18 ก.ค. 64 - นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงศาสตราจารย์สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานคณะกรรมการบริหารโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ วิพากษ์วิจารณ์การบริหารสถานการณ์โควิด-19 และวัคซีน ของนายกฯ และรัฐบาล โดยยืนยันว่านายกฯ และรัฐบาล หรือแม้แต่ใครไม่อยากให้มีผู้ติดเชื้อหรือเสียชีวิตจากโควิด-19 แต่เมื่อมีคนติดเชื้อและเสียชีวิต นายกฯ รัฐบาล ไม่นิ่งนอนใจทำทุกอย่าง ออกมาตรการต่างๆ เพื่อที่จะให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้ ขณะเดียวกันได้ให้ความสำคัญและเข้าใจถึงการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ที่ทำงานในขณะนี้ว่าทุกคนมีความเหน็ดเหนื่อยมากน้อยแค่ไหน 

ส่วนการบริหารจัดการวัคซีนได้พยายามจัดหามาโดยตลอด ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ได้ออกมาบอกแล้วว่าบุคลากรด่านหน้าด้านสุขภาพทุกคนที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มจะได้รับบูสเตอร์ โดยอาจเป็นแอสตร้าเซนเนก้า หรือวัคซีนชนิด mRNA

ขณะเดียวกันวัคซีนอีกหลายยี่ห้อก็กำลังจะทยอยเข้ามาฉีดให้กับคนไทย แม้อาจจะล่าช้าบ้างแต่ต้องเข้าใจว่าทั่วโลกก็มีความต้องการวัคซีนเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน

“ตนเองมองว่าศาสตราจารย์สุรพล ที่เป็นถึงนักวิชาการ เป็นผู้บริหารโรงพยาบาล ก็น่าจะมีสตินึกคิด เข้าใจการทำงานของทุกฝ่ายในขณะนี้ด้วย ไม่ใช่หลับหูหลับตาตำหนิ หรือค้านอย่างเดียว ทุกวันนี้นายกฯและรัฐบาลได้พยายามทำงานอย่างถึงที่สุด ทั้งบริหารสถานการณ์ การเยียวยาประชาชน รวมถึงการบริหารจัดการวัคซีน  ไม่มีนายกฯคนไหนอยากให้ใครตายทั้งนั้น

"ชีวิตทุกชีวิตมีค่า ทำไมรัฐบาลจะไม่รับรู้  จึงได้ทุ่มเททุกสรรพกำลังเพื่อยื้อทุกชีวิต ให้ปลอดภัย ทีมแพทย์พยาบาลทุกที่ระดมช่วยกันเต็มที่แทบไม่ได้พักผ่อนเพื่อให้สูญเสียชีวิตน้อยที่สุด    ประเทศมหาอำนาจในโลกที่มือทั้งเครื่องมือทางการแพทย์มีระบบสาธารณสุขและมีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความพร้อมกว่าประเทศไทยในทุกๆด้าน ยังสูญเสียชีวิตมากกว่าประเทศไทยหลายสิบเท่า แต่ตนก็ขอยืนยันว่า นายกฯและรัฐบาลจะสู้จนถึงที่สุดจะไม่ยอมแพ้ เพื่อช่วยชีวิตคนไทย ถึงแม้จะเหนื่อยยากสักเพียงใดก็ตาม เพราะชีวิตคนไทยมีค่ามากและมีความหมายเสมอ ขอให้ศาสตราจารย์สุรพล ช่วยเป็นหนึ่งกำลังใจที่จะร่วมมือให้ผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันให้ได้ "