี พอพ้นโทษออกมาแล้วไม่ใช่ว่าจะมาเดินเล่นในประเทศไทยได้ แต่เราใช้มาตรการในการยกเลิกวีซ่า เนรเทศ ขึ้นบัญชีดำถาวร คือพอพ้นโทษออกมา ตม.ไปรับตรวจมาแล้วก็ผลักดันให้ออกไปจากประเทศไทยเลย

...เรามีการทำมาตรการเอกซเรย์ เอาต์ลอว์ บุคคลที่อยู่เกินกำหนดระยะอนุญาตหรือ Overstay จากเดิมสถิติของ ตม. บุคคลที่ Overstay มีอยู่ประมาณ 7-8 หมื่นคน แต่วันนี้ที่เราปราบยอดเหลือประมาณ 3-4 หมื่นคน หลังจากนี้เราจะยังเดินหน้าปราบปรามต่อไป

ทุกวันนี้หากไปเดินแถวซอยนานาเหนือ-ใต้ ซอยคาวบอย แทบจะไม่เห็นผู้หญิงอุซเบกิสถาน  ไนจีเรีย เพราะเราจับกุม ขึ้นบัญชีดำถาวร เอาออกนอกประเทศหมด เพราะคนเหล่านี้อยู่ก็แฝงมาในรูปแบบของนักท่องเที่ยว พอวีซ่าขาดก็ค้าประเวณีในประเทศไทย ทำให้ประเทศภาพลักษณ์เสียหาย จากเดิมพอจับแล้วขึ้นโรงพัก ปรับห้าร้อยบาทแล้วก็ปล่อย จากนั้นกลับมาทำเหมือนเดิม แต่วันนี้เราไม่ให้ทำแบบนั้นแล้ว เพราะคนแบบนี้หากให้กลับเข้ามาไทยก็ต้องมาค้าประเวณีอีก

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ ถือเป็นตำรวจยุคใหม่ที่ใช้โซเชียลมีเดียให้เป็นประโยชน์ โดยมีการเปิดเพจของตัวเองที่ชื่อ สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ตอนนี้มีคนติดตามกว่า 9 หมื่นคน โดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า เป็นเพจที่มีน้องๆ ช่วยดูแลให้ เพราะผมจะไปดูทุกข้อความทุกเวลาไม่ได้ เพราะเราต้องทำงานเยอะ ก็มีทีมงานทำ แต่ทุกข้อความถึงตัวผมหมด ผมก็จะรวบรวมแล้วนำมาอ่านเช่นตอนกลางคืน ผมก็ได้ข้อมูลจากเพจที่ส่งมาในอินบอกซ์ ก็นำมาทำได้เยอะ ผมทำแล้วเก็บเป็นแฟ้มไว้เลย ว่าอันนี้ทำไปแล้ว อันไหนยังไม่ได้ทำ ทำให้ผมรู้แหล่งข้อมูลนำไปปราบปรามได้เยอะ

...ประชาชนเขาจะดูว่าที่ไหนที่พึ่งได้ แจ้งได้ แล้วแจ้งแล้วทำให้เขา เขาก็จะยิ่งแจ้ง ยิ่งเราทำให้เร็ว  ทำให้เห็นผล ข้อมูลก็จะยิ่งมามากขึ้น แต่ก็ต้องใช้เวลา คือพอมีข้อมูลส่งมาหากเป็นเรื่องคดี ผมจะให้ทีมงานไปดูก่อน พอทีมงานเห็นว่าผิดกฎหมายตรงไหน เสนอมาผมก็ไปสั่งต่อ ไปเช็กดู ไปดำเนินคดีจับกุม ไปเช็กดูว่าอยู่หรือไม่

อย่างเช่นเรื่องคดีฉ้อโกงที่ภูเก็ต ผู้เสียหายเป็นพันล้าน ผมก็นำมาดู แล้วส่งไปให้ทีมงานตรวจสอบว่ามีความผิดหรือไม่ เมื่อเห็นว่ามีความผิดผมก็มาดูรายละเอียด ก็ผิดจริง ฐานฉ้อโกงประชาชน ผู้เสียหายทั้งหมดรวมเป็นเงินพันกว่าล้านบาท ผมก็ขออนุมัติหมายจับเลย. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"