มีคำเตือนระดับโลกแล้วว่ามนุษยชาติกำลังเผชิญกับ “ยุคแห่งโรคระบาด” ที่มีโควิด-19 เป็นเพียงระลอกแรกเท่านั้น
และที่น่ากลัวกว่านั้นคือทั้งโลกไม่มีความพร้อมที่จะตั้งรับกับภัยพิบัติที่กำลังตามมาระลอกใหม่อีกหลายรอบ
รายงานยาว 92 หน้า จากคณะผู้เชี่ยวชาญ 21 คน จากทั่วโลกของกลุ่ม G-20 ที่เพิ่งประชุมเสร็จที่เวนิสประเทศอิตาลียืนยันว่าความวิบัติที่โรคระบาดระลอกใหม่จะหนักหนาสาหัสกว่าภัยคุกคามจากภาวะโลกร้อนหลายเท่านัก
ประสบการณ์ของการตั้งรับโควิด-19 ครั้งนี้ตอกย้ำว่าโลกใบนี้ไม่มีศักยภาพพอที่จะเอาชนะไวรัสร้ายตัวนี้
เพราะพอโควิด-19 โจมตีทั้งโลกพร้อมๆ กัน ความเสียหายก็กระจายไปอย่างกว้างไกล ผ่านมาแล้วกว่าปีครึ่ง ก็ยังไม่มีสัญญาณว่าโลกจะกลับฟื้นเป็นปกติได้
แม้ว่าบางประเทศจะเริ่มเห็นสัญญาณการกลับสู่ชีวิตปกติบ้าง และบางประเทศ เช่น สหรัฐ, จีนและยุโรป อาจจะถือว่ามีความเป็นปกติในระดับหนึ่ง แต่หากส่วนอื่นๆ ของโลกยังดิ้นรนอยู่กับความหนักหน่วงของการระบาด นั่นย่อมแปลว่าสถานการณ์ภาพรวมยังอยู่ในภาวะคับขัน
ไวรัสตัวนี้ทั้งว่องไวร้ายแรงและชาญฉลาด สามารถปรับตัวกลายพันธุ์และเล่นซ่อนหากับวัคซีนที่มนุษย์คิดค้นมาได้อย่างเก่งกาจมาก
มันกำลังตอกย้ำว่าความเหลื่อมล้ำของโลกที่มีอยู่อย่างกว้างขวางนั้นจะทำให้ความขัดแย้งระหว่างประเทศหนักหน่วงและรุนแรงขึ้น
และพิสูจน์ทฤษฎีที่ว่า Nobody is safe until everyone is safe
หมายความว่าทั้งโลกจะปลอดภัยได้ก็ต่อเมื่อทุกประเทศพ้นจากนรกของการระบาดได้ทั้งหมด
แต่ความเป็นจริงวันนี้บอกเราว่า ประเทศร่ำรวยมีอำนาจต่อรองและฟื้นได้เร็วกว่าประเทศยากจน
และโลกนี้มีประเทศยากจนมากกว่าร่ำรวยหลายเท่านัก
ข้อเสนอของคณะผู้เชี่ยวชาญชุดนี้คือ
1.ตั้งกองทุนพิเศษ 2.4 ล้านล้านบาท ใน 5 ปีข้างหน้าเพื่อระดมทรัพยากรระดับโลกสู้โควิดและโรคระบาดใหม่ๆ ที่กำลังจะตามมา เท่ากับเป็นการยืนยันว่างบประมาณที่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกตั้งไว้สำหรับสู้โควิดนั้นต่ำเกินกว่าที่จำเป็นมากนัก (อาจจะต่ำกว่าความต้องการถึง 700 เท่าด้วยซ้ำ)
2.ตั้ง “กองทุนสู้ภัยคุกคามสาธารณสุขโลก” ปีละ 320,000 ล้านบาท เพื่อร่วมกันสู้ภัยโควิด และอีก 160,000 ล้านบาทต่อปี เพื่อยกเครื่องกลไกระหว่างประเทศ เช่น องค์การอนามัยโลกให้มีความสามารถรับมือภัยพิบัติด้านโรคระบาดนี้ในอนาคต
3.ตั้งคณะทำงานหรือบอร์ดระดับโลกเพื่อบริหาร, ติดตามและประสานงานด้านการต่อสู้กับโรคระบาดจากนี้ไปอีกไม่ต่ำกว่า 25 ปี
ข้อเสนอเหล่านี้มาจากการประชุมของรัฐมนตรีคลังและผู้ว่าธนาคารกลางของประเทศกลุ่ม G-20 ที่ยอมรับว่าความเสียหายที่เกิดจากโควิดได้ส่งผลกระทบต่อทั้งโลกในระดับที่ไม่เคยคาดการณ์มาก่อน
และมีความเป็นไปได้สูงมากที่โรคระบาดอื่นๆ จะตามมาเขย่าโลกที่จะมีผลสร้างความสั่นสะเทือนต่อเศรษฐกิจ, สาธารณสุข, ความมั่นคงและสังคมอย่างชนิดที่มนุษยชนทั้งมวลไม่เคยเจอมาก่อน
คณะผู้เชี่ยวชาญชุดนี้มีประธานร่วม 3 คน คือ อดีตรัฐมนตรีคลังของสหรัฐ Larry Summers, รัฐมนตรีอาวุโสสิงคโปร์ Tharman Shanmugartnam และผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก Ngozi Okonjo-Iweala
ประเด็นสำคัญของรายงานนี้เน้นว่ากองทุนที่เสนอตั้งขึ้นมานั้นไม่ใช่ “เงินช่วยเหลือ” หากแต่เป็น “การลงทุนร่วมกันของสังคมโลก” เพื่อให้ทุกประเทศทั่วโลกได้ประโยชน์ร่วมกัน
นั่นหมายความว่า แต่ละประเทศจะได้ประโยชน์ของตนขณะเดียวกันก็เป็นการผนึกกำลังนานาชาติเพื่อสู้กับ “ศัตรูร่วมของมนุษยชาติ”
เงินร่วมลงขันนี้คุ้มค่าอย่างยิ่งหากเปรียบเทียบกับความเสียหายที่โควิด-19 ได้ทำต่อประชากรโลก ซึ่งสูงกว่าเงินที่เสนอให้ลงทุนร่วมกันสำหรับอนาคตหลายเท่านัก
ข้อเสนอระดับโลกนี้น่าสนใจมาก เพราะเท่ากับเป็นการยอมรับว่าประชาคมโลกวันนี้ยังไม่ตระหนักถึงอันตรายอันใหญ่หลวงจากโควิด-19
และไวรัสวายร้ายตัวต่อไปที่กำลังสั่งสมกำลังที่จะโจมตีชาวโลกอีกในไม่ช้านี้.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |