ถามกันให้แซด.....
    ไม่ได้ตัวอดีตพระพรหมเมธีกลับมา
    แล้วทำไม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ต้องหลบหน้าด้วย?
    นั่นน่ะซิ...
    นี่ถ้าไม่เจออีกวันสงสัย ต้องประกาศตามหาคนหาย 
    ก็...เป็นอันว่าวานนี้ (๗ มิถุนายน) มีผู้พบเห็น ผบ.ตร. ไปเดินแถวๆ รัฐสภาแล้ว 
    และได้เรื่องลมฟ้าอากาศดีมาฝาก
    พล.ต.อ.จักรทิพย์บอกว่าที่เยอรมันอากาศดี
    แต่....ไม่ได้ไปพบกับพระ
    ฟังดูงงๆ เหมือนไปภารกิจอื่น 
    แล้วไฉนที่เมืองไทยตั้งแต่นายกรัฐมนตรียันภารโรง ล้วนเข้าใจตรงกันว่า ผบ.ตร.บินด่วนเพื่อรับตัวอดีตพระพรหมเมธีกลับ 
    ที่จริงไม่ใช่เรื่องเสียหน้า คนก่ออาชญากรรมล้วนดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อให้หนีรอดอยู่แล้ว ส่วนตำรวจมีหน้าที่ตามจับมาลงโทษให้ได้ 
    มีหลายๆ คดีจับคนร้ายไม่ได้ ก็ใช่ว่าเป็นเหตุให้ตำรวจต้องหลบหน้า 
    ไม่งั้นต้องหลบกันทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติสิ!
    หรือมันมีปัจจัยอื่น?
    ก็น่าเห็นใจ ผบ.ตร.ถึงกับบินไปรับผู้ต้องหาด้วยตัวเอง แต่ต้องกลับบ้านมือเปล่า ผลลัพธ์มันจึงคล้ายกับว่า "เสียหน้า" 
    แต่ ผบ.ตร.ควรรับรู้ว่า มันมีประเด็นใหญ่กว่านั้น 
    วันนี้ครบ ๓ วัน ตามที่ "บิ๊กป้อม" ขอเวลา เป็นเวลา ๓ วันที่รู้ชัดเจนว่า ไม่ได้ตัว อดีตพระพรหมเมธีกลับมาแน่นอนแล้ว 
    เพราะอีกฝ่ายถือไพ่เหนือกว่าชัดเจน 
    การทำเรื่องขอลี้ภัยโดยการจับโยงประเด็นการเมือง ทางยุโรปเขาถือว่าต้องให้การคุ้มครอง 
    ฉะนั้นสิ่งที่ต้องโฟกัสหลังจากนี้ การเน้นไปที่เยอรมันอาจยังไม่ใช่สิ่งจำเป็นลำดับต้นๆ ณ เวลานี้ เพราะปัญหาเบื้องหน้าที่เห็นอยู่คือ จะสะสางปัญหาวงการสงฆ์กันอย่างไร
    อีกไม่นานเงินทอนล็อตที่ ๔ จะออกมาอีก จนถึงวันนี้พบแล้วกว่า ๓๐ วัด และเช่นเคย เจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนา ร่วมมือกับพระชั้นผู้ใหญ่ เรียกเงินทอน 
    ต้องจับกันอีกล็อต 
    และต้องหนีกันอีกครั้ง
    แลกเปลี่ยนข้อมูลแล้วเตรียมล็อกเป้าเสียแต่เนิ่นๆ ที่สำคัญ จัดการกับพวกตำรวจหนอนบ่อนไส้ได้หรือยัง 
    อดีตพระพรหมเมธีหนีรอดไปได้ก็เพราะตำรวจพวกนี้คาบข่าวไปบอก 
    ฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ทั้งกระบวนการซึ่งมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องนั้น ล้วนเกิดปัญหาจากตำรวจทั้งสิ้น 
    ความไร้ประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผู้ต้องหา นักโทษ หลุดรอดไปต่างประเทศคนแล้วคนเล่า ก็ล้วนมีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง 
    คราวหน้าถ้ามีอีก อากาศที่เยอรมันไม่น่าจะดีอย่างที่ พล.ต.อ.จักรทิพย์บอกอีกแล้ว!.