เป็นอีกหนึ่งปีที่ต้องจับตาแบบห้ามกะพริบ การแต่งตั้ง "สีกากี" วาระประจำปี 2564 แม้ตำแหน่ง "แม่ทัพใหญ่กรมปทมุวัน" จะไม่มีการช่วงชิงเก้าอี้ เพราะ "บิ๊กปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.ยังเหลืออายุราชการอีก 1 ปี ไปเกษียณอายุราชการปี 2565 แต่ระดับล่างๆ ลงไป "ฝุ่นตลบ" มิหนำซ้ำยังมีปัจจัยจากคำสั่งศาลปกครองกลางมีคำสั่งคุ้มครอง บิ๊กต้อย-พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา ที่ถูกให้ไปนั่งเก้าอี้ สำรองราชการ ตร. ให้กลับมาดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ตามเดิม ก็ยิ่งน่าสนใจมากขึ้นว่า บิ๊กปั๊ด ในฐานะพ่อบ้านจะแก้ปัญหาภายในบ้านอย่างไร ในเมื่อตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ของ บิ๊กต้อย มีการแต่งตั้งให้ บิ๊กเบิ้ม พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย ไปนั่งแทนที่แล้ว บิ๊กปั๊ด จะเสนอคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ที่มี นายกฯ ตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร.เพื่อแก้ปัญหานี้อย่างไร จะเปิดตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ใหม่ หรือใช้โควตา รอง ผบ.ตร. ที่ว่างอยู่ 2 ตำแหน่ง ในการแต่งตั้ง "นายพล" วาระประจำปี 2564 ให้ บิ๊กต้อย ไปนั่งเลย ก็จะทำให้ในไลน์ผู้ช่วย ผบ.ตร.ที่จะขยับขึ้น รอง ผบ.ตร.เหลือว่างตำแหน่งเดียว...บอกแล้วห้ามกะพริบตา ๐
ถ้าหาก ผบ.ปั๊ด เลือกใช้โควตา 1 ใน 2 เก้าอี้ รอง ผบ.ตร.ที่ว่างในวาระการแต่งตั้งวาระประจำปี 2564 เพื่อให้ บิ๊กต้อย กลับมาเป็น รอง ผบ.ตร.ตามคำสั่งศาลปกครองกลาง งานนี้ส่งผลต่อบรรดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่รอลุ้นตาม บิ๊กรอย-พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสลำดับ 1 ขึ้น รอง ผบ.ตร. ที่เหลืออีก 1 ตำแหน่ง อาจต้อง "ผิดหวัง" กันเป็นแถว ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน อาวุโสลำดับ 2 พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง อาวุโสลำดับ 3 พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช อาวุโสลำดับ 4 และ พล.ต.ท.สุทิน ทรัพย์พ่วง อาวุโสลำดับ 5 โดยเฉพาะ บิ๊กทิน ที่เหลืออายุราชการอีกเพียงปีเดียว เกษียณอายุราชการปี 2565 ไม่ได้ขึ้น รอง ผบ.ตร. ติดยศ พล.ต.อ. แน่นอน ส่วน ผู้ช่วย ผบ.ตร. รายอื่นๆ ยังมีลุ้น ยังมีหวังในปีต่อไป เพราะเกษียณอายุราชการปี 2566-2568 โน้นเลย ๐
ไม่น่าจะมีอะไรพลิก ไม่น่าจะมีอะไรพลาด เก้าอี้ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล หรือ ผบช.น. แม่ทัพเมืองหลวง คงต้องแปะชื่อ บิ๊กอุ้ย-พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร จเรตำรวจ (สบ 8) ช่วยราชการ บช.น. จองเก้าอี้ น.1 ต่อจากเพื่อนร่วมรุ่น นรต.38 บิ๊กอู๊ด-พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น.ที่จะเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.นี้ เพราะตลอดช่วงเดือนสองเดือนที่ผ่านมา ดูเหมือน "บิ๊กอุ้ย" จะลุยทำงานกับลูกน้องตำรวจนครบาลอย่างต่อเนื่อง ทั้งการนำทัพตำรวจนครบาล 3 ขยายผลการจับกุมเครือข่ายยาเสพติด จับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายยาเสพติด ยึดของกลางยาบ้าหลายล้านเม็ด นอกจากนั้นยังพาทีม พ.ต.อ.ธีระชัย ชำนาญหมอ รอง ผบก.สส.บช.น. และพ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. ทลายเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ แอปพลิเคชัน "แมงโก้โลน" (mango loan) และโคโค่โลน (coco loan) จับกุมผู้ต้องหาและยึดของกลางดำเนินคดีจำนวนมาก ๐
ไวรัสโควิด-19 เล่นงาน "สีกากี" อีกแล้ว คราวนี้เป็นสำนักงานกฎหมายและคดี หลังมีตำรวจระดับ ผกก. ไปตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงพยาบาลตำรวจ ผลปรากฏว่าได้รับการยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ พล.ต.ท.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี ต้องเซ็นคำสั่งให้ตำรวจที่สัมผัสใกล้ชิด ผกก.รายดังกล่าว ซึ่งมีความเสี่ยงติดเชื้อโควิดจำนวน 8 ราย มีตั้งแต่ระดับนายพันจนไปถึงระดับนายพล ให้ทำการกักตัวและเฝ้าสังเกตอาการ ณ ที่พักอาศัย โดยให้แยกห้องนอน แยกของใช้ส่วนตัว และแยกทำความสะอาด พร้อมเตรียมอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ เจลแอลกอฮอล์ ที่วัดไข้ ยาแก้ไข้ ยาแก้ไอ น้ำเกลือแร่ และอุปกรณ์ทำความสะอาด น้ำยาฆ่าเชื้อและถุงขยะ สำหรับใช้ในการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันที่ 28 ก.ค.นี้ ๐
ตั้งการ์ดปกป้องโควิด-19 ในกองทัพเข้มข้น กองทัพบก จัดตรวจเชิงรุกในพื้นที่อาคารบ้านพักสวัสดิการ ซึ่งเป็นชุมชนที่มีผู้พักอาศัยหนาแน่น เป็นการป้องกันในที่ตั้งไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดไว้ก่อน เหลือแค่รอผลตรวจ ทหารใหม่ เมื่อกักตัวครบ 14 วัน ว่าจะ ไข่แตก ก่อนเริ่มฝึกหรือไม่ แต่ที่ตรวจเจอไปก่อนหน้านั้นเป็นผู้ติดเชื้อในกลุ่มทหารใหม่ของกองทัพอากาศ (ทอ.) พล.อ.ท.ฐานัตถ์ จันทร์อำไพ โฆษกกองทัพอากาศ แจ้งข้อมูลว่า ในเบื้องต้นตรวจพบแล้ว 290 นาย จาก 718 นาย จึงได้จัดอาคารกองพันของกรมอากาศโยธินเป็น Community Isolation 2 อาคาร ได้แก่ อาคารสำหรับผู้มีความเสี่ยงสูง และอาคารสำหรับผู้ป่วยติดเชื้อ (ผู้ป่วยไม่มีอาการหรือมีอาการไม่รุนแรง) โดยอาคารทั้ง 2 แห่งใช้เพื่อกักตัว แต่ระหว่างที่กำลังดำเนินการปรากฏว่าเกิดกรณีผู้ปกครองไปร้องเรียนสื่อ นำภาพความเป็นอยู่ของบุตรหลานของตัวเองที่ต้องนอนกับพื้นห้องอาหาร รับประทานเฉพาะข้าวสวย ทำให้ ทอ.ต้องออกมาชี้แจงอีกรอบว่าเป็นช่วงของการรอตรวจค้นหาเชิงลึก แต่ปัจจุบันได้จัดห้องในอาคารตามที่ได้แจ้งไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมรับเรื่องไปชี้แจงญาติในลำดับต่อไป ๐
ส่วนภารกิจช่วยประชาชนของทุกเหล่าทัพยังคงความต่อเนื่อง เพียงแต่กำลังเสริมด่านหน้าสาธารณสุขในทีมของ กทม.อาจจะมาช้าไปหน่อย หลังการประชุม ศบค.นัดพิเศษเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สั่งกระทรวงกลาโหมและ ศปม.จัดเจ้าหน้าที่ความมั่นคงจัดกำลังในลักษณะชุดเคลื่อนที่เร็วจำนวน 69 ชุด ร่วมกับ กทม.เคาะประตูบ้านตรวจเชิงรุกในชุมชน เพื่อคัดแยกผู้ป่วยออกจากชุมชนแล้วทำการรักษา ตามมาด้วยการสั่งการย้ำให้จัดกำลังเพิ่มเป็น 188 ชุด ภารกิจเร่งด่วน ระหว่าง 15-25 ก.ค.64 ที่สำคัญคือ การเปิดค่ายทหารจัดตั้ง รพ.สนามเพิ่ม เป้าหมายคือหยุดไฟโควิดที่กำลังโหม กทม.-ปริมณฑล ให้ได้อย่างเร็วที่สุด ๐
ที่น่าสนใจคือ แรงงานต่างด้าว ยังพยายามหลบหนีเข้ามาในไทย ทั้งที่คำสั่ง ศบค.ให้หยุดกิจกรรมก่อสร้าง แต่ก็ยังมีอีกหลายกิจการที่ไทยต้องพึ่งพาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ ออร์เดอร์ แรงงานยังมีอย่างไม่หยุดหย่อน การแก้ไขปัญหาจึงเหมือน แมวไล่จับหนู ไปเรื่อยๆ คงเป็นเพียงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ยิ่งการระบาดในประเทศเพื่อนบ้านรอบตัวเราเริ่มหนักขึ้น ชายแดนก็ต้องเข้มขึ้นตามสถานการณ์ แต่ก็ต้องยอมรับว่าซีลไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จึงยังเห็นตัวเลขการจับกุมอยู่รายวัน ปัญหาที่เกิดขึ้นจะใช้การแก้ไขปัญหาไปตามขั้นตอนตามลำดับขั้นคงไม่ไหว หลายเรื่องเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน และปฏิเสธไม่ได้ว่ามี “ขรก.” บางสี บางคนหรี่ตาข้างเดียว งานข่าว จึงสำคัญ เหนืออื่นใดคือ เงินสำรอง สนับสนุนการปฏิบัติงานที่มีหลายส่วนรับผิดชอบที่ต้องถึงมือเพื่อพร้อมทำงาน แว่วว่า พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส. ในฐานะ ศปม.ไฟเขียวให้มาเบิกเงินส่วนตัวไปใช้ก่อน เพื่อไปใช้งานข่าว การนำจับ เพื่อให้ทุกอย่างรวดเร็วทันสถานการณ์ ถ้ารอขั้นตอนราชการ งานไม่เดิน แน่นอน ๐
ศึกในก็หนักหน่วงไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการประกาศชุมนุมใหญ่ของ เยาวชนปลดแอก และชุมนุมรายวันกระจัดกระจาย สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา พล.อ.เฉลิมพล ผบ.ทสส. หัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ออกประกาศให้สอดคล้องกับการยกระดับมาตรการกึ่งล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะห้ามรวมกลุ่มชุมนุมเกิน 5 คน ยกเว้นในกรณีที่ขออนุญาต ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 2 ปี ปรับ 4 หมื่นบาท เมื่อหันมาดูตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตก่อนที่จะมีการชุมนุมเพียงหนึ่งวันที่สูงปรี๊ด ฝ่ายรับ-ฝ่ายรุก จะปรับทัพรับสถานการณ์การชุมนุมอย่างไรให้เด็ดขาดด้วยการบังคับใช้ กม. แต่ต้องระมัดระวังไปพร้อมกันในช่วงสถานการณ์อ่อนไหว
สัปดาห์หน้า “นายกฯ” นัดหารือปลัดกระทรวงกลาโหม, ผบ.ทสส., ผบ.เหล่าทัพ คุย โผทหาร รอบแรก เคลียร์ปัญหาเก้าอี้ ปลัดกลาโหม-ผบ.ทร.-ผบ.ทอ. ให้ลงตัว ในที่สุดจะเป็น พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เสนาธิการทหารบก ที่จะได้มานั่งเก้าอี้ปลัดกระทรวงกลาโหม และ พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย รองปลัดกระทรวงกลาโหมอาวุโสสูงสุด กลับไปเป็นผู้บัญชาการทหารเรือหรือไม่ คงต้องรอชม แต่หากสูตร โผไฮบริด ข้ามห้วยกันที่ ทร.เกิดขึ้นได้ ก็น่าลุ้นว่าแคนดิเดต ผบ.ทอ.น่าจะมีชื่อ พล.อ.อ.สุทธิพันธุ์ ต่ายทอง รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ข้ามกลับมาจากแจ้งวัฒนะร่วมแคนดิเดตด้วย จากเดิมที่มีชื่อของ พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา เสธ.ทอ. พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ประธานที่ปรึกษา ทอ. และ พล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ผู้บัญชาการกรมควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ (ผบ.คปอ.) เท่านั้น แต่ในช่วงฝุ่นตลบก็เริ่มมีการชี้เป้าไปอีก 2 ชื่อที่พร้อมจะเข้ามาเป็นม้ามืดสร้างเซอร์ไพรส์ให้เกิดขึ้นในทุ่งดอนเมืองได้อีกครั้ง.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |