ปชป.บี้‘นายกฯ’ ลงจาก‘หอคอย’ ลุยพื้นที่แก้ไวรัส


เพิ่มเพื่อน    

ประชาธิปัตย์หวดบิ๊กตู่ แก้ปัญหาโควิดต้องลงมากำกับปฏิบัติการในพื้นที่อย่างจริงจัง อย่าทำแค่นั่งรับรายงานแล้วสั่งการจากทำเนียบฯ ฝ่ายค้านลุยถามเงินกู้สาธารณสุขสองล็อต 4.5 หมื่นล้านบาทกับ 3 หมื่นล้านบาทหายไปไหนถึงเอามาใช้รับมือไม่ได้ หนุนแจกเงิน 5,000 บาท 3 เดือน 
    มีความเห็นทางการเมืองตามมา หลังรัฐบาลโดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้ออกมาตรการล็อกดาวน์และเคอร์ฟิวในพื้นที่ 10 จังหวัดเพื่อแก้ปัญหาโควิด 
    โดยเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม นายองอาจ คล้ามไพบูลย์  รองหัวหน้าพรรคและประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์  กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า จากการลงพื้นที่ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ติดโควิดในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.และปริมณฑลของอดีต ส.ส.กทม., อดีต ส.ก.  ตัวแทนพรรค สาขาพรรค พบว่าการดำเนินการเพื่อระงับยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิดยังมีข้อบกพร่องที่ควรเร่งปรับปรุงแก้ไขมากมายหลายประการ จึงมีข้อเสนอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดของ ศบค.  ภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งปรับปรุงแก้ไขการทำงานเพื่อให้การล็อกดาวน์เป็นไปตามเป้าหมาย
    นายองอาจกล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวมีดังนี้ 1.มีมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่อย่างเร่งด่วน ต้องมีปฏิบัติการเชิงรุกในการป้องกันมากกว่าการตั้งรับ โดยเฉพาะในชุมชนแออัดต้องมีการคัดกรองอย่างทั่วถึง และเมื่อพบการแพร่ระบาดต้องนำผู้ติดเชื้อแยกออกจากครอบครัวและชุมชนอย่างรวดเร็ว  และดูแลกลุ่มเสี่ยงที่ต้องกักตัวอย่างจริงจังเพื่อไม่ให้ออกไปแพร่เชื้อ เพราะเป็นบุคคลที่มีโอกาสติดเชื้อสูง 2.ปรับการวางแผนนโยบายวัคซีนใหม่ให้ทันกับสถานการณ์การแพร่ระบาดที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อสามารถสนองตอบต่อการแพร่ระบาดได้จริง และจัดให้มีวัคซีนที่มีคุณภาพเพียงพอกับความต้องการของประชาชน 3.จัดให้มีมาตรการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะกลุ่มแรงงานนอกระบบ กลุ่มอาชีพอิสระ กลุ่มอาชีพบริการทุกประเภท กลุ่มเปราะบางทางเศรษฐกิจและสังคมในชุมชนเมืองที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก
    "ขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้รับผิดชอบสูงสุดของ ศบค.จะต้องลงมากำกับดูแลการปฏิบัติงานในพื้นที่อย่างจริงจัง อย่าเพียงนั่งรับรายงานแล้วประชุมสั่งการจากทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น เพราะการลงมากำกับดูแล อย่างใกล้ชิดเกาะติดสถานการณ์ถึงระดับพื้นที่ด้วยวิธีการต่างๆ จะช่วยทำให้แก้ปัญหาได้รวดเร็วและช่วยสนับสนุนการทำงานอย่างทันท่วงที เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโควิดได้ผลจริงตามที่เราทุกคนต้องการ" รองหัวหน้าพรรค ปชป.กล่าว
    นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลปลายเดือน ก.ค.นี้ พร้อมวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ บริหารโควิดล้มเหลวและขอให้ลาออก ดีกว่าสละเงินเดือน 3 เดือนช่วยประชาชนว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่ทุกภาคส่วนอยู่ระหว่างระดมสรรพกำลังในการแก้ไขปัญหาให้สถานการณ์คลี่คลายลงให้ได้ แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านกลับไม่รู้จักกาลเทศะ จะมาใช้โอกาสนี้อ้างการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ มากล่าวหาโจมตีนายกฯ และรัฐบาลเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเองเท่านั้น พรรคฝ่ายค้านไม่ควรมาอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงนี้ เพราะนายกฯ และรัฐมนตรีจะต้องเอาเวลาไปช่วยเหลือประชาชนแก้ไขปัญหาต่างๆ 
     "พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านที่คิดจะเอาแต่ประโยชน์ตัวเอง และยังเป็นตัวถ่วงในการแก้ไขปัญหาอีก ยิ่งสถานการณ์การระบาดเชื้อโควิด-19 ยังไม่คลี่คลาย นายกฯ ยิ่งจะต้องอยู่บริหารงาน แก้ไขปัญหาจนครบวาระ พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีแต่นักการเมืองที่ชอบเล่นการเมืองแบบเก่าๆ หวังผลประโยชน์ทางการเมืองของตัวเอง อยากเข้ามามีอำนาจรัฐเหมือนในอดีตที่มีการทุจริตโกงกินมากมาย พรรคแบบนี้ก็เหมาะสมแล้วที่จะอยู่ฝ่ายค้านตลอดไป ถ้าสมองคนในพรรคนั้นคิดได้เพียงแค่นี้ ไม่สนใจไยดีความเดือดร้อนของประชาชน พรรคการเมืองเช่นนั้นสมควรที่ประชาชนจะได้จารึกไว้บนหนังสุนัขหรือไม่" นายเสกสกลกล่าว
    ด้านพรรคฝ่ายค้าน ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์  จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงข่าวว่า ผลกระทบจากการประกาศล็อกดาวน์ 14 วันในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น คนที่ต้องรับผิดชอบคือพลเอกประยุทธ์ พรรคเพื่อไทยมองว่ารัฐบาลใช้ยาแรงปิดห้าง ปิดร้านอาหาร ปิดแคมป์ ปัญหาที่ตามมาคือคนไม่มีจะกิน คนที่อยู่ต่างจังหวัดบางส่วนติดเชื้อไม่มีงานทำ รัฐบาลจะเยียวยาช่วยเหลือประชาชนอย่างไรบ้าง ขอเรียกร้องในสถานการณ์ที่ลำบากและประชาชนเดือดร้อน รัฐบาลควรที่จะช่วยเหลือเยียวยาประชาชนคนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือนเหมือนปี 2563
    นายยุทธพงศ์กล่าวอีกว่า คนติดโควิด-19 เดินทางกลับต่างจังหวัด เนื่องจากกรุงเทพมหานครไม่มีเตียงที่จะรักษา ตนเป็น ส.ส.อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม  ทำให้โรงพยาบาลล้นและต้องทำโรงพยาบาลสนาม เช่น โรงพยาบาลสนามขนาด 17 เตียง จะต้องมีค่าใช้จ่ายในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องวัดค่าออกซิเจนที่ปลายนิ้ว  เครื่องวัดความดันโลหิตดิจิทัล กล้องวงจรปิด เตียง ที่นอน  ถังขยะติดเชื้อและไม่ติดเชื้อ เป็นต้น เงินทั้งสิ้น 250,650  บาท ปัญหาที่ตามมาคือรัฐบาลไม่มีเงินช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าเงินกู้ด้านสาธารณสุขล็อตแรก 4.5 หมื่นล้าน จาก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และครั้งใหม่อีก 3 หมื่นล้านบาท แต่กลับไม่มีงบประมาณให้ ทำให้ประชาชนต้องช่วยกันบริจาค ประชาชนที่เดือดร้อนอยู่แล้วยังต้องบริจาคช่วยเหลือประชาชนที่ติดโควิด-19 หากเทียบกับนายกฯ ที่บอกไม่รับเงินเดือน 3 เดือน ประมาณ 350,000 บาท เทียบคนที่เป็น ส.ส. เขาเสียสละมากกว่านายกฯ 
    "คำถามคือ รัฐบาลนำเงินกู้ไปทำอะไรหมดในงบประมาณเงินกู้ 2 ครั้ง และการบริหารล้มเหลวโดยสิ้นเชิง  ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน วันนี้เหมือนปล่อยให้คนต่างจังหวัดสู้กันเองตามยถากรรม ตั้งแต่ปี 2563 มีเงินกู้  4.5 ล้านล้านบาท เหตุใดรัฐบาลไม่นำเงินส่วนนี้ไปซื้อเครื่องมือทางการแพทย์ และจัดเตรียมระบบสาธารณสุขให้เพียงพอ ซึ่งมีเวลาอยู่เป็นปี และวัคซีนที่ดีมีคุณภาพอยู่ไหน ทำไมจึงไม่นำมาฉีดให้ประชาชน แสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสในการบริหารจัดการวัคซีน เมื่อมีการเรียกร้องให้เปิดสัญญาวัคซีน รัฐบาลก็ไม่นำมาเปิดเผย อ้างแต่เป็นความลับ" ส.ส.เพื่อไทยผู้นี้กล่าว  
    คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ชีวิตคนไทยทุกคนมีค่า จะบริหารแบบตามยถากรรม ทำให้คนไทยรับกรรม ต่อไปแบบนี้ไม่ไหวแล้ว ขอย้ำอีกครั้งว่า หัวใจของการควบคุมโรคระบาด  คือ การตรวจหาผู้ติดเชื้อให้ได้มากและเร็วที่สุด เพื่อแยกผู้ติดเชื้อออกจากชุมชน แต่ทุกวันนี้รัฐบาลตรวจเชื้อแค่วันละหมื่นกว่าคน กว่าจะได้รับการตรวจ ประชาชนต้องยากลำบากแสนเข็ญ ติดเชื้อแล้วก็ยังต้องมานอนรอเตียง  หลายรายต้องเสียชีวิตคาบ้าน ขอร้องรัฐบาลได้เห็นใจประชาชนและสงสารประชาชน 1.ต้องแจก Rapid Antigen  test ให้ประชาชนทุกคน ในเขตพื้นที่ระบาดหนัก สีแดงเข้ม ด่วนที่สุด พร้อมกับการอนุญาตให้มีการขายในร้านขายยา 2.เร่งเพิ่มเตียงเขียว เพิ่มโรงพยาบาลสนามอย่างเร่งด่วน  เพื่อนำผู้ติดเชื้อเข้าระบบให้เร็วที่สุด 3.ต้องจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ร่วมกับยารักษาตามอาการอย่างฟ้าทะลายโจร ให้ผู้ติดเชื้อที่เริ่มมีอาการป่วย ทั้งที่อยู่ในโรงพยาบาลสนาม และที่ยังอยู่ตามบ้าน โดยไม่ต้องรอให้ป่วยหนักก่อนเพื่อแก้ปัญหาเรื่องเตียงขาดแคลน ที่สำคัญคือลดจำนวนผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิต.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"