น้อมรำลึก”สมเด็จย่าแม่ฟ้าหลวง”ครบ26ปีสวรรคต


เพิ่มเพื่อน    

 

 

 

       แม้จะเป็นเวลา 26 ปีแล้วที่สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีเสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2538 แต่ทรงเป็น”สมเด็จย่า”ที่คนไทยคิดถึง และเทิดทูนอย่างไม่มีเสื่อมคลาย  วันสวรรคตพสกนิกรจะร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จย่า ที่ทรงมีต่อชาวไทยทุกหมู่เหล่า

        ทุกพระราชกรณียกิจทรงปฏิบัติด้วยความเมตตากรุณา ปัจจุบันพระราชปณิธานยังคงได้รับการสืบสานผ่านหน่วยงานและองค์กรต่างๆ มาจนถึงทุกวันนี้ เช่น มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง และสานต่อพระราชปณิธาน สร้างป่า สร้างอาชีพ เกิดประโยชน์โดยตรงแก่ประชาชนมากกว่า 1.2 ล้านคน

       เมื่อสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงมีพระราชดำรัส ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุงในปี 2531 นั้น ได้ทรงเปลี่ยนชื่อมูลนิธิส่งเสริมผลผลิตชาวเขาไทยที่ทรงจัดตั้งเมื่อปี 2515 มาเป็นมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ องค์กรในพระบรมราชูปถัมภ์แห่งนี้จึงทำงานเพื่อประโยชน์แก่สังคมมานานถึง 50 ปี มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของสังคม

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี “สมเด็จย่าแม่ฟ้าหลวง” ของชาวไทย

 

      โดยเริ่มโครงการฯ จากโจทย์ของสมเด็จย่า คือ ปลูกป่า ปลูกคน ในพื้นที่ซึ่งป่าถูกทำลาย มีการปลูกและค้าฝิ่น ซึ่งผลประจักษ์แล้วคือ ดอยตุงมีป่าที่อุดมสมบูรณ์ประมาณเก้าหมื่นไร่ ประชาชนบนดอยราวหนึ่งหมื่นคนมีอาชีพที่ดี และประเทศไทยหลุดจากบัญชีประเทศหลักที่ปลูกฝิ่นตั้งแต่ปี 2547

      จากการปลูกป่าธรรมชาติ มาสู่ป่าเศรษฐกิจ  สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีทรงเริ่มปลูกแมคคาเดเมียในปี 2532 และปลูกกาแฟในปี 2535 ทำให้เกิดอาชีพแก่ชุมชนในด้านต่างๆ ตามมาทั้งในกลุ่มอาหาร หัตถกรรม ท่องเที่ยว ฯลฯ สะสมเป็นประสบการณ์ให้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ นำความรู้ขยายไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั้งภายในและต่างประเทศในเวลาต่อมา

ภาพมุมสูงป่าดอยตุงที่เขียวขจีอุดมสมบูรณ์

 

     จากรับสั่งของสมเด็จย่าที่ว่า คนเราต้องปรับตัว เป็นเรื่องจริงและสำคัญเสมอ มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ยึดถือปฏิบัติใช้ปรับการทำงานเพื่อให้เกิดประโยชน์ในสถานการณ์ต่างๆ  นับจากปี 2531 จนเมื่อการพัฒนาชุมชนบนดอยตุงครอบคลุมทั้งด้านธรรมชาติ เศรษฐกิจ การศึกษาและสาธารณสุขแล้ว มูลนิธิฯ จึงไปมีส่วนร่วมพัฒนาร่วมกับชุมชนอื่นๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ สร้างประโยชน์โดยตรงแก่ประชาชนที่มาร่วมพัฒนาประมาณ 1,240,000 คน

 

ชาวบ้านบนดอยตุงทำหัตกรรม สร้างอาชีพยั่งยืน

 

      ปี  2545 โครงการพัฒนาหย่องข่า เมียนมา ปี 2548 โครงการปลูกป่าปางมะหัน จังหวัดเชียงราย  ปี 2549 โครงการปลูกป่าและชาน้ำมัน ปางมะหัน จังหวัดเชียงราย ปี 2549 โครงการพัฒนาจังหวัด บัลคห์ อัฟกานิสถาน ปี 2549 โครงการพัฒนาอาเจะห์ อินโดนีเซีย

       ปี 2552 โครงการปลูกป่าจังหวัดน่าน 2554 โครงการกล้าดี 13 จังหวัดภาคกลาง  ปี 2554 โครงการพัฒนาเยนันชอง เมียนมา ปี 2556 โครงการพัฒนาเมืองสาด เมียนมา  ปี 2561 โครงการพัฒนาหนองตะยา เมียนมา และ โครงการร้อยใจรักษ์ จังหวัดเชียงใหม่

        อย่างไรก็ตาม จากความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของปัญหาสภาพภูมิอากาศของโลกและทิศทางของประชาคมโลก ทำให้มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ฯ เริ่มขยายบทบาทของการปลูกป่าให้เกิดเป็นบริบทของประเทศไทย

ไร่ฝิ่นแทนที่ด้วยแปลงปลูกพืชผักเมืองหนาว ชาวบ้านมีรายได้

 

         กระแสความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมกำลังจะเป็นกระแสหลักที่แยกไม่ออกจากด้านเศรษฐกิจและธุรกิจ ประเทศที่ไม่ตื่นตัวก็จะถูกผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ประเทศไทยก็มีความตื่นตัวในเรื่องนี้ทั้งจากภาคเอกชน ตลาดหลักทรัพย์ องค์การก๊าซเรือนกระจก และกระทรวงทรัพยากร มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ ก็ใช้ประสบการณ์ด้านการดูแลป่าเข้ามาช่วยให้เกิดเป็นมิติใหม่ของป่า

             มูลนิธิฯ ได้ทดลองทำงานร่วมกับประชาชนในอ.เมือง อ.ขุนยวม และอ.แม่ลาน้อย พัฒนาป่าชุมชนที่นอกจากจะสร้างกลุ่มอาชีพจากป่าแล้ว ยังพัฒนามาตรฐานของป่าเพื่อนำไปสู่รายได้ที่ยั่งยืนจากคาร์บอนเครดิต เตรียมขยายไปอีก 16 ป่าชุมชนในเชียงราย เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน และพะเยารวมพื้นที่สองหมื่นไร่ ตั้งแต่เริ่มโครงการบนดอยตุงมีการจัดตั้งบริษัท นวุติ จำกัด เพื่อถวายสมเด็จย่าของคนไทย  โดยมีภาคเอกชนร่วมสนับสนุน

           จนถึงวันนี้การพัฒนาคนและพื้นที่บนดอยตุงยังเดินหน้าต่อไป และเป็นต้นแบบสำคัญในการเรียนรู้ตามรอยสมเด็จย่า จากพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระจริยวัตรอันงดงามตลอดพระชนม์ชีพ


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"