เขย่าทั้งในและนอกสภา เพื่อไทยขู่เจอแน่ยื่นซักฟอก "บิ๊กตู่" ละเลยต่อเศรษฐกิจและชีวิตประชาชน ปล่อยให้คนติดเชื้อโควิด แผ่นเสียงตกร่องจะเปิดโปงทุจริต 2 ปีของรัฐบาล "ภูมิธรรม" ด่าแหลก ไม่รับเงินเดือนไม่ได้ช่วยให้ชีวิตประชาชนที่ตายไปฟื้นกลับมา ส่วนม็อบ "นกเขา-ลายจุด" ชุมนุมไล่นายกฯ เงียบๆ
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2564 นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแก้วิกฤตการณ์ของรัฐบาลในสถานการณ์ปัจจุบันว่า สถานการณ์โควิด-19 เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจากการกระทำของรัฐบาลโดยตรงทั้งสิ้น รัฐบาลไม่มีความพร้อมในการรับมือสิ่งต่างๆ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีมติจะดำเนินการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับความเสียหายมาชี้แจง ซึ่งเรื่องที่จะอภิปรายจะนำสิ่งที่รัฐบาลกระทำการละเลยต่อเศรษฐกิจและชีวิตประชาชน ที่นับวันตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจึงไม่สามารถไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปได้ พร้อมจะเปิดโปงความเสียหายความผิดพลาดและการทุจริตเอื้อประโยชน์ของรัฐบาลที่กระทำมาตลอด 2 ปี
นายสมพงษ์เปิดเผยด้วยว่า ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ จะมีการประชุมพรรคเพื่อไทยเพื่อหารือและขอมติกับ ส.ส. ในเรื่องนี้ พร้อมจะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านก่อนจะยื่นญัตติในช่วงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ อย่างไรก็ตามต้องคำนึงด้วยว่าจะสามารถรวมตัวเพื่อประชุมได้หรือไม่
"ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยจะใช้ช่องทางรัฐสภาเป็นหลัก ส่วนช่องทางอื่นๆ นั้นต้องพิจารณาอีกครั้ง แต่ที่แน่ๆ ยืนยันว่าไม่ร่วมกับพรรคไทยสร้างไทย"
ด้านนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การล็อกดาวน์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการบริหารผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และยังสร้างความสูญเสียให้ประชาชน ทั้งๆ ที่เป็นหน้าที่ที่รัฐบาลต้องเยียวยาช่วยเหลือประชาชนให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ขณะที่รัฐบาลยังมีวงเงิน พ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทต้องใช้ให้เกิดประโยชน์ เพราะการล็อกดาวน์มีต้นทุนที่สูงมากต่อระบบเศรษฐกิจ โดยความเสียหายจะอยู่ที่ประมาณ 260,000 ล้านบาทต่อเดือน หรือเกือบ 9,000 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่ากังวลเป็นอย่างยิ่ง ฉะนั้นทุกวินาทีที่ล็อกดาวน์มีความหมายคือความทุกข์ร้อนของประชาชน ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยจะประชุมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะกำหนดท่าทีและบทบาทร่วมกันเกี่ยวกับญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ประกาศสละเงินเดือน 3 เดือน ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นการลดกระแสว่า เงินเดือน 3 เดือนของ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ช่วยให้ชีวิตประชาชนที่ตายไปฟื้นกลับมา และไม่ได้ช่วยประคับประคองให้ประชาชนลดทอนความยากลำบากกับสถานการณ์ที่ต้องเผชิญ ตรงกันข้ามอาจจะมีคนร้องไห้เพราะต้องทนอยู่กับนายกรัฐมนตรีต่อไปอีก 3 เดือน
"การดำเนินการของพลเอกประยุทธ์เรื่องเงินเดือน คือการสะท้อนว่าพลเอกประยุทธ์ไม่จัดลำดับความสำคัญก่อนหลัง ไม่เคยแตะปัญหาให้ตรงประเด็น ข้อเสนอมากมายที่สำคัญกว่าบรรลุการแก้ปัญหาได้มากกว่า เช่น ใช้แรพิดเทสต์ (rapid test) เพื่อให้พบผู้ติดเชื้อให้ได้มากที่สุด แล้วแยกออกจากครอบครัวหรือชุมชน แต่กลับไม่ทำ เสนอให้จัดหาวัคซีนให้เร็วที่สุด หลากหลายชนิดที่สุด ให้มีคุณภาพที่สูงและมีราคาถูกกว่านี้ ก็ไม่ทำ เสนอให้กระจายวัคซีนให้ทั่วถึง มีหลายกลุ่มเสนอมากมาย แม้แต่กลุ่มหมอไม่ทนเพื่อให้ปัญหาลดความวิกฤติลง ทำให้ความเสียหายของประชาชนลดทอนลง"
เขายังโจมตีว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยสนใจ พยายามจะขายผ้าเอาหน้ารอด สละเงินเดือน 3 เดือนไม่ช่วยอะไร เพราะ พล.อ.ประยุทธ์รับเงินเดือนหลายทางมานานแล้ว ทำในสิ่งที่เกินเลยไม่เหมาะสมมานานแล้ว ในสมัยก่อนพรรคการเมืองหรือนักการเมืองที่กินเงินเดือนหลายทางเขารับทางเดียว แต่นี่เงินเกษียณก็รับ เงินนายกฯ เงิน คสช.ก็รับมาตลอด แล้วจะมาลดเงินเดือนตรงนี้ แต่ไม่แก้ปัญหาต่างๆ มันจะแก้ปัญหาอะไรได้
ไม่มีวิสัยทัศน์
นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า มาตรการที่ออกมาหากเจ็บแล้วไม่จบหรือไม่มีประสิทธิภาพ ไม่สามารถลดผู้ติดเชื้อลดการเสียชีวิตลงได้ ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ ประชาชนยอมเจ็บแต่หากไม่จบ พล.อ.ประยุทธ์จะรับผิดชอบอย่างไร เพราะการระบาดที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการปล่อยปละละเลยของรัฐบาล ส่วนระยะเวลา 14 วันข้างหน้ารัฐไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะสามารถแก้ปัญหาได้ ขนาด 2 ปีผ่านยังไร้ผล ครั้งนี้ถ้าไม่จบพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลต้องออกไป เพราะประชาชนคงไม่ยอมแล้ว ประชาชนทั้งประเทศเดือดร้อนเพราะพลเอกประยุทธ์มานาน และไม่มีรัฐบาลชุดไหนถูกประชาชนด่ามากขนาดนี้
ส่วนการที่พลเอกประยุทธ์และรัฐมนตรีร่วมคณะ ประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ อย่าพยายามเบี่ยงประเด็น ที่ประชาชนเขาไม่ยอมรับคือ การไร้ความสามารถ ไม่มีวิสัยทัศน์ การไม่รับเงินเดือนเป็นเพียงการทำบุญเอาหน้า ไม่มีประโยชน์ การแก้ปัญหาโควิดฝ่ายค้านแนะนำมาหลายครั้งแล้ว แต่รัฐบาลไม่เคยฟังหรือไม่ให้ความสำคัญ เพราะรัฐบาลฟังแต่คนใกล้ชิดที่แนะนำผิดๆ จนก่อให้เกิดปัญหามาตลอด หากยังดื้อดึงดื้อด้านประชาชนทั้งประเทศจะออกมาไล่พลเอกประยุทธ์แน่
เช้าวันเดียวกันนี้ นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา แกนนำกลุ่ม "ประชาชนคนไทย" นัดหมายจัดกิจกรรมล็อกดาวน์ประยุทธ์ ปิดสวิตช์บิ๊กตู่ เพื่อขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยเริ่มทำกิจกรรมบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ด้านเกาะพญาไท โดยปราศรัยผ่านเครื่องขยายเสียงบนรถ นอกจากนี้นายนิติธรยังเดินเท้าบริเวณรอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มีการประกาศเชิญชวนให้ประชาชนร่วมกันขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมติดป้ายไวนิลข้อความต่างๆ อาทิ ประชาชนเป็นหนี้ แต่ไม่มีวัคซีนให้ฉีด, รัฐบาลอยู่ได้ ประชาชนตาย ประเทศล้มละลาย เป็นต้น บริเวณรั้วกั้นระหว่างทางเดินเท้ารอบอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
นายนิติธรเปิดเผยว่า ได้ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ขอให้นายกรัฐมนตรีเสียสละลาออก วันนี้ผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ในเมื่อยังไม่ลาออกจึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศ ให้ร่วมกันเปลี่ยนรัฐบาลนี้โดยสันติ เพราะเห็นว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะวิกฤติรุนแรง การขยายตัวของโรคจะมากขึ้น ขอย้ำว่าไม่เชื่อมั่นในการบริหารงานของรัฐบาล ซึ่งไม่เคยชี้แจงถึงแนวทางการดูแลคนไทยอย่างชัดเจน แม้กระทั่งเรื่องวัคซีน ฉะนั้นถ้าลาออกตั้งแต่วันที่เราเรียกร้องสภาพประเทศจะดีขึ้น
“ตอนนี้ผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหว กลุ่มต่างๆ มีแนวทางตรงกัน แม้เป็นการเคลื่อนไหวอย่างอิสระ คือการเรียกร้องให้รัฐบาลลาออก ถ้าพ้นไปจากนี้อาจยกระดับโดยการไล่ออก หากใช้คำว่าไล่ออก นั่นคือเราพร้อมไปพบปะกับรัฐบาล ไม่ว่าจะมีลวดหนามมาขวางกั้น คอนเทนเนอร์ ก็ต้องเคลื่อนเข้าสู่ใจกลางของทำเนียบรัฐบาล วันนี้ชัดเจนว่าปัญญาของท่านไม่เพียงพอต่อการรองรับปัญหา การใช้ปัญญาของท่านไม่มีสติในการกำกับควบคุม ฉะนั้นพฤติกรรมที่ออกมาแต่ละเรื่องจึงไม่สอดคล้องกับปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้”
นายนิติธรกล่าวถึงกรณีที่นายกฯ ไม่รับเงินเดือนว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่อย่าลืมว่ายังมีอีก 56 ตำแหน่ง ท่านจะไม่รับเงินเดือนทั้งหมดหรือไม่ ตนเชื่อว่าหลังจากนี้พลเอกประยุทธ์จะยอมลาออก
มาจากการรัฐประหาร
“สำหรับประยุทธ์ ตลอดอาชีพของท่าน ทำอาชีพทหารมาตลอด อายุท่านมากแล้ว หนังสืออัตชีวประวัติของท่าน 3 หน้าสุดท้าย ได้เขียนในหน้าแรกคือมาจากการรัฐประหาร หน้าสุดท้ายจะให้เขียนว่าอย่างไรขึ้นอยู่กับท่าน แต่ควรจะให้เขียนดีๆ ว่าท่านยอมลาออกเพื่อเปิดทางให้คนมีความสามารถเข้ามาบริหาร"
นายนิติธรกล่าวว่า จากนี้ไปกลุ่มจะเดินหน้าเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง และจะยกระดับขึ้นไปโดยจะไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขอให้สื่อมวลชนติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อไป
จากนั้นกลุ่มนายนิติธรได้ยุติการทำกิจกรรมและทยอยออกนอกพื้นที่ พร้อมให้กลุ่มเสื้อแดงเข้ามาชุมนุมต่อเพื่อรอกลุ่มคาร์ม็อบและไทยไม่ทนมาชุมนุมต่อ
วันเดียวกันนี้ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บ.ก.ลายจุด จัดกิจกรรม "คาร์ม็อบ สมบัติทัวร์" ชวนประชาชนนำรถยนต์หรือจักรยานยนต์ส่วนตัวออกมาบีบแตรไล่ พล.อ.ประยุทธ์ โดยกิจกรรมดังกล่าวเริ่มที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 13.00 น. โดยมีเป้าหมายหลัก 5 เส้นทาง ได้แก่ 1.พรรคประชาธิปัตย์ 2.พรรคภูมิใจไทย 3.พรรคพลังประชารัฐ 4.พรรครวมพลังประชาชาติไทย และ 5.แยกราชประสงค์
ทั้งนี้ ผู้ร่วมชุมนุมบางส่วนได้เล่นดนตรีก่อนกิจกรรมจะเริ่ม ด้านพ่อค้าแม่ขายต่างนำสินค้า อาทิ อาหาร, ผ้าโพกหัว, ผ้าผูกคอสีแดง, สินค้าเป็ดเหลืองมาวางจำหน่าย นอกจากนี้ ยังมีรถกระบะขนน้ำดื่มเต็มคันรถมาเตรียมแจกจ่ายมวลชนที่ร่วมขบวน ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สำราญราษฎร์กระจายกำลังรอบบริเวน และมีการกั้นรั้วเหล็กหน้าร้านแมคโดนัลด์ พร้อมวางป้ายห้ามจอดตลอดแนว นอกจากนี้กลุ่มมวลชนได้สร้างสีสัน โดยการนำรถกระบะติดป้ายรูปนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยมีข้อความว่า "คนไทยดีใจทั้งประเทศ ยินดีต้อนรับกลับสู่แผ่นดินแม่" ร่วมกิจกรรมแรลลีด้วย
เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายสมบัติได้กระหน่ำบีบแตรรถ ก่อนเคลื่อนขบวน นำโดยรถจักรยานยนต์ของทีมการ์ด ตามด้วยรถนิสสันสีส้มของนายสมบัติ และต่อด้วยรถของประชาชน ขับวนรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้า ไปกลับรถที่แยกอรุณอมรินทร์ วกกลับมาที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเพื่อตั้งขบวนใหม่ที่แยกป้อมมหากาฬ, สะพานผ่านฟ้าลีลาศ ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปสถานที่ต่างๆ ตามกำหนดการ
ต่อมาเวลา 15.30 น. นายสมบัติเดินทางมาถึงพรรคพลังประชารัฐ ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งเขากล่าวว่ามีตัวแทนพรรคออกมารับหนังสือ แต่ตนไม่ได้เตรียมหนังสือมาให้ สำหรับพรรคพลังประชารัฐนั้นได้เตรียมของอย่างอื่นมาให้แทน นั่นคือแป้ง ก่อนจะมีการมอบแป้งให้ และมีบางส่วนที่ขว้างถุงแป้งเข้าไปในบริเวณด้านหน้าอาคารพรรคพลังประชารัฐ พร้อมตะโกนเสียงดังว่า “พรรคพลังประชารัฐ ภาษีประชาชน มันคือแป้ง” ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนกระจายกำลังอย่างหนาแน่นหน้าที่ทำการพรรค ขณะที่กลุ่มม็อบตะโกนขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
จากนั้นนายสมบัติพาขบวนไปแยกราชประสงค์ พร้อมปราศรัยอีกรอบก่อนแยกย้ายในเวลา 16.30 น.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |