'บิ๊กตู่' ใช้ยาแรงพื้นที่สีแดงเข้มอย่างน้อย 14 วัน ศบค.จะประเมินมาตรการอีกครั้ง


เพิ่มเพื่อน    

9 ก.ค.64 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 9/2564 ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ภายหลังการประชุม นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. สั่งการประชุมเร่งด่วนเพื่อตัดสินใจร่วมกันเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและแก้ไขสถานการณ์เป้าหมาย คือ ประคับประคองเศรษฐกิจแสะสุขภาพประชาชน ซึ่งศบค. ยกระดับมาตรการเข้มข้น ซึ่งเป็นแผนเผชิญเหตุ เพื่อรองรับสถานการณ์ที่การแพร่ระบาดอย่างรุนแรงและเป็นวงกว้างขณะนี้ โดยล็อกดาวน์พื้นที่ ซึ่งเป็นมาตรการที่เคยปฏิบัติมาก่อนในช่วงเดือนเมษายน 2563 ทั้งการจำกัดการเคลื่อนย้าย การรวมกลุ่ม มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติและสำนักงบประมาณ ร่วมกันกำหนดมาตรการเยียวยา เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบ นายกรัฐมนตรีย้ำถึงมาตรการที่ออกมา คำนึงถึงความปลอดภัยด้านสุขภาพของประชาชนเป็นสำคัญ

โฆษกรัฐบาล กล่าวว่า นายกรัฐมนตรียังได้ติดตามการบริหารสถานการณ์โควิด-19 ภาพรวม ให้ทุกหน่วยงานต้องรับผิดชอบในส่วนการทำงานของตน เชื่อมโยงการดำเนินงานให้ครบวงจร ตั้งแต่การตรวจคัดกรอง ทั้งการสุ่มตรวจและการตรวจเชิงรุก การคัดกรองโรค เพื่อจัดระดับความรุนแรงของโรค ซึ่งขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดหาสถานที่ จุดตรวจคัดกรอง ให้ครบทุกเขตพื้นที่ เพื่อประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรอง ลดการรอคอย สำหรับการบริหารเตียงยกระดับเตียงผู้ป่วยใน รพ. สนาม เพิ่มขีดความสามารถให้รองรับผู้ป่วยระดับอาการสีส้ม สีแดง ซึ่งรัฐบาลพร้อมให้การสนับสนุนด้านงบประมาณเพื่อจัดหาอุปการณ์ทางการแพทย์และยารักษาโรค ขณะเดียวกันจะต้องเดินหน้าบริการฉีดวัคซีนทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ตามแผนการฉีดวัคซีน โดย ศบค. ยังคงแผนกระจายวัคซีนตามกลุ่มเป้าหมาย บุคคลากรด่านหน้า กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มโรคเสี่ยง ประชาชนพื้นที่เสี่ยงสูง และคลัสเตอร์เสี่ยง

นายอนุชา กล่าวว่า ในการประชุม นายกรัฐมนตรียังให้ความสำคัญกับการสื่อสาร โดยกำชับทุกหน่วยงานต้องติดตามการเผยแพร่ Fake News และข่าวบิดเบือน เพื่อป้องกันการสับสน หากพบความผิดต้องดำเนินการตามหลักฐานและกฎหมายอย่างเคร่งครัด ขณะเดียวกัน ทีมสื่อสารต้องเน้นสร้างการรับรู้ โดยให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ชี้แจงตามอำนาจเฉพาะเรื่อง โดย ศบค. จะเป็นผู้แถลงในภาพรวม ขณะที่ ทีมโฆษกรัฐบาล ขอให้เน้นการประชาสัมพันธ์ที่เข้าใจง่าย สร้างความร่วมมือให้ประชาชนปฏิบัติตาม เพื่อสร้างความเข้าใจปฏิบัติมาตรการและคำแนะนำของสธ. และ ศบค.

ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังได้สั่งการให้ฝ่ายความมั่นคง เข้มงวดเฝ้าระวังการลับลอบข้ามแดนผิดกฎหมายตลอดแนวชายแดน รวมทั้งให้ทำลายกระบวนการใช้แรงงานต่างด้าวและลักลอบนำแรงงานต่างด้าวเข้าประเทศอย่างเด็ดขาด เมื่อมีการมาตรการล็อกดาวน์ มีผลบังคับใช้ ต้องมีชุดเฉพาะกิจ ตั้งด่านตรวจ และสุ่มตรวจสถานประกอบการให้ปฏิบัติมาตรการที่ออกมาอย่างเข้มงวด และให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

นายอนุชา กล่าวว่า นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังมอบหมายให้ศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เร่งรัดกำหนดมาตรการเยียวยาสถานประกอบการหรือพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากการกำหนดมาตรการในครั้งนี้ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ให้นำมาตรการควบคุมแบบบูรณาการสำหรับพื้นที่ระดับสถานการณ์ต่าง ๆ ข้อห้าม และข้อปฏิบัติตามข้อกำหนด (ฉบับที่ 24, 25, 26) มาใช้บังคับเท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อกำหนดนี้ และระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป ระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน หรือจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น

“นายกรัฐมนตรีย้ำ ศบค.ไม่เคยหยุดคิด โดยมีการทำงานต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกที่มีการพบเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่อู่ฮั่น และมีมาตรการที่สอดคล้องกับสมมุติฐานของการแพร่ระบาด โดยมีการวางแผนและมาตรการล่วงหน้า ตั้งแต่ระดับ ปกติ ปานกลาง รุนแรง รุนแรงมาก เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ และเร่งรัดมาตรการด้านการป้องกันโรค การคัดกรอง การรักษา การฉีดวัคซีน การควบคุมโรค การรักษาพยาบาล รวมทั้งเยียวยาให้ได้มากที่สุด โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในแต่ละส่วนให้ปฏิบัติงานอย่างรับผิดชอบด้วย ซึ่งหลังจากประกาศใช้ไประยะเวลา 14 วันหลังจากนั้น ศบค. จะประเมินมาตรการทั้งหมดนี้ อีกครั้ง”โฆษกรัฐบาลกล่าว

นายอนุชา กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรียืนยันว่ารัฐบาลดูแลคนไทยทุกคนรวมทั้งคนต่างชาติที่พำนักในประเทศไทย ให้สามารถเข้ารับบริการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของทั้งประเทศ เพราะทุกคน คือ ทีมประเทศไทย ขณะที่นายกฯ ประกาศงดรับเงินเดือน 3 เดือน เพื่อนำไปใช้ในการจัดหาอุปกรณ์ สิ่งของจำเป็นด้วย ฝากประชาชนทุกคน ยึดมาตรการส่วนบุคคล โดยการปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข DMHTT ด้วย

ทั้งนี้ พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด หรือสีแดงเข้ม ยังเป็น 10 จังหวัด คือ กทม. นครปฐม นราธิวาส นนทบุรี ปทุมธานี ปัตตานี ยะลา สมุทรปราการ สมุทรสาคร และสงขลา


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"