ปริมาณในการจัดหา...คุณภาพในการจัดการ คือหัวใจของการใช้วัคซีนในการจัดการกับการระบาดของ COVID-19


เพิ่มเพื่อน    

 ทั่วโลกต่างก็รู้กันว่า ในการจัดการการระบาดของ COVID-19 นั้น รัฐบาลจะต้องจัดการให้ประชาชนอย่างน้อย 70% ของประเทศได้รับการฉีดวัคซีน 2 เข็ม เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และธุรกิจต่างๆ ก็จะได้ดำเนินต่อไปได้ เป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นหลักการที่สำคัญสำหรับรัฐบาลของทุกประเทศก็คือ เราจะต้องหาวัคซีนมาให้ได้ในปริมาณที่เพียงพอ และเมื่อได้มาแล้วก็จะต้องจัดการฉีดอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ถือว่าเป็นคุณภาพของการจัดการกระจายวัคซีนและการฉีดวัคซีน

รัฐบาลไทยถูกล่าวหาว่าจัดการวัคซีนได้ไม่ดีหลายเรื่อง เริ่มต้นตั้งแต่เราสั่งซื้อวัคซีนช้า ไม่ทันรัฐบาลของประเทศอื่นๆ ตอนนั้นรัฐบาลและแนวร่วมของรัฐบาลก็พยายามช่วยกันอธิบายว่าทำไมเราต้องจองช้า ซึ่งก็ยังพอฟังขึ้น และเรื่องนี้ก็เบาลงเมื่อเราได้วัคซีน Sinovac มาจากประเทศจีน ทำข่าวกันใหญ่โตว่าเราได้วัคซีนมาแล้ว แต่ก็ยังโดยแซะว่าเป็นวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพ และไม่ปลอดภัย

บรรดาหมอที่ทำงานร่วมกับรัฐบาล ให้คำปรึกษากับรัฐบาล ก็ได้ช่วยกันอธิบายให้คนจำนวนมากยอมรับความมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ Sinovac ประกอบกับประเทศจีนที่ตอนนี้เอาชนะ COVID ได้แล้ว เขาก็ใช้ Sinovac กับ Sinopharm ที่เป็นผลผลิตภายในประเทศ ทำให้ประชาชนจำนวนหนึ่งมีความเชื่อมั่น Sinovac และยอมฉีด ด้วยความเชื่อที่ว่าวัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่หาได้เร็วที่สุด

ต่อมาคนไทยก็ได้รับข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนอีก เมื่อได้รู้ว่า Astra Zeneca เลือกบริษัท Siam Bioscience ให้เป็นผู้รับถ่ายทอดเทคโนโลยี ทำหน้าที่ในการผลิตวัคซีน Astra Zeneca ในประเทศไทย แต่ก็ยังมีการด้อยค่าด้วยการบอกว่า Siam Bioscience ไม่มีความสามารถบ้าง หรือบางคนไปไกลถึงขนาดที่พูดว่าโรงงานยังไม่ได้สร้าง คนงานยังไม่มี แต่แล้วความจริงก็ปรากฏ และประชาชนก็ได้รับทราบความจริงที่ทำให้สบายใจ

ความสบายใจเพิ่มขึ้นอีกเมื่อเราได้รับรู้ว่ารัฐบาลได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่าได้อนุญาตให้ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์สามารถนำเข้า Sinopharm มาเป็นวัคซีนทางเลือกที่ให้บริษัทห้างร้าน หน่วยงาน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดซื้อไปฉีดให้แก่คนในสังกัดของตนเอง โดยห้ามนำไปขาย หน่วยงานและองค์กรเป็นผู้ซื้อ แต่ประชาชนต้องได้ฉีดฟรี

นอกเหนือจากวัคซีน 3 ยี่ห้อที่เข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมากแล้ว ประเทศไทยยังมีความพยายามที่จัดซื้อจากยี่ห้ออื่นอีก ทั้ง Pfizer, Moderna, J&J, Sputnik V ทุกยี่ห้อที่ไทยเราพยายามที่จะซื้อนั้น ได้รับการรับรองประสิทธิภาพและความปลอดภัยจาก WHO แล้ว และทุกยี่ห้อที่เราสั่งซื้อนั้นก็ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการอาหารและยาแล้วทั้งนั้น แม้ว่าบางยี่ห้อยังไม่เข้ามา แต่ก็มีการบอกเวลาคร่าวๆ ว่าเราจะได้มาในไตรมาสที่ 4 ของปี นั่นคือประมาณเดือนตุลาคม 2564

จากข่าวทั้งหมดนั้นทำให้คนไทยสบายใจว่าเราสามารถทำตามเงื่อนไขข้อแรกได้ดี นั่นคือ สามารถจัดหาวัคซีนได้จำนวนมากพอ ตามรายงานข่าวที่เราได้รับรู้นั้น เราสั่งซื้อทั้งหมด 105 ล้านเข็ม ซึ่งเพียงพอที่จะฉีดให้คนไทยคนละ 2 เข็ม ได้เกินกว่า 70% ของประชากรทั้งหมด สามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ที่จะทำให้เรากลับไปใช้ชีวิตได้เกือบเหมือนเดิมก่อนที่จะมี COVID-19 ระบาด ธุรกิจต่างๆ เปิดได้ ทำมาหากินได้ ต้อนรับนักท่องเที่ยวได้ แต่ปรากฏว่าเราดีใจได้ไม่นาน เพราะหลักการข้อที่สองนั้นประเทศไทยเราสอบไม่ผ่าน นั่นคือ การจัดการฉีดวัคซีนมีปัญหา เป็นการจัดการที่ไม่มีคุณภาพ

จากการติดตามข่าวที่ออกมา จากการติดตามดูพฤติกรรมของฝ่ายต่างๆ นั้น ทำให้ประชาชนสับสน ผิดหวัง โกรธ ไม่พอใจ ไม่มั่นใจเรื่องการจัดการฉีดวัคซีน

  • เรามั่นใจว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดสรรวัคซีน และจัดฉีดวัคซีนนั้นมีความขัดแย้งกัน ไม่ได้ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการ
  • เรามีความรู้สึกว่าการกระจายวัคซีนมีความไม่เป็นธรรม เพราะบางจังหวัดควรได้มากก็ได้น้อย บางจังหวัดควรได้น้อยกลับได้มาก
  • การลงทะเบียนฉีดก็ไม่ง่ายสำหรับคนจำนวนมาก มีเสียงบ่นว่าพยายามหลายทางแต่ก็ไม่อาจจะลงทะเบียนได้ บางครั้งระบบก็ล่ม
  • การมาของวัคซีนไม่ตรงเวลา ทำให้ต้องเลื่อนเวลาในการฉีดให้กับคนที่นัดหมายไว้แล้ว และมักจะเป็นการเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด
  • การให้ข่าวเกี่ยวกับการกำหนดฉีด การเลื่อนฉีด การเรียกกลับมาฉีดเป็นไปด้วยความสับสนอลหม่านมาก ประชาชนทำตัวไม่ถูก
  • รัฐบาลไม่สามารถอธิบายให้ประชาชนยอมรับได้ในการตัดสินใจฉีดให้ใครก่อนหลัง ประชาชนที่ได้ฉีดทีหลังไม่พอใจ แต่รัฐบาลก็ไม่อาจอธิบายให้พวกเขาเข้าใจได้
  • Astra Zeneca ไม่สามารถจัดส่งได้ตามจำนวนที่กำหนดไว้ในเดือนแรก แต่รัฐบาลก็ออกมาประกาศว่าเดือนถัดๆ ไปจะได้เดือนละ 10 ล้านเข็ม ประชาชนก็พอจะเบาใจ
  • แต่แล้วประชาชนก็ผิดหวังอย่างแรก เมื่อรัฐมนตรีช่วยฯ ออกมาบอกว่า Astra Zenaca ไม่สามารถจัดส่งวัคซีนได้ 61 ล้านเข็มภายในเดือนธันวาคม 2564 แต่จะเป็นเดือนพฤษภาคม 2565 ห่างจากที่เคยพูดไว้ถึง 5 เดือน แล้วก็มีถ้อยคำแก้เกี้ยวว่าในการคุยกันมีแต่การบอกจำนวนที่จะส่ง แต่ไม่ได้มีการกำหนดเวลาว่าจะส่งให้ตอนไหน อ้าว!!!!! ทำไมตอนแรกไม่เห็นมีข้อความนี้เลย มีแต่ 61 ล้านเข็มภายในเดือนธันวาคม 2564

            เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว จะให้ประชาชนสบายใจได้อย่างไร แล้วประชาชนจะเชื่อถือรัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหน และคนที่เคยเป็นแนวร่วมรัฐบาลนั้น เขายังจะเป็นต่อไปไหม เขาจะเปลี่ยนใจไหม เมื่อต้องเผชิญกับโรคระบาด อารมณ์ของคนก็คือ กลัว วิตกกังวล แต่เมื่อมาเจอการแถลงข่าวแบบนี้ของรัฐบาล สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือ ความรู้สึกกลัวและกังวล จะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกโกรธและเกลียด และถ้าอารมณ์เหล่านี้ไม่ได้มาจากฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล แต่มาจากคนที่เคยเป็นแนวร่วมกับรัฐบาล ความมั่นคงของรัฐบาลจะเป็นเช่นไร และประเทศชาติของเราจะเป็นเช่นไร ที่ประชาชนส่วนหนึ่งเคยรู้สึกสบายใจว่ารัฐบาลจัดหาวัคซีนได้เพียงพอ เกิดความผิดหวัง ประกอบกับรัฐบาลจัดการกระจายวัคซีนและฉีดวัคซีนได้ไม่ดีพอ ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจะเป็นเช่นไร รัฐบาลเคยคิดบ้างหรือไม่ และคิดจะปรับปรุงอะไรบ้างหรือไม่ คิดนะคะ ต้องคิดค่ะ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"