สช. ตั้งวอร์รูมพิจารณาเรื่องร้องเรียน รร.เอกชนเก็บค่าเล่าเรียน ย้ำช่วงนี้ควรตรึงค่าเล่าเรียนไว้ก่อน  


เพิ่มเพื่อน    


12 ก.ค.64-นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (เลขาฯ กช.) กล่าวถึงมาตราการการดูแลการคืนค่าธรรมเนียมการศึกษาของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน (สช.) ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) จะทำหน้าที่เป็นคนกลาง เพื่อดูแลค่าใช้จ่ายต่างของโรงเรียนเอกชนและผู้ปกครอง เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้ข้อยุติโดยไม่มีเรื่องขัดแย้งเกิดขึ้น เพราะ ศธ.จะไม่สามารถไหลไปตามกระแสเรียกร้องเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ สช.เข้าใจดีว่าทุกฝ่ายมีความทุกข์จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ด้วยกันทั้งสิ้น และหากมองในมุมผู้ปกครอง เราเข้าใจถึงสภาวะที่ผู้ปกครองก็ได้รับความเดือดร้อน ดังนั้นเราจึงพยายามหาจุดที่ลงตัวในการแก้ปัญหาให้ได้มากที่สุด ขณะที่ฝ่ายโรงเรียนเอกชนเองก็ไม่มีใครรู้สถานะภาพของโรงเรียนเอกชนได้ดีเท่ากับ สช. โดยขณะนี้โรงเรียนเอกชนมีอยู่ 4,000 แห่ง โดยในจำนวนนี้มีโรงเรียนเอกชนที่ไม่รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐหรือรับเงินอุดหนุนเพียง ร้อยละ 70 ของค่าใช้จ่ายรายของหัวภาครัฐ ประมาณ 3,000 แห่ง ส่วนที่เหลือเป็นโรงเรียนเอกชนการกุศลที่รับเงินอุดหนุนจากภาครัฐ ร้อยละ 100 จึงไม่จำเป็นต้องไปเรียกเก็บค่าธรรมเนียมอื่นๆ อีก ซึ่งดำเนินการคล้ายกับโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)  ส่วนประเด็นที่หลายฝ่ายต้องการให้มีการลดค่าเทอมมากกว่าค่าธรรมเนียมการศึกษานั้น ต้องชี้แจงว่าประเด็นนี้โรงเรียนเอกชนยังมีค่าใช้จ่ายที่เป็นต้นทุนในจำนวนที่สูงไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างครูต่างชาติ เงินเดือนครูเอกชน เพราะเมื่อจัดการเรียนการสอนไม่ได้ตามสถานการณ์ปกติแต่โรงเรียนยังมีค่าใช้จ่ายที่เป็นค่าจ้างครูผู้สอนอยู่

นายอรรถพล กล่าวต่อว่า สำหรับการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษาระดับสูงจะอยู่ในกลุ่มโรงเรียนเอกชนประเภทนานาชาติกับโรงเรียนเอกชนประเภทสามัญที่เปิดหลักสูตร English Program หรือห้องเรียนพิเศษ ซึ่งผู้ปกครองเองคงพอใจคุณภาพที่จะเลือกให้บุตรหลานเข้าเรียนมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อเกิดสถานการณ์โควิด-19 เมื่อปี 2563 จนส่งกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง โดย สช.ได้เก็บข้อมูลการคืนเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาของโรงเรียนเอกชนให้แก่ผู้ปกครอง พบว่า มีการคืนเงินค่าธรรมเนียมการศึกษาเป็นเงินจำนวน 600 กว่าล้านบาทแล้ว ซึ่งจะคืนในจำนวนที่มากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับบริบทของโรงเรียนแต่ละแห่ง 


ส่วนในปีการศึกษา 2564 โรงเรียนเอกชนประเภทสามัญใน กทม.ได้ส่งประกาศการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษามาเสนอ ให้ สช.รับทราบแล้วจำนวน  404 แห่ง ซึ่งตนกำชับไปแล้ว ว่า หากเป็นไปได้ขอให้ลดค่าธรรมเนียมการศึกษา หรือหากลดค่าธรรมเนียมการศึกษาไม่ได้ก็ให้ตรึงราคาไว้ก่อน รวมถึงหากไม่สามารถตรึงราคาได้ สช.อนุญาตให้ขึ้นราคาค่าธรรมเนียมการศึกษาได้กับนักเรียนใหม่เท่านั้น ซึ่งเท่าที่ทราบการรับนักเรียนชั้น ม.1 ในปีการศึกษา 2564 ของโรงเรียนเอกชนจำนวนนักเรียนไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด ยังมีการสมัครเข้าเรียนในโรงเรียนเอกชนเท่าเดิม ขณะเดียวกันในส่วนที่ผู้ปกครองยังค้างค่าธรรมเนียมการศึกษากับโรงเรียนนั้นโรงเรียนจะต้องไม่นำเรื่องนี้ให้มามีผลกระทบต่อการเรียนของเด็กอย่างเด็ดขาด

นายอรรถพล กล่าวอีกว่า  นอกจากนี้ สช.ยังพบโรงเรียนเอกชนใน กทม.จำนวน 2 แห่งที่ไม่ยอมลดค่าธรรมเนียมการศึกษา โดย สช.จะทำหนังสือเสนอนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ให้ใช้อำนาจตามมาตรา 34 ของพ.ร.บ.การศึกษาเอกชน พ.ศ.2554 ที่ระบุว่า รมว.ศธ. สามารถสั่งปรับลดค่าธรรมเนียมการศึกษาได้ หากเห็นว่าการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเป็นภาระแก่ประชาชนเกินควร อีกทั้งเมื่อเร็วๆ นี้ สช.ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ปกครองพบว่า มีโรงเรียนนานาชาติแห่งหนึ่งในจ.ชลบุรี ไม่ได้มีการลดค่าธรรมเนียมการศึกษา แต่กลับมีการขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาในส่วนอื่นแทน โดยที่ไม่ได้รับอนุญาตจาก สช.ซึ่งขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ อย่างไรก็ตามขณะนี้สช.ได้รับหนังสือร้องเรียนเรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษากว่า 50 ฉบับ ดังนั้นจึงได้มีการจัดตั้งวอร์รูมขึ้น เพื่อพิจารณเรื่องดังกล่าวโดยจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ปกครองและโรงเรียนอย่างดีที่สุด 

“ขณะนี้โรงเรียนเอกชนกำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะการที่โรงเรียนยังไม่สามารถเปิดเรียนได้ตามปกติยิ่งทำให้ผู้ปกครองมาจ่ายค่าเทอมล่าช้า  ซึ่งเท่าที่สำรวจมีผู้ปกครองมาจ่ายค่าเทอมให้แก่โรงเรียนยังไม่ถึงร้อยละ 50 เนื่องจากผู้ปกครองมีความรู้สึกว่า การเรียนออนไลน์ยังไม่ถือว่าเป็นการเปิดภาคเรียน ขณะที่โรงเรียนยังต้องแบกรับค่าใช้จ่ายจำนวนเท่าเดิม เช่น ค่าจ้างครู เป็นต้น ดังนั้นจากผลกระทบเหล่านี้จึงส่งผลให้ ศธ.ต้องหารือกับกระทรวงการคลังให้ใช้มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (soft loan) โดยหาแหล่งเงินกู้ เช่น ธนาคารต่างๆ มาให้โรงเรียนเอกชนที่ประสบปัญหาได้กู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยต่ำในวงเงินที่สูง เพื่อเสริมสภาพคล่องให้แก่โรงเรียนเอกชน"นายอรรถพลกล่าว


 เลขาธิการ สช. กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ สช.ยืนยันว่าจะไม่ให้โรงเรียนเอกชนขึ้นค่าธรรมเนียมการศึกษาอย่างเด็ดขาด และเป็นปีแรกที่โรงเรียนจะต้องส่งประกาศการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการศึกษามาให้ สช.พิจารณา เพราะโรงเรียนต้องเขียนประกาศค่าธรรมเนียมให้ชัดเจนว่ารายการไหนเก็บได้หรือรายการไหนไม่ควรเรียกเก็บ เช่น ค่าเรียนพิเศษ ค่าเรียนว่ายน้ำ โรงเรียนจะบังคับเรียกเก็บในส่วนนี้จากผู้ปกครองไม่ได้ จะต้องเป็นความสมัครใจในการเลือกเรียนเอง เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้ปกครอง 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"