ผงะ!ไวรัสกลายพันธุ์ เกิดจาก‘เดลตา’ผสม‘อัลฟา’ในแคมป์คนงานกทม.


เพิ่มเพื่อน    

ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่อีก 8,656 ราย เสียชีวิตเพิ่มอีก 80 ราย คลัสเตอร์ใหม่ยังโผล่พรึ่บ! กรมวิทย์รับ “เดลตา” ขยายวงต่อเนื่องกินไป 60 จังหวัดทั่วไทย ผวา! พบสายพันธุ์ไฮบริดในแคมป์คนงานใหญ่ใน กทม. 7 ราย เกิดจากสายพันธุ์ “อังกฤษ-อินเดีย” ผสมกัน “คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ” เคาะให้ใช้ Antigen Test Kit ได้ เริ่มจำหน่ายร้านขายยาสัปดาห์หน้า พร้อมให้แยกกักตัวที่บ้านรวมทั้งชุมชน 
      เมื่อวันจันทร์ที่ 12 ก.ค. พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่ามีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 8,656 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 8,559 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 6,044 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 2,515 ราย มาจากเรือนจำและที่ต้องขัง 73 ราย มาจากต่างประเทศ 24 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 345,027 ราย หายป่วยเพิ่มเติม 3,687 ราย หายป่วยสะสม 251,658 ราย อยู่ระหว่างรักษา 90,578 ราย อาการหนัก 2,895 ราย ใช้เครื่องช่วยหายใจ 747 ราย มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 80 ราย เป็นชาย 37 ราย หญิง 43 ราย อยู่ใน กทม. 44 ราย, สมุทรปราการ 6 ราย, ปัตตานี 5 ราย, ปทุมธานี และสมุทรสาคร จังหวัดละ 3 ราย, ยะลาและกำแพงเพชร จังหวัดละ 2 ราย, สงขลา เชียงราย เพชรบุรี กาญจนบุรี ภูเก็ต นครนายก ชลบุรี  พิจิตร สุพรรณบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง อุตรดิตถ์ สมุทรสงคราม และอุดรธานี จังหวัดละ 1 ราย ในจำนวนนี้มีหญิงตั้งครรภ์ 7 เดือน 1 ราย ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 2,791 ราย ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 187,632,756 ราย เสียชีวิตสะสม 4,049,071 ราย   
    พญ.อภิสมัยกล่าวว่า 10 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดวันที่ 12 ก.ค. ได้แก่ กทม. 2,399 ราย, สมุทรสาคร 591 ราย, สมุทรปราการ 405 ราย, ชลบุรี 399 ราย, ปทุมธานี 397 ราย, นครปฐม 315 ราย, นนทบุรี 313 ราย, ปัตตานี 215 ราย, ยะลา 201 ราย และสงขลา 188 ราย โดยพบคลัสเตอร์ใหม่หลายพื้นที่ ประกอบด้วย ตลาดสดรัตนากร อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี พบผู้ติดเชื้อ 29 ราย, โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ใน อ.เมืองฯ จ.สุราษฎร์ธานี 7 ราย, บริษัทผลิตอุปกรณ์แก๊ส อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี 13 ราย, ร้านอาหารแห่งหนึ่งใน อ.เมืองฯ จ.นครศรีธรรมราช 12 ราย, ตลาดสายหยุด อ.เมืองฯ จ.กาญจนบุรี 7 ราย, บริษัทอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อ.เมืองฯ จ.ปราจีนบุรี 22 ราย และบริษัทชิปปิ้ง อ.แม่สอด จ.ตาก 7 ราย 
“กรมควบคุมโรคได้ให้ข้อมูลว่า ปัจจุบันจากการสอบสวนโรคยังพบผู้ติดเชื้อจากการร่วมสังสรรค์งานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิด และพบว่าไม่สวมหน้ากาก มีพฤติกรรมสูบบุหรี่มวนเดียวกัน เป็นข้อมูลการสอบสวนโรคที่พบต่อเนื่อง แม้งานดังกล่าวจะไม่ได้จัดในพื้นที่สีแดงเข้ม แต่ยังมีการเคลื่อนที่ของประชาชนอยู่ตลอดเวลา” พญ.อภิสมัยระบุ 
เดลตาขยายเกือบ 2 เท่า
    พญ.อภิสมัยกล่าวว่า รองอธิบดีกรมการแพทย์รายงานสถานการณ์เตียงใน กทม. พบว่าปัจจุบัน กทม.ยังต้องการเตียงสูงมาก โดยมีการหารือเรื่องให้ผู้ป่วยแยกกักตัวที่บ้าน และแยกกักตัวในชุมชน จากนี้ต้องทำความเข้าใจประชาชนว่าจากอัตราผู้ติดเชื้อจำนวนมาก มีผู้ป่วยระดับสีเหลืองสีแดงที่มีต้องการเตียงอย่างเร่งด่วนจำนวนมาก เราขอสงวนเตียงสีเหลืองสีแดงเหล่านี้รองรับผู้ที่มีความรุนแรงเข้าโรงพยาบาล โดยระดับชุมชนจะจัดทีมเคลื่อนเร็วแบบเบ็ดเสร็จที่มีหลายหน่วยงาน ทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่เขต ฝ่ายความมั่นคง และผู้อำนวยการ 50 เขต จำนวน 200 ทีม เพื่อเข้าไปค้นหาผู้ติดเชื้อในชุมชน เมื่อพบการติดเชื้อจะดูแลรักษาเบื้องต้น หากผู้ป่วยอยู่ระดับสีเขียว จะให้แยกกักที่บ้าน หากเป็นกลุ่มก้อนจะให้พักคอยอยู่ในชุมชน หรือโรงพยาบาลสนามชุมชน 
    นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่ระบาดในไทยตั้งแต่ เม.ย.เป็นต้นมา มีการตรวจสอบสายพันธุ์ ส่วนใหญ่ 74% เป็นอัลฟา (อังกฤษ), เดลตา (อินเดีย) 24% และเบตา (แอฟริกาใต้) 1.7% แต่สัปดาห์ที่ผ่านมาพบสายพันธุ์เดลตาเพิ่มมาเป็นเกือบ 57% ใน กทม.และภูมิภาค 23% ทำให้ภาพรวมทั้งประเทศเป็นเดลตา 46.1% พบใน 60 จังหวัดบวก กทม. และเป็นที่น่าสังเกตช่วงนี้ลงไปยังพื้นที่ภาคใต้พอสมควร ส่วนจังหวัดที่พบมากขึ้นคือ อุดรธานีกว่า 40 ราย, นครสวรรค์กว่า 40 ราย, ชลบุรี  32 ราย และกำแพงเพชร 14 ราย เป็นต้น ซึ่งเดลตาเบียดอัลฟาแล้ว ส่วนจังหวัดอื่นๆ เพิ่มประปราย คาดอีกไม่นานจะกินพื้นที่สายพันธุ์ในประเทศไทยทั้งหมด ส่วนเบตาส่วนใหญ่ยังอยู่ในภาคใต้
“ที่น่าแปลกใจเราพบ 1 รายที่บึงกาฬ คอนเฟิร์มด้วยการตรวจสายพันธุกรรม เป็นคนงานที่กลับมาจากไต้หวัน ตอนกักตัว 14 วันไม่พบว่าติดโควิด เมื่อกลับบ้านไปแล้วป่วย พอตรวจตอนหลังพบว่าติดโควิด พบสายพันธุ์เป็นเบตา ซึ่งเราได้ทำการถอดรหัสพันธุกรรมเพื่อเทียบกับของไต้หวันและภาคใต้ พบว่าไม่ได้มาจากทั้ง 2 แหล่ง เป็นเรื่องที่ต้องไปไล่ดู ทั้งนี้ ได้แจ้งกรมควบคุมโรคแล้ว ส่วนคนที่ใกล้ชิดก็เอามาตรวจแล้ว”  
นพ.ศุภกิจกล่าวอีกว่า ยังมีสิ่งน่าสนใจ เมื่อตรวจแคมป์คนงานก่อสร้างขนาดใหญ่ใน กทม. พบการติดเชื้อผสมใน 1 คน มี 2 สายพันธุ์ ทั้งเดลตาและอัลฟา โดยพบ 7 รายในกว่า 200 ราย นี่เป็นสัญญาณว่าถ้าปล่อยให้ผสมสายพันธุ์แบบนี้บ่อยๆ หรือเยอะๆ นั้นเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ได้ ซึ่งเราไม่อยากให้เกิด ดังนั้นรัฐบาลเซมิล็อกดาวน์ ขอความร่วมมือทุกคนหยุดเดินทาง เข้มงวดก็เป็นเรื่องถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดการผสมของสายพันธุ์บ่อยๆ จริงๆ โดยประเทศอื่นๆ ก็พบลักษณะแบบนี้เหมือนกัน ซึ่งทั้ง 7 ราย ยังไม่มีอาการรุนแรง แต่ต้องจับตาดูต่อไป
    นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรมและโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม หรือ ศบค.ยธ. ระบุว่า ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ภาพรวมการระบาดยังดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.-นนทบุรี ซึ่งมีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาด 120 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 13 แห่ง และวันนี้พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่จำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายยังมีต่อเนื่อง รวมหายสะสม 35,472 ราย หรือ 94.2% ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด มีผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างรักษารวม 1,862 ราย เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว 71.4%, สีเหลือง 28.1% และสีแดง 0.5% ผู้เสียชีวิตสะสม 47 ราย หรือ 0.1% ของผู้ติดเชื้อสะสม
    ขณะเดียวกัน ที่สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติครั้งที่ 7/2564 ผ่านระบบออนไลน์ โดยนายอนุทินกล่าวภายหลังประชุมว่า สถานการณ์โรคโควิด-19 ใน กทม.และปริมณฑล พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เป็นการระบาดสายพันธุ์เดลตา หากไม่มีมาตรการป้องกันควบคุมโรคที่เข้มงวดมีประสิทธิภาพ คาดการณ์ว่าอาจพบผู้ติดเชื้อสูงถึง 10,000 ราย/วัน หรือสะสมมากกว่า 100,000 รายใน 2 สัปดาห์ ส่งผลทำให้มีการเสียชีวิตเกิน 100 ราย/วัน จึงจำเป็นต้องใช้มาตรการยาแรง 
ไฟเขียวใช้ ATK-กักตัวที่บ้าน
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติได้มีมติเห็นชอบแนวทางการใช้ Antigen Test Kit หรือ ATK ในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เพื่อเพิ่มโอกาสเข้าถึงการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยใช้ Antigen Test Kit ที่ผ่านการรับรองและขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งปัจจุบันขึ้นทะเบียนแล้ว 24 ยี่ห้อ โดยอนุญาตให้ตรวจในสถานพยาบาล และหน่วยตรวจที่ได้รับการรับรองมาตรฐานการตรวจ RT-PCR ที่มีมากกว่า 300 แห่ง โดยจะมอบหมายให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดและคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครกำกับการดำเนินงานตามแนวทางปฏิบัติ 
นายอนุทินกล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเห็นชอบแนวทางการแยกกักที่บ้าน (Home isolation) และการแยกกักในชุมชน (Community isolation) สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีเงื่อนไขเหมาะสม หรือไม่สามารถเข้ารับการรักษาที่ รพ.ได้ โดยมีกระบวนการติดตามอาการอย่างใกล้ชิดจากสถานพยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อความปลอดภัยและเป็นมาตรฐานในการดูแลรักษา เช่น มีเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ เครื่อง Oxymeter วัดความอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด และยารักษาโรค โดยมอบหมายให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด และคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร นำเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไป นอกจากนี้ ยังรับทราบแนวทางการจัดทีมดูแลผู้ป่วยโควิด-19 กลุ่มสีเขียวหรือกลุ่มผู้ป่วยที่ออกจากโรงพยาบาลมาพักฟื้นที่บ้าน ในพื้นที่ กทม.
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. กล่าวว่า สธ.จะเร่งวางระบบแก้ปัญหาการตรวจเชิงรุกในเขต กทม. โดยจะนำ Antigen Test Kit เอามาใช้ในวงกว้างมายิ่งขึ้น ซึ่งในระยะแรกจะใช้ในสถานพยาบาลก่อน และในสัปดาห์หน้าวางขายในร้านขายยา โดยให้เภสัชกรเป็นผู้ให้คำแนะนำในการใช้ เมื่อทดสอบแล้วผลเป็นบวก สามารถติดต่อคลินิกใกล้บ้านเพื่อรองรับการเข้าสู่ระบบต่อไป
“Antigen Test Kit  มีปัญหาที่ต้องแก้ไข 2 ประการ คือ 1.ให้ผล 90% ทางวิทยาศาสตร์ยอมรับได้ แต่วงการแพทย์อาจต้องแก้ไขให้ชัดเจนมากขึ้น และ 2.เมื่อตรวจแล้วผลเป็นบวกจะดำเนินการอย่างไรนั้น ขณะนี้มีการเปลี่ยนแนวความคิด เนื่องจากเตียงผู้ป่วยเต็ม จึงเปลี่ยนแนวคิดผู้ป่วยมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ จะให้รักษาอยู่ที่บ้าน เป็นระบบ Home Isolation นอกจากนี้ หากชุมชนเข้มแข็งจะมีอีกวิธีคือ Community Isolation โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะติดตามวันละ 2 เวลา ทำให้การดูแลอยู่ที่บ้านมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
สำหรับสถานการณ์ผู้ติดโควิด-19 ในพื้นที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาล ประจำประตูสะพานอรทัย ติดเชื้อ 1 ราย ทั้งที่ได้รับวัคซีนแล้ว 2 เข็ม โดยพักอยู่ที่ตึกเรือนกองรักษาการณ์ ทำเนียบฯ ซึ่งเป็นเรือนนอนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยมีเจ้าหน้าที่พักอาศัยอยู่เกือบ 50 นาย จึงต้องมีการส่งตรวจเชื้ออีกครั้ง 
ส่วน นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ติดเชื้อโควิด-19 ว่า ทราบผลตรวจเมื่อวันที่ 11 ก.ค.ว่าเป็นบวก ซึ่งนายณัฐชาให้สัมภาษณ์ว่ามั่นใจว่าติดเชื้อจากคนในสภา จึงขอให้นายณัฐชาชี้แจงข้อเท็จจริงว่าติดมาจากใคร เพื่อสภาจะได้เข้าไปดำเนินการตามมาตรการด้านสาธารณสุขต่อไป เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ปรากฏว่ามีผู้ติดเชื้อในสภา มีเพียงเจ้าหน้าที่สถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาซึ่งทำงานในอาคารสถานีที่ห่างออกไป 
หลายพื้นที่ยังอ่วมหนัก
    สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ นั้น นพ.พรณรงค์ ศรีม่วง  นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 405 ราย และเสียชีวิต 6 ราย เป็นเพศชาย 4 ราย และหญิง 2 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 233 ราย ส่วนข้อมูลเตียงผู้ป่วยนั้น โรงพยาบาลรัฐคงเหลือ 44 เตียง, โรงพยาบาลสนามคงเหลือ 177  เตียง, โรงพยาบาลเอกชนคงเหลือ 111 เตียง และฮอสพิเทล 11 แห่ง คงเหลือ 280 เตียง
ส่วนนายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี พร้อม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และคณะร่วมเปิดโรงพยาบาลสนาม 450 เตียง รองรับประชาชนที่ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี ต.บางพูน อ.เมืองฯ 
    นายสุรชัย เจียมกูล รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.ตราด ในฐานะโฆษกสำนักงานสาธารณสุข จ.ตราด ระบุว่า มียอดสะสมจากคลัสเตอร์สงกรานต์ คลัสเตอร์แรงงานประมงที่ซอยกลางนา จนถึงคลัสเตอร์โรงพยาบาลและล้งผลไม้ และโครงการรับคนตราดกลับมารักษาตัว ทำให้ยอดสะสมติดเชื้อ 448 คน และมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 25 คน
    ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ภาคอีสานนั้น ที่ จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ในพื้นที่อีก 125 ราย ในพื้นที่ครบ 32 อำเภอแล้ว รวมยอดผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ 2,117 ราย รักษาหายรวม 1,096 ราย รักษาอยู่โรงพยาบาล 998 ราย และเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 ราย รวมผู้เสียชีวิตสะสม 23 ราย 
ขณะเดียวกัน ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉิน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ รายงานว่า ยังคงน่าเป็นห่วง พบผู้ติดเชื้อทุบสถิติถึง 89 ราย กระจายใน 19 อำเภอ ไม่ต่างจาก จ.อำนาจเจริญ ที่มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มอีก 18 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ติดเชื้อเดินทางกลับมาจากพื้นที่เสี่ยง
    ส่วนสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้นั้น จ.ปัตตานี ยังคงพบผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้จังหวัดปัตตานี โดยเมื่อวันที่ 11 ก.ค. พบผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่ง 215 คน และพบผู้เสียชีวิตรายใหม่เพิ่มอีก 2 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 41 คนแล้ว ซึ่งจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทำให้โรงพยาบาลสนาม แห่งที่ 4 และ 7 สนามกีฬากลางปัตตานี มีเตียงรองรับไม่เพียงพอ จังหวัดจึงได้เปิด รพ.ทั้ง 12 อำเภอ นอกจากนั้น ผู้ว่าฯ ปัตตานียังได้ออกประกาศให้ทุกมัสยิดในจังหวัดงดทำการละหมาดวันศุกร์ (ญุมอะห์) แต่ให้มีการอาซานทุกครั้ง และให้ปฏิบัติประจำเวลาที่มัสยิดไม่เกิน 3 คน และเนื่องจากใกล้ถึงวันฮารีรายออีดิลอัฎฮา ในวันที่ 21 ก.ค. จึงให้ทุกมัสยิดงดทำละหมาดวันฮารีรายอเด็ดขาด งดการเยี่ยมญาติ ห้ามเยี่ยมสุสาน และห้ามเชือดวัว 
นพ.กู้ศักดิ์ กู้เกียรติกูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า จังหวัดพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในโครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์เพิ่มอีก 3 ราย โดยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติในโครงการตั้งแต่วันที่ 1-10 ก.ค. จำนวน 3,917 คน พบว่าติดเชื้อโควิด-19 มียอดสะสมรวม 6 ราย
รายงานข่าวจากสำนักงานสาธารณสุข (สสจ.) สงขลา แจ้งว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 182 ราย ทำให้ยอดติดเชื้อสะสม  8,050 ราย ทำให้จังหวัดประกาศล็อกดาวน์ 14 วัน และเคอร์ฟิวตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค. งดออกจากบ้านตั้งแต่เวลา 21.00- 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น โดยมีการตั้งด่านหลัก 9 ด่าน ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อกับต่างจังหวัด และตั้งด่านชุมชนทั้ง 16 อำเภอ.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"