ฝักถั่วผ่านงบปี62 บิ๊กตู่เฉ่งคนรุ่นใหม่


เพิ่มเพื่อน    

    สนช.ฝักถั่วสะลึมสะลือผ่านฉลุยงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 เสียงท่วมท้น 197 ต่อ 0 หลังใช้เวลาถก 8 ชั่วโมง “บิ๊กตู่” ร่ายยาวจนสมาชิกบางคนหลับ ลั่นไม่ต้องมาขอเงินเพิ่ม เพราะถัวเฉลี่ยให้ดีแล้ว ฝากข้าราชการลุยไม่ต้องกลัวทุจริตเพราะคนละส่วนกัน เดือด! ย้ำต้องให้เกียรติเก้าอี้นายกฯ ซัดคนรุ่นใหม่ไร้ขีดจำกัด จ้องทำลายทุกอย่าง ด่าประเทศตัวเองไปยกก้นชาติที่ยังมีการเฆี่ยน “เพื่อแม้ว” พาเหรดสับศักดิ์ศรีลุงตู่
เมื่อวันพฤหัสบดี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้มีการประชุมครั้งที่ 34/2561 เพื่อพิจารณาเรื่องด่วนในวาระร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 วงเงิน 3 ล้านล้านบาท ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ
    โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้กล่าวถึงหลักการและเหตุผลของร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายฯ ว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 เป็นงบประมาณขาดดุล 450,000 ล้านบาท โดยประเมินว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2562 จะขยายตัวในช่วง 3.9-4.9%  อัตราเงินเฟ้ออยู่ในช่วง 0.9-1.9% ในขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณ 6.3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) 
    “ฐานะเงินคงคลัง ณ วันที่ 31 พ.ค.2561 มีจำนวนทั้งสิ้น 317,166 ล้านบาท โดยรัฐบาลจะบริหารเงินคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ส่วนฐานะการเงินด้านต่างประเทศของไทยในปัจจุบัน อยู่ในเกณฑ์ดี มูลค่าเงินสำรองระหว่างประเทศ ณ วันที่ 30 เม.ย.2561 มีจำนวน 215,152.1 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นประมาณ 3.6 เท่าของหนี้ต่างประเทศระยะสั้น ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง” นายกฯ ระบุ
ทั้งนี้ ช่วงท้ายในการแถลงนำเสนอร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ พล.อ.ประยุทธ์ย้ำว่า งบประมาณแต่ละภาคไม่ต้องมาขอเพิ่ม เพราะรัฐบาลได้เกลี่ยงบให้เท่ากันทุกภาคอย่างทั่วถึง ส่วนรายจ่ายประจำให้เป็นไปตามกฎหมาย และนำไปสู่การปฏิรูปราชการที่ต้องลดกำลังข้าราชการ แต่ลดทีเดียวไม่ได้ โดยการลดกำลังภาครัฐต้องไม่ทำให้ใครเดือดร้อน 
       “หลายคนบอกว่ารัฐบาลใช้งบประมาณเป็นหลายๆ ล้าน ก็ลองไปเทียบดูว่าสิ่งที่เพิ่มมาเอาไปทำอะไร เอาไปใช้เพื่ออะไร ก็เพื่อเอาไปแก้ไขทำงานในอดีตที่ยังค้างอยู่ และทำปัจจุบันให้พัฒนาขึ้น ดูแลผู้มีรายได้น้อยให้มากขึ้น และเป็นการลงทุนสู่อนาคต” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
       นายกฯ กล่าวอีกว่า การทำงบประมาณไม่ใช่เรื่องง่าย ขอฝากไปถึงข้าราชการ ต้องทำให้ได้ และถูกต้อง มีประสิทธิภาพ ไม่ทุจริต ไม่ต้องกลัวหากทำถูกต้องตามกฎหมาย หลายคนเมื่อเห็นงบสูงก็บอกว่าจะมีการทุจริตอีก ถามว่าถ้าคิดอย่างนี้คงทำอะไรไม่ได้ แต่ต้องมองว่างบประมาณวันนี้ทำครบหรือเปล่า เหมาะสมหรือไม่ อันไหนควรทำเพิ่ม อันไหนควรจะลด ก็ว่ากันไป ถ้าบอกว่ามีมากแล้วทุจริต มันทำไม่ได้ทั้งหมดหรอก เพราะการทุจริตคืออีกขั้นตอนหนึ่งที่จะใช้กลไกในการตรวจสอบดำเนินการทุกวันตามกฎหมายทุกประการ มีเรื่อง ป.ป.ช.และ สตง.ทักท้วงมาก็ตอบไป เมื่อตรวจสอบไม่พบรัฐบาลก็ทำต่อได้
ลั่นไม่ต้องกลัวทุจริต
        “อย่าให้ใครเอาไปใช้ประโยชน์ในการบิดเบือน ที่มองว่ามีการทุจริตกันเหลือเกิน แน่นอนการทุจริตไม่ได้อยู่ที่ระบบกฎหมาย แต่อยู่ที่คน การทำงานที่จะทำมีประสิทธิภาพอยู่ที่คนทั้งสิ้น ให้ความสำคัญ มีหลักคิดที่ถูกต้อง มีเหตุมีผล ไม่ใช้ความรู้สึก เท่านั้นทุกอย่างก็จะทำได้หมด ไม่อย่างนั้นเราต้องบังคับใช้กฎหมายไปเรื่อยๆ กฎหมายก็จะแรงขึ้น มันอันตรายการใช้กฎหมาย การใช้กฎหมายต้องไม่สร้างภาระ คือทำอะไรที่ไม่ควรจะทำ ฉะนั้นกฎหมายที่ออกมาใหม่คือต้องอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และลดความขัดแย้งของเจ้าหน้าที่และประชาชน ไม่อย่างนั้นก็ชกกันตลอดเวลาเพราะมันสองทาง เจ้าหน้าที่ดีก็มี ประชาชนที่ดีก็มี ที่เคารพกฎหมาย เจ้าหน้าที่ขี้โกงก็มี เพราะเป็นคน อย่าโทษระเบียบแต่เพียงอย่างเดียว” นายกฯ กล่าว
     พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันว่า โครงการต่างๆ ที่เสนอมายังรัฐบาล ได้อ่านและดูทั้งหมด ไม่ใช่อนุมัติส่งเดช ซึ่งคนเป็นนายกฯ ต้องซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ดูให้ทั่วถึงทุกกระทรวง ซึ่งตอนนี้ได้กำชับไปแล้ว จะเสนออะไรขึ้นมาต้องสอดคล้องกับความต้องการของประเทศด้วย เพราะสิ่งที่เราทำในวันนี้เพื่ออนาคตของเด็ก ไม่ใช่เสนออะไรมาก็ได้ ถ้าเสนอมาแล้วไม่โยงการพัฒนาประเทศ ครม.ก็ไม่อนุมัติ ตนเองก็ไม่ให้ 
       “ทุกวันนี้ต้องใช้มาตรา 44 มาช่วยแก้ อย่างเช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน การดำเนินการไม่ได้หวังเอื้อประโยชน์ให้ใคร ทุกอย่างต้องเข้ามาตามกติกาและกฎหมาย ที่ผ่านมาภาคเหนือเป็นอย่าง ภาคใต้เป็นอย่าง ภาคอีสานเป็นอย่างนี้ ไม่สามารถแสดงตัวเลขให้ชัดเจนได้อย่างที่รัฐบาลนี้ทำ วันนี้แสดงให้เห็นว่าทุกภาคได้เงินใกล้เคียงกัน มากน้อยตามลำดับ ต้องเป็นรัฐบาลของคนทั้งประเทศ เป็น ครม.ของคนทั้งประเทศ ให้คนได้รับประโยชน์ ไม่ใช่ให้เฉพาะคนกลุ่มหรือพวกกัน ทำแบบนั้นไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
หัวหน้า คสช.ยังกล่าวว่า หวังว่าวันหน้ารัฐบาลที่ท่านคาดหวังกันให้เขาทำให้ได้แบบนี้ แต่ไม่ใช่หมายความว่าตนเองทำดีเลิศประเสริฐศรี หรือดีที่สุด มันไม่ใช่ เพียงริเริ่มไว้ให้พวกท่าน ฉะนั้นเราควรเอาเวลานี้ก่อนไปสู่การเลือกตั้ง มาคุยกันในเรื่องนี้ จะได้หรือไม่ รัฐบาลไหน พรรคการเมืองไหน ที่จะเสนอแนวทางการทำงานมากกว่าที่จะมาบิดเบือนต่อว่า มันก็จะกลับไปที่เดิมหมด สร้างความเกลียดชังจนกระทั่งหาสาระไม่ได้ ตรงนี้ต้องฝากกันไว้ด้วย
       “ที่ผ่านมาทะเลาะกันไม่เลิก ในโซเชียลมีเดีย สิ่งที่ดีๆ ก็มีเยอะ เราต้องเลือกเสพ ไม่ใช่อ่านแล้วเอาตามทั้งหมด บางเพจด่า บางเพจเชียร์ ความรู้ไม่มี หลักคิดไม่ได้ เป็นสถานการณ์ที่สร้างความขัดแย้ง นี้คือปัญหาประเทศที่เกิดมาหลายสิบปี มันต้องแก้กันในวันนี้ แก้ให้ได้ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งต้องให้เป็นไปตามโรดแมปที่กำหนดไว้ ไม่ได้มีปัญหาอะไรทั้งสิ้น” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว และว่า ประเทศไทยมันยากตรงความขัดแย้ง ในต่างประเทศกลับไปชมเขานักหนาว่าเขาดี วันนี้บางประเทศยังเฆี่ยนคนอยู่เลย แต่คนเขาก็กลัว ถูกเฆี่ยน แต่เรื่องกฎหมายประเทศไทยไม่กลัว เพราะประชาธิปไตยมันถูกหรือเปล่าแบบนี้ มันต้องคนรุ่นไร้ขีดจำกัดทำลายทุกอย่าง รื้อทุกอย่างได้ นี่หรือคนรุ่นใหม่ ทำสิ่งดีๆ ใหม่ๆแย่ไปหมด ฝากไว้ด้วยเรื่องนี้
แนะเลือกผู้นำให้ดี
    ในช่วงหนึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ได้ชี้และถามกลุ่มนักศึกษาที่มาศึกษาดูงานการประชุมว่า "อายุถึง 18 ปีหรือยัง" ซึ่งนักศึกษาต่างพากันพยักหน้า นายกฯ จึงกล่าวว่า 18 แล้วใช่ไหม มีสิทธิเลือกตั้งแล้ว ไปเลือกให้ดี เพราะคืออนาคตของท่าน ไม่ใช่อนาคตของตนเอง เพราะฉะนั้นการพัฒนาประเทศจะเอามาจากไหน ก็ต้องมาจากรัฐ รัฐวิสาหกิจ และเงินกู้ จะให้ไปเก็บเอาตามถนน หรือไปบีบเอาที่ใคร มันมีแค่นี้ วันนี้ประชาชนเดือดร้อนเพราะภาษี แต่จะให้ทำอย่างไร เพราะทุกคนต้องการหมด เรื่องรัฐสวัสดิการอันนั้นก็ฟรี อันนี้ก็ฟรี ทั่วโลกชื่นชม ประชาชนได้ประโยชน์ แต่ได้ประโยชน์ได้ 100% หรือยัง ก็ยังไม่ได้ ถ้าวันนี้ประชาชนเรียกร้องให้มากที่สุด ถามว่าจะเอาเงินจากไหน ประเทศจะล้มละลายหรือเปล่า
       นายกฯ กล่าวอีกว่า หลายคนบอกว่าไม่รวยเสียที เอื้อประโยชน์แต่คนรวย ก็คนที่รวยมากเขามีประกอบการมาก เขาล้มละลายเมื่อไหร่ก็แล้วแต่เขา และเขาก็เสี่ยงของเขาเอง แต่ถ้าเขาทำผิดกฎหมายก็ต้องถูกลงโทษ เพราะต้นทุนไม่เท่ากัน อย่าไปบอกว่ารวยๆ แล้วเป็นอย่างไง บอกว่าต้องรวยๆ ชิโป้ง ชิปัง เป็นไงก็ไปอยู่ต่างประเทศไง ดังนั้นเราต้องพัฒนาตัวเองอยู่เรื่อยๆ วันหน้าก็อาจจะรวย
        "ขอโทษที่เสียงดัง แต่ผมก็เป็นมนุษย์ แต่ตำแหน่งนายกฯ ก็คือตำแหน่ง ฉะนั้นจะมาหมิ่นตำแหน่งนายกฯ ไม่ได้ ถ้าจะด่าก็ด่าผมได้ แต่ถ้าผมเป็นนายกฯ อยู่กรุณาระวังหน่อยแล้วกัน เพราะนายกฯ เป็นตำแหน่งที่มีการเกียรติ ผมก็อยากรักษาตำแหน่งนี้ให้มีเกียรติ ไม่ใช่ไม่มีเกียรติ ขอบคุณที่เข้าใจผมทุกคน ขอบคุณ ครม.ของผมด้วยที่ทำงานอย่างสาหัส มันไม่ง่ายในการทำระหว่างที่บ้านเมืองเป็นแบบนี้อยู่ ข้าราชการข้างล่างก็ต้องปรับตัว ซึ่งเขาก็ปรับตัวกันอย่างเต็มที่ แต่ถ้าเราไม่ให้ความไว้วางใจซึ่งกัน คนดีก็จะหมดไป คนไม่มีดีก็จะเตรียมรอ วันข้างหน้าก็ออกมาใหม่" นายกฯ กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วงการอธิบายหลักการและเหตุผลของ พล.อ.ประยุทธ์ พบว่ามีสมาชิก สนช.หลายรายนั่งหลับ ซึ่งมีการบันทึกภาพไว้ก่อนมีการนำมาเผยแพร่ในโลกโซเชียลฯ จนทำให้ช่วงที่นายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.ลุกขึ้นอภิปราย ได้ระบุว่า เป็นการบิดเบือนโจมตีการทำงานของแม่น้ำ 5 สาย และระบุว่าตลอด 4 ปีที่ผ่านมา สิ่งเดียวที่ไม่เคยปฏิรูปตัวเองเลยคือสื่อมวลชน ที่เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความบิดเบือน สร้างความขัดแย้ง ที่จริงมีไม่กี่เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นสื่อที่ดีกว่า 90%
ผ่านฉลุยงบปี 2562
    และหลังจากสมาชิก สนช.ที่อภิปราย ซึ่งส่วนใหญ่ก็เห็นดีด้วยกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ในเวลา 17.30 น. ที่ประชุม สนช.ได้ลงมติรับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 ด้วยมติ 197 ต่อ 0 งดออกเสียง 3 และตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2562 จำนวน 50 คน โดยเป็นตัวแทนจากรัฐบาล 10 และ สนช. 40 คน กำหนดเวลาภายใน 90 วัน แปรญัตติ 15 วัน  ประชุมนัดแรกวันที่ 8 มิ.ย.
     จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปิดท้ายว่า ขอบคุณ สนช.ที่แสดงความคิดเห็น และจะรับไปดำเนินการ สิ่งใดที่จะปรับลดได้ก็จะไปทำในชั้น กมธ. สิ่งที่ทำให้เกิดความเท่าเทียมกันคือ กฎหมาย กฎระเบียบ เพราะฉะนั้นงบประมาณจึงเป็นเครื่องมือในการดำเนินการโดยไม่ซ้ำซ้อน และมีเป้าหมายว่าทำเพื่อใคร วันนี้อาจได้น้อยหน่อย วันหน้าอาจก็จะได้มากขึ้น ดังนั้นต้องหาข้อมูลให้เพียงพอ และต้องย้อนกลับไปดู 4 ปีที่แล้ว หรือ 8 ปีที่แล้ว ก็จะรู้ว่าเราทำอะไรไปบ้าง เพราะโลกมันเปลี่ยนไปแล้ว 
    “สิ่งที่ขอมาผมก็อยากให้หมด จะ 8 ล้านล้านบาท หรือ 10 ล้านล้านบาท แต่หาเงินมาใช้หนี้เขาได้หรือไม่ รัฐบาลหน้าจะว่าอย่างไรผมยังไม่รู้เหมือนกัน แต่วันนี้พยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรค เพราะทุกอย่างเป็นของประชาชนทั้งสิ้น และหากใครพูดว่าแก้ไขปัญหาได้ก็มาเลย วันหน้ามาสมัครเป็นรัฐบาลให้หน่อย ผมจะเลือกเลย” นายกฯ กล่าว
     พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า เรื่องสื่อต้องมีจรรยาบรรณ ควรเสนอข่าว 2 ทาง ทั้งฝ่ายรัฐบาลและอีกฝ่าย ขอแค่เรื่องจรรยาบรรณ อย่าให้มันเกินเลยไปมากกว่านี้ก็แล้วกัน ไม่เคยไปรังแกใคร คนทำผิดกฎหมายแล้วหนีไปต่างประเทศ ก็ออกไปแล้วบอกว่าถูกรังแก ทั้งที่ไม่เคยรังแกใคร ทุกอย่างว่าไปตามกฎหมาย ดูแล้วไม่เป็นธรรม ทำให้ประเทศเสียหาย แต่สื่อก็ตีทุกวัน พอไปเจรจาขอตัวกลับมาดำเนินคดี เขาก็ไม่ให้ มันลำบาก แต่ก็ต้องดำเนินคดี กฎหมายเขาว่าอย่างนั้น นี่แหละสื่อ คนหนีก็ต้องลี้ภัยไปตลอด
     จากนั้น ประธานสั่งปิดการประชุม โดย สนช.ใช้เวลาพิจารณาประมาณ 8 ชั่วโมง  
ด้านนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ระบุมีคนทำลายเกียรตินายกฯ ว่า สิ่งที่นายกฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เช่น เรื่องสิทธิมนุษยชน ที่รัฐบาลประกาศเป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับจับกุมผู้ที่ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นเหตุผลทำให้นายกฯ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งถ้า พล.อ.ประยุทธ์อยากได้ศักดิ์ศรีแบบเต็มภาคภูมิ ก็ควรประกาศตัวว่าจะสนับสนุนพรรคการเมืองไหน แล้วลงสนามเลือกตั้งให้ประชาชนเป็นคนตัดสินการเข้าสู่อำนาจ
ซัดดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ
    นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า เข้าใจความเป็นมนุษย์ของนายกฯ และเชื่อว่าท่านตั้งใจในการแก้ปัญหาของประเทศ แต่อยากให้ฝ่ายผู้มีอำนาจยอมรับเช่นกันว่า ประชาชนทุกคนก็เป็นมนุษย์ ถ้านายกฯ มีความเป็นมนุษย์สูง ประชาชนก็คงมีไม่ต่ำกว่า และมนุษย์ย่อมต้องการสิทธิ เสรีภาพ ความเสมอภาคเท่าเทียม ความยุติธรรม ไม่ยอมรับการกดขี่ นายกฯ จึงไม่ควรใช้สิทธิ์ความเป็นมนุษย์ฝ่ายเดียว แต่ประชาชนควรได้รับสิทธิ์นั้นด้วย 
"เป็นธรรมดาที่ผู้นำประเทศจะอยู่ในกระแสวิพากษ์วิจารณ์หรือล้อเลียน ผมคิดว่าสภาพแบบนี้ไม่ได้ทำให้เกียรติคำว่านายกฯ ลดลง เพราะเกียรติยศที่แท้จริงของตำแหน่งนี้คือการมาจากการเลือกตั้งของประชาชน และปฏิบัติหน้าที่ตามระบบจนวินาทีสุดท้าย เช่น ผู้นำจากการเลือกตั้งของไทย และอีกหลายประเทศ ที่แม้จะพ้นตำแหน่งเพราะถูกรัฐประหาร แต่ยังคงได้รับเกียรติและการยอมรับจากทั่วโลก” นายณัฐวุฒิกล่าว
      นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวเช่นกันว่า พล.อ.ประยุทธ์คงเข้าใจผิด เพราะปกติคนไทยให้เกียรติคนเป็นนายกฯ อยู่แล้ว ยิ่งข้าราชการยิ่งให้เกียรติ แถมยังกลัวด้วย และท่านคงพอรู้ว่านายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งก็โดนต่อว่า โดนด่ากันทุกคน ก็ถือว่าเป็นธรรมดา เพราะอาสาเข้ามา หากใครเกินเลยก็มีการฟ้องร้องกันไปตามกฎหมาย ฉะนั้น พล.อ.ประยุทธ์ได้รับเกียรติจากตำแหน่งนายกฯ อยู่แล้ว ส่วนคนจะรัก พล.อ.ประยุทธ์หรือไม่ อันนี้ไม่แน่ใจ ต้องให้โพลไปสำรวจ 
“พล.อ.ประยุทธ์จะต่อว่าใครก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เพราะมันเป็นเรื่องของจิตใจผู้คน ยากแท้หยั่งถึง ที่สำคัญ ท่านมีสื่อในมือที่ออกรายการทุกวันศุกร์มา 4 ปีแล้ว อยากพูดอธิบายอะไรก็สามารถทำได้ แถมรัฐบาลมีรายการช่วงหลัง 18.00 น.ทุกวัน อยากโชว์ผลงานรัฐบาลก็ทำได้อยู่แล้ว ท่านจะมาโอดครวญทำไมเรื่องแบบนี้ การให้เกียรติหรือไม่ให้เกียรติเราไม่สามารถบังคับใครได้ เพราะจะดีจะชั่วอยู่ที่ตัวทำ จะสูงจะต่ำอยู่ที่ทำตัว ผมแค่เล่าให้ฟัง แต่คงไม่กล้าไปบอกท่านนายกฯ" นายสมคิดกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"