18 ก.ค.64 - รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการนโยบายและกำกับการบริหารหนี้สาธารณะ กระทรวงการคลังและ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม. รังสิต กล่าวว่า มาตรการขยายล็อกดาวน์ ปิดกิจกรรมเพิ่มเติม เพิ่มจังหวัดและล็อกดาวน์ยาวนานขึ้นจะได้ผลน้อยมาก อัตราการเสียชีวิตอาจจะยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องพร้อมตัวเลขการติดเชื้อสูงขึ้น ความไม่มีประสิทธิภาพของการล็อกดาวน์ในการควบคุมโรคขณะนี้เป็นผลจากการติดเชื้อได้ลุกลามสู่ครัวเรือนและชุมชนอย่างเต็มที่แล้ว การล็อกดาวน์จะมีผลกระทบเศรษฐกิจรุนแรงและยังอาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการติดเชื้อเพิ่มในบ้านหรือชุมชนรายได้น้อย เนื่องจากอยู่อาศัยกันอย่างแออัด มาตรการขยายล็อกดาวน์จะมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลก็ต่อเมื่อมีการดำเนินการคู่ขนานกับมาตรการตรวจคัดกรองเชิงรุกในครัวเรือน ชุมชนและโรงงานและเร่งฉีดวัคซีน mRNA ควบคุมการลักลอบเข้าประเทศผิดกฎหมายและชะลอการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในพื้นที่เสี่ยงคู่ขนานไปด้วยอย่างเต็มที่ ตลอดจนชดเชยรายได้และผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อผู้ใช้แรงงานและผู้ประกอบการอย่างเต็มที่
รศ.ดร.อนุสรณ์ ยังกล่าวอีกว่า ข้อเสนอดังกล่าวข้างต้นจะเกิดขึ้นได้และมาตรกการขยายล็อกดาวน์ได้ผลมากขึ้นก็ต่อเมื่อรัฐบาลตัดสินใจปรับเปลี่ยนการใช้จ่ายในงบประมาณใหม่ด้วยเลื่อนการจัดซื้ออาวุธทั้งหมด นำเงินมาใช้ในงบสาธารณสุข การตรวจโรคเชิงรุกและกักกันกลุ่มเสี่ยง การจัดซื้อวัคซีน การเตรียมรับมือกับการล่มสลายของระบบสาธารณสุข และชดเชยรายได้ให้ประชาชนและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ หากไม่ใช้วิธีตรวจคัดกรองเชิงรุกในครัวเรือน ชุมชนและโรงงานและเร่งฉีดวัคซีน mRNA ควบคุมการลักลอบเข้าประเทศผิดกฎหมายและชะลอการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างประเทศในพื้นที่เสี่ยงคู่ขนานไปด้วยอย่างเต็มที่ ประสิทธิผลของมาตรการขยายล็อกดาวน์จะไม่ได้ผลอะไรมากและจะทำให้วิกฤติเศรษฐกิจทรุดหนักลงไปอีก
รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุว่า อย่างเช่น หากเราไม่ซื้อเรือดำน้ำเพิ่มอีกสองลำ เราจะสามารถแจกทุนการศึกษาให้เด็กยากจนทุนละ 5,000 บาทจำนวน 4.5 ล้านคน และทำให้เด็กๆไม่ต้องออกจากระบบการศึกษาจากวิกฤติเศรษฐกิจโควิด ซื้อวัคซีนมาฉีดฟรีให้ประชาชนได้อย่างต่ำ 123 ล้านโดส หรือ ซื้อเครื่องตรวจแจกฟรีให้ประชาชนได้ 64 ล้านคน หรือ ซื้อเครื่องวัดออกซิเจนได้ 22 ล้านเครื่อง หรือ ชุด PPE ให้บุคลากรทางการแพทย์ได้ 150 ล้านชุด
ขอให้สมาชิกรัฐสภาและรัฐบาลตัดสินใจให้ดี ว่า เราควรเอาเงินกู้และเงินภาษีประชาชนไปทำอะไรระหว่าง การจัดซื้ออาวุธ กับ การใช้จ่ายทางด้านสาธารณสุขในท่ามกลางวิกฤติโควิด หรือ ทุนการศึกษาให้กับนักเรียนยากจนหรือซื้ออุปกรณ์ให้นักเรียนให้สามารถเข้าถึงการเรียนรู้ทางออนไลน์ได้ สิ่งที่ กองทัพไทย ควรทำไม่ใช่การจัดซื้ออาวุธ แต่ควรนำเอาพื้นที่ของค่ายทหารมากมายและกำลังพลจำนวนมากมาจัดสร้างโรงพยาบาลสนามช่วยเหลือประชาชน รวมทั้ง การเร่งตรวจเชิงรุกในชุมชน และ จ่ายค่าตอบแทนให้กำลังพลชั้นผู้น้อยที่ได้ร่วมกันช่วยเหลือประชาชนมากกว่า
รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุว่า การเปิดเผยข้อมูลสถานการณ์ของโรคและคุณภาพของวัคซีนอย่างโปร่งใส และการจัดหา การบริหารและกระจายวัคซีนตามหลักสาธารณสุขและการป้องกันไม่ให้เกิดความล่มสลายทางเศรษฐกิจและสังคมมีความสำคัญอย่างยิ่ง การจัดหา การบริหารและการกระจายวัคซีนต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสาธารณชน หากไม่ยึดผลประโยชน์ของสาธารณสุขและสาธารณชนแล้ว การจัดหา การบริหารและการกระจายวัคซีนก็จะบิดเบี้ยว บิดเบือนไปจากหลักการที่ถูกต้องชอบธรรม วิกฤติในหลายๆด้านจะติดตามมาอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ รัฐบาลไทยปฏิเสธไม่เข้าโครงการ โคแวกซ์ (Covax) ขององค์การอนามัยโลกและพันธมิตรเป็นการตัดสินใจที่ผิดผลาดที่สุดเรื่องการจัดหาวัคซีน นอกจากประเทศต้องสิ้นเปลืองงบประมาณเพิ่มเติมอีกจำนวนมากแล้ว ยังเกิดข้อสงสัยว่า Covax หาประโยชน์เงินทอนไม่ได้หรือไม่เพราะเป็นวัคซีนบริจาค เกิดข้อสงสัยว่าการจัดสรรงบประมาณซื้อวัคซีนคุณภาพต่ำหาเงินทอนได้จากการดำเนินการหรือไม่ ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอาเซียนล้วนได้วัคซีนจากโครงการ Covax ขององค์การอนามัยโลกไปแล้ว ปลายปีนี้ โครงการ Covax ขององค์กรอนามัยและพันธมิตรจะจัดวัคซีนไปทั่วโลกให้ได้ 2 พันล้านโดส แต่ประเทศไทยจะไม่ได้สักโดสเดียวจากโครงการนี้เพราะเราตัดสินใจไม่เข้าร่วม
รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุว่า รัฐบาล ภาคธุรกิจและครัวเรือนควรเตรียมเม็ดเงินสำหรับสถานการณ์ที่ประเทศต้องล็อกดาวน์เป็นระยะๆไปอีกอย่างน้อย 2-3 ปี การใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นทั้งหมดควรเลื่อนออกไปก่อนโดยเฉพาะการซื้อเรือดำน้ำอีกสองลำเนื่องจากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนแต่ประการใด องค์การอนามัยโลกและโครงการโคแวกซ์ (Covax) ต้องใช้เวลาอีกหลายปีในการฉีดวัคซีนให้ประชากรโลกได้ 70% จากประชากรโลกที่มีอยู่ราว 7.8 พันล้านคนอันนำมาสู่ภูมิคุ้มกันหมู่จึงสามารถหยุดการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 ได้อย่างเบ็ดเสร็จ
รศ. ดร. อนุสรณ์ กล่าวอีกว่า การเลื่อนฉีดวัคซีนในประเทศไทยจะเกิดขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากประชาชนไทยส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือในการฉีดวัคซีนและต้องการฉีดเพื่อปกป้องตัวเอง คนรอบข้างและสังคมโดยรวม นับเป็นเรื่องน่ายินดีที่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมีคุณลักษณะเช่นนี้ แต่เนื่องจากประสิทธิภาพในการจัดหาวัคซีนและการกระจายวัคซีนต่ำปัญหาการเลื่อนการฉีดจะเกิดขึ้นเรื่อยๆ และ ความจริงแล้ว ประชาชนไม่ควรต้องเสียเงินในการเข้าถึงบริการพื้นฐานทางด้านสาธารณสุขหรือการฉีดวัคซีน ภายใต้สภาวะดังกล่าว เราต้องประเมินสถานการณ์ใหม่ด้วยการหันมาส่งเสริมการรักษาสำหรับผู้มีอาการไม่รุนแรงและป้องกันโดยใช้สมุนไพรไทยมากขึ้น และ มีมาตรการส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรง และ มีสุขอนามัยที่ดี การฉีดวัคซีนแบบผสมผสานโดยไม่มีงานวิจัยรองรับไม่ควรทำเพราะอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ ส่วนวัคซีนที่ไม่สามารถป้องกันไวรัสโควิดกลายพันธุ์ได้ควรหยุดสั่งซื้อและหยุดใช้ได้แล้ว
รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุว่า ส่วนความเสียหายต่องบประมาณก็ต้องไปตรวจสอบกันว่า ใครควรต้องรับผิดชอบ อีกวิธีที่จะแก้ปัญหาการเลื่อนการฉีดวัคซีน คือ รัฐบาลใช้ กฎหมายความมั่นคงทางวัคซีนเพื่อจำกัดจำนวนการส่งออก “แอสตร้าเซเนก้า” เพื่อนำมาใช้ในประเทศก่อน เนื่องจากบริษัทแอสตร้าเซเนก้ามีโรงงานผลิตอยู่ในดินแดนประเทศไทย และ รัฐไทยมีอำนาจอธิปไตยสมบูรณ์ในการบังคับใช้กฎหมาย บริษัทต้องส่งมอบวัคซีนตามความต้องการของรัฐไทยเพื่อป้องกันการสูญเสียชีวิตของคนไทย หากบริษัทเห็นว่า การปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายวัคซีนสำคัญกว่าชีวิตคนไทย รัฐบาลสามารถใช้พระราชบัญญัติความมั่นคงทางวัคซีนเพื่อกำหนดสัดส่วนการส่งออกได้เฉพาะที่เกิน 6 ล้านโดส เพื่อประเทศไทยจะได้มีวัคซีนใช้อย่างน้อย 6 ล้านโดสต่อเดือน
รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุว่า แต่การตัดสินใจนี้จะอยู่ที่ นายกรัฐมนตรีผู้เดียว เดิมเป็นอำนาจของรัฐมนตรีสาธารณสุข เนื่องจากมีการออกพระราชกฤษฎีกาโอนอำนาจให้นายกรัฐมนตรี และ หวังว่า นายกรัฐมนตรีจะใช้อำนาจนี้ในการดูแลประชาชนชาวไทยและต้องดำเนินการระงับการส่งออกเกินสัดส่วนเพื่อให้วัคซีนเพียงพอใช้ภายในประเทศภายในสัปดาห์นี้ ก่อนที่จะช้าเกินไปและระบบสาธารณสุขและระบบเศรษฐกิจต้องล่มสลายลง และ ประเด็นนี้ นักกฎหมายมหาชนอย่าง ดร. สุรพล นิติไกรพจน์ ได้ให้ความเห็นแล้วสามารถทำได้ตาม มาตรา 18 (2) แห่งพระราชบัญญัติความมั่นคงทางวัคซีน ที่ให้อำนาจรัฐมนตรีสาธารณสุข (ตอนนี้โอนอำนาจให้นายกรัฐมนตรี) กำหนดสัดส่วนการส่งออกวัคซีนไปนอกราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว เพื่อให้เราจะได้มีวัคซีนเพียงพอใช้ใน.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |