18 ก.ค. 2564 โรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ โพสต์แจ้งข่าวผ่านเฟซบุ๊ค ระบุว่า
ศูนย์รับวัคซีนธรรมศาสตร์ เราฉีดวัคซีนได้ต่อเนื่องเป็นวันที่สี่สิบ สามารถให้ภูมิคุ้มกันโดย Astra เพื่อให้ผู้คนมีโอกาสและมีความหวังที่จะมีชีวิตต่อสู้ต่อไปได้อีก 1,686คน รวมผู้คนที่ได้รับวัคซีนชนิดนี้จากเราไปแล้วกว่าเจ็ดหมื่นสองพันคน
มีคนรอคิวนัดจากเราเหลือค้างอยู่อีกห้าหมื่น และทยอยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อัตราการลงทะเบียนจองวัคซีนในแต่ละวันสูงขึ้นมาก เมื่ออัตราผู้ป่วยใหม่และอัตราการตายรายวันสูงขึ้นในสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา เราจะให้ภูมิคุ้มกันที่นี่ได้ต่อถึงเพียงวันที่ 23 กรกฎาคม เท่านั้น และในวันที่ 24-28 กรกฎาคม รวมห้าวัน เราจำเป็นต้องประกาศหยุดการทำงาน
เพราะไม่มีใครมีวัคซีนส่งให้เราฉีดให้ประชาชนได้อีกแล้ว หวังว่าวันหยุดยาวห้าวันที่เราไม่มีวัคซีนจะฉีดให้นี้ไวรัสคงจะหยุดพักผ่อนไม่ระบาดไปมากกว่านี้นะ
การไม่มีความสามารถหาวัคซีนมาฉีดให้เพียงพอในภาวะที่มีคนตายจากโรคระบาดวันละร้อยกว่าศพ และคงจะเป็นสองร้อยศพในอีกไม่กี่วัน. กับมีคนป่วยใหม่ทะลุหลักหมื่นคนไปแล้ว
ถ้าหากไม่สรุปว่าเป็นความล้มเหลว ความไร้ประสิทธิภาพและการ “ไม่สามารถทำงานได้เลย” ของรัฐบาล ที่เผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้มาปีเศษ
และเผชิญกับการระบาดร้ายแรงที่สมุทรสาครในเวปที่ 2 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้ว จะอธิบายเป็นอย่างอื่นกับศพผู้ป่วยโควิดที่ทับถมกันมากขึ้นในทุก ๆ วันได้อย่างไร
เราไม่ได้เรียกร้องให้รัฐบาลไปเจรจา ไปหาซื้อหรือไปสรรหาวัคซีนวิเศษชนิดใหม่ ๆ มาฉีดให้คนไทย
ที่ล้วนแต่อยู่ในความประหวั่นพรั่นพรึงหรอก แต่เราอยากให้รัฐบาลได้ใช้อำนาจและทำหน้าที่ของรัฐบาล
หน้าที่ของผู้ที่มีอำนาจในการอภิบาลรัฐ
เจรจาตกลงให้บริษัทผู้ผลิตAstra Zeneca ซึ่งมีโรงงานผลิตอยู่ในดินแดนและภายใต้อธิปไตยของไทย จะกราบไหว้อ้อนวอนก่อนก็ได้ ขอเพียงให้ได้วัคซีนมาสักเดือนละหกล้านโดส จาก 15 ล้านโดสต่อเดือนที่บริษัทผลิตได้ ให้มาใช้กับคนไทยก่อน แล้วที่เหลือจะส่งออกไปที่ไหนก็แล้วแต่บริษัท และถ้าบริษัทไม่ยอม หรือบริษัทไม่เห็นว่าชีวิตคนไทยสำคัญไปกว่าสัญญาซื้อขายวัคซีนที่เขามีกับประเทศอื่น ๆ ก็ขอร้องให้รัฐบาลไทยใช้อำนาจตาม พระราชบัญญัติความมั่นคงทางวัคซีน พ.ศ. 2561 มาตรา 18(2) ที่กำหนดให้รัฐมนตรีสาธารณสุขโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติมีอำนาจ เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุจำเป็นหรือเพื่อป้องกันการควบคุมหรือลดความรุนแรงของโรค
สามารถออกประกาศกำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวโดยให้เหมาะสมกับสัดส่วนการใช้วัคซีนในประเทศได้
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติก็ได้เสนอให้ออกประกาศเช่นนี้มาแล้ว เหลือแต่เพียงรัฐบาลโดยนายกรัฐมนตรีซึ่งได้ออกพระราชกฤษฎีกาโอนอำนาจของ รมว.สาธารณสุข มาเป็นอำนาจของ นรม.แล้วเมื่อ 28 เมษายน 2562 ที่จะกล้าตัดสินใจเพียงแค่ “ออกประกาศกำหนด” ให้บริษัทส่งออกวัคซีนไปได้เฉพาะส่วนที่เกิน 6 ล้านโดส จากที่บริษัทเคยบอกว่าจะมีกำลังการผลิตได้เดือนละ 15 ล้านโดส เพื่อให้เอามาใช้กับคนไทยก่อน ไมได้ทำอะไรรุนแรง ถึงขนาดห้ามส่งออกต่างประเทศทั้งหมดเหมือนที่รัฐบาลอินเดียเคยทำเมื่อสองสามเดือนก่อนด้วยซำ้
ขอให้ทำ เพื่อเห็นแก่ประชาชนที่ล้มตายลงไปในทุกๆวันเถิด
นายกรัฐมนตรีได้ออกพระราชกฤษฎีกาโอนอำนาจรักษาการตาม พรบ.นี้และพรบ.อื่นอีกสามสิบกว่าฉบับจากรมต. ต่าง ๆ มาเกือบสามเดือนแล้ว ถึงจะยังไม่ได้ใช้อะไรสักฉบับก็ไม่เป็นไร
ขอให้ใช้อำนาจเพียงแค่ในเรื่องนี้เรื่องเดียว โดยเห็นแก่ชีวิตของผู้คนที่กำลังล้มตายเป็นใบไม้ร่วงมากขึ้นทุกวัน ๆ
เห็นแก่ผู้เจ็บป่วยรายใหม่ที่เพิ่มขึ้นวันละหมื่นกว่าคน
เห็นแก่บุคลากรในระบบสาธารณสุขที่บาดเจ็บล้มตายลงไปทุกวันกับสถานการณที่ไม่มีวันรบชนะโดยไม่มีวัคซีนนี้
ขอเพียงเอาวัคซีน Astra มาใช้ในประเทศผู้ผลิตเอง ในชาติของเราเอง เพื่อประชาชนของเราเอง สักไม่ถึงครึ่งหนึ่งของจำนวนผลิตได้จะได้หรือไม่
ทำไมเราจะต้องเกรงใจและทำไมเราจะต้องกลัวผลกระทบกระเทือนต่อฝรั่งเจ้าของบริษัทมากเหลือเกิน
กลัวมากจนยอมให้คนไทยล้มตายมากมายไปทุก ๆ วันโดยเราจะงอมืองอเท้าไม่ทำอะไรเลยหรอกหรือ
และจะต้องมีคนไทยอยู่ที่นี่ต่อไป
ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |