ซิดนีย์มีผู้ป่วยโควิด-19 จากการแพร่ระบาดรอบล่าสุดเสียชีวิตเป็นรายแรกของปีนี้เมื่อวันอาทิตย์ มุขมนตรีนิวเซาท์เวลส์ที่กำลังดิ้นรนรับมือกับสายพันธุ์เดลตาอาจขยายล็อกดาวน์ที่กำลังจะครบ 3 สัปดาห์ต่อไปอีก ขณะอังกฤษหวั่นการรวมตัวชมฟุตบอลนัดชิงยูโร 2020 กระตุ้นการระบาดหนักขึ้น
ตำรวจออสเตรเลียเดินลาดตระเวนที่โอเปราเฮาส์ในนครซิดนีย์เมื่อวันอาทิตย์ ทางการนิวเซาท์เวลส์ใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดหลังผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวัน (James D. Morgan/Getty Images)
กลาดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ กล่าวเตือนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคมว่า จำนวนผู้ติดเชื้อในนครซิดนีย์และพื้นที่โดยรอบเมืองนี้ ซึ่งอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์เป็นสัปดาห์ที่ 3 น่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในวันจันทร์
"ดิฉันจะช็อกถ้าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่วันพรุ่งนี้น้อยกว่า 100 คน" เบเรจิกเลียนกล่าวขณะแถลงข่าวทางโทรทัศน์
รายงานรอยเตอร์กล่าวว่า ก่อนหน้าที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มเป็นสถิติสูงสุด 77 รายในวันอาทิตย์นั้น ซิดนีย์มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 50 คนเมื่อวันเสาร์ ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดของปีนี้ และทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรอบล่าสุดนับแต่กลางเดือนมิถุนายนเพิ่มเป็น 566 คน
ผู้ติดเชื้อรายใหม่ของวันอาทิตย์ มี 33 คนที่ใช้ชีวิตอยู่ปะปนกับผู้คนในชุมชนช่วงเวลาที่พวกเขาติดเชื้อ ซึ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่การล็อกดาวน์ 3 สัปดาห์ในนครซิดนีย์และโดยรอบ ที่ครอบคลุมประชากรมากกว่า 5 ล้านคนนั้น อาจต้องขยายเวลาออกไปอีก
เบเรจิกเลียนยอมรับว่า เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในขณะนี้ และการล็อกดาวน์จะครบกำหนดในวันศุกร์ ทุกคนสามารถกล่าวได้ว่าไม่น่าเป็นไปได้อย่างมากที่จะไม่ขยายการล็อกดาวน์ต่อ
ตอนนี้มีผู้ป่วยโควิด-19 รักษาตัวในโรงพยาบาล 52 คน หรือราว 1 ใน 10 ของผู้ติดเชื้อรอบนี้ โดย 15 คนอยู่แผนกไอซียู และ 5 คนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ส่วนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อในประเทศรายแรกนับแต่เดือนธันวาคมเป็นหญิงชราอายุราว 90 ปีเศษ
เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้วอีกหลายประเทศ ถือว่าออสเตรเลียสามารถควบคุมการระบาดของโควิด-19 ได้ดี โดยจำนวนผู้ติดเชื้อสะสมของประเทศมีแค่ 31,100 คน และเสียชีวิต 911 คน อย่างไรก็ดี โครงการฉีดวัคซีนของออสเตรเลียกลับคืบหน้าช้ามากโดยมีเพียง 10% ของประชากร 25 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนครบแล้ว เนื่องจากปริมาณวัคซีนไม่เพียงพอและการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำทางการแพทย์สำหรับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า
ปัจจุบันออสเตรเลียฉีดวัคซีนให้กับผู้ที่อายุ 40 ปีขึ้นไป และกลุ่มเสี่ยงทั้งกลุ่มที่มีปัญหาสุขภาพและกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดไวรัสในที่ทำงาน
ที่อังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศระหว่างอังกฤษกับอิตาลี ที่สนามเวมบลีย์ในกรุงลอนดอนวันอาทิตย์ ที่จะมีผู้ชมเข้าสนามมากกว่า 60,000 คน ทางการอังกฤษเตือนว่า การรวมตัวของคนจำนวนมากทั้งในพื้นที่ที่จัดเป็นแฟนโซนสำหรับเชียร์บอล หรือตามผับตามบาร์ทั่วประเทศ ก่อความเสี่ยงที่จะเป็นจุดแพร่เชื้อไวรัส โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตาที่ติดได้ง่ายมาก
เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ช่วงที่นักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษเดินทางออกจากศูนย์เก็บตัวของสมาคมที่เซนต์จอร์จพาร์ก มีแฟนบอลกกลุ่มใหญ่รอส่งนักฟุตบอลริมข้างทาง วิดีโอและภาพถ่ายที่เผยแพร่ทางออนไลน์แทบไม่มีใครสวมหน้ากากอนามัย
ก่อนหน้านี้ ทางการเดนมาร์ก, ฟินแลนด์ และสกอตแลนด์ต่างรายงานว่าพบแฟนบอลติดเชื้อหลังเดินทางกลับจากชมฟุตบอลยูโร
นายกฯ บอริส จอห์นสัน เคยส่งสัญญาณไว้ว่า เขาตั้งใจจะผ่อนคล้ายข้อจำกัดที่เหลืออยู่ทั้งหมดในวันที่ 19 ก.ค.นี้ แต่จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสยังคงเพิ่มขึ้นทั่วอังกฤษ เนื่องจากการแพร่ของไวรัสเดลตา
รัฐบาลของเขาอ้างว่า ด้วยจำนวนผู้ใหญ่ที่ได้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส มีมากกว่าร้อยละ 85 แล้ว จึงไม่มีความเชื่อมโยงระหว่างการติดเชื้อ, การนอนโรงพยาบาล และการเสียชีวิตจากโรคนี้ แต่นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากยังไม่สบายใจกับการผ่อนคลายกฎข้อบังคับทั้งหมด ซึ่งรวมถึงการเว้นระยะห่างทางสังคมและการบังคับให้สวมหน้ากากอนามัยในระบบขนส่งมวลชนและภายในอาคาร.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |