จากที่มีการเผยแพร่ภาพบรรยากาศศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นถึงผู้ที่เดินทางมาฉีดวัคซีนต่อคิวรอที่ด้านนอกสถานีเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาปรอยๆ ทำให้เกิดกระแสตามโลกโซเชียล ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงการบริหารจัดการ การเว้นระยะห่างของประชาชนที่ทำได้ไม่ดีนัก หวั่นอาจทำให้เกิดการแพร่ระบาดเป็นคลัสเตอร์ใหม่ได้
    ร้อนถึงเจ้าของพื้นที่อย่างกระทรวงคมนาคม ที่ต้องออกมาเคลียร์ โดยนายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานอำนวยการบริหารจัดการแก้ไขสถานการณ์โควิดในระบบขนส่งมวลชน ได้ให้ข้อมูลหลังการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยงข้อง กระทรวงสาธารณสุข สถาบันโรคผิวหนัง ผู้แทนฝ่ายทหาร ตำรวจ และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการจราจร และการรอคิวบริการฉีดวัคซีน ณ ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ
    ปัจจุบันศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ ให้บริการฉีดวัคซีนแบบลงทะเบียนผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ และแบบองค์กรที่บริการประชาชน ณ โถงประตู 2-4  รวมถึงการให้บริการ on-site แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 75 ปี ณ โถงประตู 1 แต่ละวันมีผู้ใช้บริการเฉลี่ย 2 หมื่นคนในช่วงวันสุดสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบันบริการฉีดวัคซีนไปแล้วประมาณ 7.2 แสนราย ที่ผ่านมาการดำเนินการเป็นไปด้วยดี แต่ปัจจุบันมีผู้ขอรับการบริการเพิ่มสูงขึ้น และมีวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ จำนวนมาก มาวนรอให้บริการ ทำให้การจราจรติดขัด
    ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีข้อห่วงใยในปัญหาการจราจรและการรอรับบริการจำนวนมาก นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม จึงมอบหมายให้ศูนย์บริหารจัดการให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เน้นการให้บริการเชิงคุณภาพ ให้ประชาชนได้รับความพึงพอใจสูงสุด สำหรับแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ นั้น ที่ประชุมมีมติให้ตำรวจนครบาลมาช่วยจัดระบบจราจร การเข้า-ออก และภายในบริเวณศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่อ
    โดยได้เร่งแก้ไขปัญหาทันที ในส่วนของกระทรวงคมนาคมได้มีการติดตั้งป้ายจราจรเพื่อบอกทิศทาง รวมทั้งจัดเก้าอี้ 500–1,000 ตัว เพื่อใช้รอคิว พร้อมทั้งจัดอุปกรณ์จราจร อุปกรณ์ขยายเสียง 4-8 ชุด และเต็นท์กันแดดฝน หน้าทางเข้า-ออก สำหรับบริการผู้ติดตามที่ต้องรอด้านนอกอาคารศูนย์ฉีดวัคซีนฯ
    ขณะเดียวกันได้เพิ่มบุคลากรผู้มาช่วยสนับสนุนงานอีก 50 คนต่อวัน จากเดิมวันละ 350 คน เป็น 400 คน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะยกเลิกการตั้งโต๊ะหมอพร้อม เพื่อจองฉีดวัคซีนที่บริเวณสถานี เพื่อลดการเดินทางเข้าสถานีบางซื่อ 3,000 คนต่อวัน รวมทั้งจะกำหนดให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 40 ปี ไม่ต้องวัดความดัน เพื่อระบายคิวการฉีดวัคซีนไม่ให้หนาแน่น
    ส่วนการแก้ปัญหาการจัดกรอบการเดินรถยนต์ในสถานี ให้ผู้ที่เข้าสถานีจุดจอดที่ 1 ใช้ถนนรอบใน จุดจอดที่ 2, 3 และ 4 ใช้ถนนวงรอบนอก เพื่อไม่ให้รถที่มาส่งผู้สูงอายุกีดขวางจราจรด้านหลัง และแก้ไขปัญหามาเฟียวินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ ที่จอดรถ ที่มาจัดคิวจอดรถบริเวณรอบนอก พร้อมกันนี้จะให้ทหาร 40 นายมาช่วยจัดคิวผู้มาฉีดวัคซีนที่มาก่อนเวลา และสนับสนุนรถสุขาเคลื่อนที่ด้วย
    ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมได้มอบหมายให้กรมการขนส่งทางบก โดยกองตรวจการฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบรถจักรยานยนต์รับจ้างการเรียกเก็บค่าโดยสารเกินกว่าอัตราที่กำหนด รวมทั้งการนำรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายดำ) ที่ผิดกฎหมาย ที่มาวิ่งให้บริการประชาชนที่เดินทางมารับการฉีดวัคซีนในพื้นที่โดยรอบสถานีกลางบางซื่อตามจุดต่างๆ ได้แก่ บริเวณถนนกำแพงเพชร ปากทางเข้าหน้าศาลเยาวชนและครอบครัว, ด้านหลัง (ประตู 2, 3) และหน้าสวนสาธารณะสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ และสถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต เป็นต้น
    เพื่อไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ กรมขนส่งฯ ได้เน้นย้ำกับผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่และให้เก็บค่าโดยสารตามที่ทางราชการกำหนด ให้ส่งผู้โดยสารอย่างเดียว ห้ามจอดแช่ จอดรอเรียกผู้โดยสาร และหากพบว่ามีการกระทำความผิดตามที่กฎหมายกำหนดดังกล่าวจะดำเนินการลงโทษกรณีในสถานหนัก แน่นอนว่าหลังจากนี้จะไม่เห็นภาพความแออัดระหว่างรอคิวฉีดวัคซีน รวมถึงปัญหาการจราจรโดยรอบศูนย์ฉีดวัคซีนสถานีกลางบางซื่ออีกต่อไป.

กัลยา ยืนยง