แกนนำม็อบอ่วม! ตำรวจจ่อดำเนินคดี 70 ราย ม็อบไล่นายกฯ ช่วงวันที่ 9-11 ก.ค. ชี้ผิดกฎหมาย 5 ฉบับ ยันช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19 การชุมนุมทำไม่ได้ถ้ายังฝ่าฝืน ต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น
    ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) วันที่ 12 กรกฎาคม พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) กล่าวถึงการจัดชุมนุมระหว่างวันที่ 9-11 ก.ค.ที่ผ่านมาว่า วันศุกร์ที่ 9 ก.ค. มีกลุ่มอาชีวะปกป้องประชาชนเพื่อประชาธิปไตยประกาศชุมนุมเวลา 16.30 น. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เสร็จสิ้นการชุมนุมเวลา 17.45 น. นำโดยนายธนเดช ศรีสงคราม วันเสาร์ที่ 10 ก.ค. มีการชุมนุม 3 กลุ่ม กลุ่มที่ 1.กลุ่มคนไทยไม่ทน ของนายนิติธร ล้ำเหลือ นัดชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิก่อนเคลื่อนตัวไปที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กลุ่มที่ 2 และกลุ่มที่ 3 มีการรวมตัวกันคือกลุ่มคาร์ม็อบของนายสมบัติ บุญงามอนงค์ และกลุ่มคนไทยไม่ทน นำโดย นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ มีการจัดกิจกรรม เริ่มการชุมนุมเวลา 13.00 น. ยุติการชุมนุมเวลา 16.00 น. ส่วนวันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค. กลุ่มคนไทยไม่ทนได้มีการนัดชุมนุมกันที่หน้าทำเนียบรัฐบาล มีการจุดเทียน ประกาศยุติการชุมนุมเวลา 21.30 น.    
    พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่จะเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ร.บ.ความสะอาดและความผิด พ.ร.บ.เครื่องกระจายเสียง ส่วนการชุมนุมมีการเชิญชวนมาชุมนุมผ่านโซเชียลมีเดีย หรือสื่อต่างๆ รวมทั้งการบิดเบือนข้อมูลหรือให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ในส่วนนี้จะมีการดำเนินคดีของกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีส่วนหนึ่งแล้ว ในพื้นที่ต่างๆ ที่มีการชุมนุม ทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มีการประชุมเรียกพนักงานสอบสวนทุกสถานีตำรวจมากำชับแนวทางปฏิบัติให้ดำเนินการอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว ซึ่งขณะนี้มีผู้ที่จะต้องถูกดำเนินคดีประมาณ 70 ราย
    ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า การชุมนุมนับตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน 63 ถึงกรกฎาคม 64 ปี เจ้าหน้าที่มีการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุม รวมถึงแกนนำพูดที่ชักชวนทุกวันทางสื่อสังคมออนไลน์มาแล้วหลายคดีในหลายพื้นที่ รวมถึงพื้นที่กรุงเทพฯ ของกองบัญชาการตำรวจนครบาลรับผิดชอบอยู่ สิ่งที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.มีความเป็นห่วง เพราะช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิค-19 ฉะนั้นการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงมีความสำคัญ อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจกับหน่วยปฏิบัติร่วมต้องใช้หลักรัฐศาสตร์ควบคู่กันไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบังคับใช้กฎหมายจะต้องไม่ไปซ้ำเติมประชาชน
    "ถ้ายังมีเจตนาในการฝ่าฝืนที่จะกระทำความผิดอย่างเช่นการชุมนุมที่ไม่สามารถกระทำได้ หากยังฝ่าฝืนกฎหมาย เจ้าหน้าที่ไม่มีทางเลือก นอกจากบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง การชุมนุมแต่ละครั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจอาจไม่ได้บังคับใช้กฎหมาย ณ เวลานั้น ต้องรอให้มีการรวบรวมพยานหลักฐานแล้วดำเนินคดีภายหลัง เรามีขั้นตอนในการดำเนินการ การชุมนุมในห้วง 3 วันที่ผ่านมา อย่างน้อยจะมีผู้ถูกดำเนินคดี 70 ราย เช่นเดียวกันกับการชุมนุมในครั้งที่ผ่านมา ถ้าทุกสัปดาห์ยังมีการชุมนุมอยู่ก็จะมีการดำเนินคดีในลักษณะแบบนี้ ผู้ที่ยุยงปลุกปั่นอาจไม่ได้อยู่ในประเทศไทย จะอยู่ต่างประเทศก็ดี หรือยังไม่โดนดำเนินคดี อยากจะฝากผู้ที่ยุยงปลุกปั่นให้ตั้งสติพิจารณาดูว่ามีความจำเป็นหรือไม่อย่างไร เพราะขณะนี้การชุมนุมไม่สามารถกระทำได้ ต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับอย่างเข้มข้นด้วย" พ.ต.อ.กฤษณะกล่าว.