สภาดาหน้าปัดขอวัคซีนเข็ม 3 ฉีด ส.ส.-ส.ว. "สุชาติ" อ้างแค่ความเห็นส่วนตัวของ ส.ส.บางคน ย้ำที่ประชุมวิปฯ แค่เสนอความเห็นต้องเตรียมฉีดเข็ม 3 ให้ ปชช.ทุกกลุ่ม "ส.ส.พปชร." ยอมรับสื่อสารไม่เคลียร์ทำเข้าใจผิด "สิระ" ชงล็อกดาวน์รัฐสภา "ปธ.ชวน” ชี้รอประเมินสถานการณ์เป็นระยะ "ไทยสร้างไทย" ชวนคนลงชื่อฟ้องรัฐบาล "หน่อย" ฟุ้งได้แล้ว 8 หมื่นราย
ที่รัฐสภา วันที่ 8 ก.ค. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานในการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระการประชุมนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ชี้แจงกรณีมีการเสนอให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่ 3 ให้กับ ส.ส.-ส.ว. รวมถึงบุคลากรรัฐสภา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในพื้นที่รัฐสภาว่า ขอยืนยันไม่มีใครเสนอในที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย และจากการสอบถามไม่พบว่าต้นตอมาจากที่ใด
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลการประชุมวิป 3 ฝ่ายไม่มีมติให้หาวัคซีนเข็มที่ 3 คนที่ไปให้ข่าวต้องรับผิดชอบ คนที่เข้ามาในสภาต้องตรวจหาเชื้อทุกคน เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีเชื้อหรือไม่ ถ้าพบผลบวกต้องแยกในทันทีเพื่อที่จะเฝ้าระวัง ดังนั้นต้องเตรียมจัดหาวัคซีนที่ดีเพื่อมากระตุ้นให้กับสมาชิกรัฐสภาทุกคน เพราะภูมิคุ้มกันจะลดลง 3 เดือน 6 เดือน เราจำเป็นต้องมีวัคซีนไว้ล่วงหน้าเพื่อกระตุ้น ถ้าไม่มีเราก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม
"ถ้าจะตีความว่าเข็ม 3 เป็นการเรียกร้องของรัฐสภาให้ฉีดเข็ม 3 เป็นการตีความที่ผิด ไม่ว่าหน่วยงานไหนหรือรัฐไทยที่ทำงานแบบโง่ๆ คุณต้องเตรียมเข็ม 3 แล้ว แพทย์พยาบาลที่ฉีดมาแล้วเขาจะได้รับการกระตุ้นวัคซีนแบบใด โดยเฉพาะคนสูงอายุรัฐบาลต้องคิด ประธานต้องช่วยวางแผนเรื่องนี้แล้ว สำหรับสมาชิกรัฐสภา คนทำงาน รวมทั้งคนที่มาติดต่อต้องได้รับการฉีดวัคซีนในเวลาที่เหมาะสม คนที่ไปแถลงข่าวเรื่องนี้ต้องขอโทษสภาแห่งนี้ ถ้าเป็นสมาชิกให้ตั้งกรรมการสอบว่ามีจุดประสงค์อะไรทำลายสภากันเอง คิดว่าจะมีชื่อเสียงเหรอ คิดว่าจะได้ข่าว ถ้าคิดเป็นอย่างนั้น คุณคือคนที่โง่มาก ดักดาน หิวแสง” นพ.ชลน่านกล่าว
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า รู้สึกไม่สบายใจจากข่าวที่เกิดขึ้นว่า ส.ส.ควรจะฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เรื่องนี้ไม่ควรเสียหายจากความไม่รับผิดชอบของ ส.ส.บางคนที่นำเรื่องที่ไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด ทำให้รัฐสภาเสียหาย เพราะประชาชนคาดหวังว่าการประชุมสภาจะได้มีการหารือกันถึงปัญหาโควิด เพราะในการประชุมของวิป 3 ฝ่าย เห็นตรงกันว่าเราจะต้องทำหน้าที่ใน ส.ส. ประชาชนกำลังมีปัญหาเรื่องโควิดระบาด มีปัญหาเศรษฐกิจ จะหยุดการประชุมได้อย่างไร
"วันนี้สังคมก็ต้องตำหนิผู้ให้ข่าวที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และไปขยายผลให้รัฐสภาเสียหาย แต่เราต้องเดินหน้าประชุมอย่างเคร่งครัด และขอให้ทำ Rapid Test การทำ Application เพื่อตรวจสอบสมาชิกรัฐสภา อยู่ที่ไหน ทำอะไร ได้มาประชุม กมธ. หรือประชุมในห้องประชุมใหญ่ และควรแยกสมาชิกรัฐสภาที่จะเข้าห้องประชุมกับเจ้าหน้าที่ผู้มาติดต่อให้ชัดเจน หากจะต้องชี้แจงไทม์ไลน์ก็จะบอกได้ว่าได้พบเจอใครบ้าง" นายชินวรณ์กล่าว
จากนั้นนายสุชาติชี้แจงว่า ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการประชุม 3 ฝ่าย เราได้ปรึกษาหารือกันว่าเราควรจะดำเนินการประชุมต่อไปหรือควรจะหยุดชั่วคราว ซึ่งก็มีการวิเคราะห์กันว่าควรดำเนินการต่อไป เพราะเราเป็นหลักในระบอบประชาธิปไตย ต้องเป็นแบบอย่างและสะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและประเทศชาติ แต่การดำเนินการต่อไปต้องมีมาตรการเข้มข้น และยังได้วิเคราะห์ทางการแพทย์ โดยมองไปข้างหน้าจะควบคุมได้อย่างไร จำเป็นต้องเตรียมวัคซีน ในการประชุมเราพูดถึงภาพรวมของประเทศว่าจะต้องมีการกระตุ้นภูมิ แต่ไม่ได้พูดว่าเป็นมติของสภาจะฉีดวัคซีนเข็ม 3
ส.ส.ปัดขอวัคซีนเข็ม 3
“ผมยืนยันไม่มีมติดังกล่าว ผู้ที่ให้ข่าวผมต้องกราบขออภัยและขอโทษ ไม่มี อาจจะคลาดเคลื่อนจากผู้ให้ข่าวหรือคลาดเคลื่อนจากการรับข่าว ที่ข่าวผิดพลาดออกมา ผมต้องขอโทษข่าวที่ออกมาผิดพลาด ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงใด เราไม่มีมติใดๆ บังคับให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 แต่รัฐบาลควรจะดำเนินการกันทั้งประเทศ ส่วนผู้ที่ให้ข่าวเดี๋ยวผมจะดูว่าเป็นใคร และจะเรียกมาคุย ปรึกษาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป” รองประธานสภาฯ กล่าว
ต่อมา ที่ประชุมได้พิจารณาญัตติเกี่ยวกับการแก้ปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่ค้างมาจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขณะนี้จำนวนผู้ติดเชื้อมีมากกว่าจำนวนผู้ป่วยที่ได้กลับบ้าน วันนี้มีผู้ติดเชื้อ 7,000 คนต่อวัน และอาจถึง 10,000 คน มีผู้ป่วยอาการหนักมากขึ้น อัตราเสียชีวิตก็สูงขึ้นเป็นเงาตามตัว รัฐบาลจะใช้วิธีเดิมๆ รับมือไม่ได้
“เงื่อนไขตามหนังสือของคณะกรรมการกลั่นกรองเงินกู้ที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรีระบุว่า รัฐบาลจะอุดหนุนเงิน 600 ล้านบาทให้บริษัท สยามไบโอไซเอนท์ฯ ในการผลิตวัคซีน โดยมีเงื่อนไขว่า จะส่งวัคซีนที่ผลิตในประเทศให้เป็นลำดับแรกตามความต้องการก่อน ส่วนที่เหลือจึงส่งออกไปยังภูมิภาค แสดงว่านี่คือการหลอกเอาเงินภาษีประชาชนไปอุดหนุนเอกชน โดยไม่ทำตามสัญญา รัฐบาลต้องกล้าหาญใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงด้านวัคซีน บังคับเอาวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าตามแผนการส่งมอบให้ได้ เพื่อปกป้องชีวิตประชาชน” ส.ส.พรรคก้าวไกลระบุ
นายสุชาติให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ว่า ภายหลังจากรับฟังข้อท้วงติงจาก ส.ส.ในระหว่างการประชุมสภา ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าเป็นข้อมูลจากการแถลงข่าวภายหลังการประชุมวิป 4 ฝ่ายที่ตนเป็นประธาน ทั้งนี้ยืนยันในที่ประชุมวันนั้นได้หารือถึงมาตรการด้านสาธารณสุขในพื้นที่รัฐสภาอย่างเข้มข้น ตลอดจนการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิดแบบ Swab แก่สมาชิกรัฐสภาสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้น
"มีช่วงหนึ่งที่ที่ประชุมมีการวิเคราะห์ถึงภาพรวมของสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นว่า ในอนาคตจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้แก่ประชาชนทุกคนในประเทศ โดยเฉพาะกับบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อระงับยับยั้งและแก้ไขปัญหาการแพร่กระจายเชื้อโควิด เช่นเดียวกับหลายประเทศที่เริ่มฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับประชาชนแล้ว ยืนยันไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าต้องจัดหาวัคซีนเข็มที่ 3 สำหรับ ส.ส.หรือ ส.ว.แต่อย่างใด" รองประธานสภาฯ ระบุ
อย่างไรก็ดี นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ยอมรับภายหลังการประชุมวิป 4 ฝ่ายเมื่อวันที่ 6 ก.ค.ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้แถลงมติที่ประชุมในประเด็นสำคัญๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของรัฐสภา โดยในช่วงท้ายของการแถลงได้เล่าถึงการวิเคราะห์ภาพรวมสถานการณ์และความสำคัญของการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน เพียงแต่ตนอาจจะพูดตกไป ไม่ได้พูดว่าสำหรับประชาชนทุกคน และไม่ได้พูดเจาะจงไปที่ ส.ส.หรือ ส.ว.เช่นกัน
“ถ้าไปย้อนดูคลิปหรือคำให้สัมภาษณ์ในวันนั้น ก็จะพบว่าเล่าถึงการหารือในที่ประชุมถึงข้อมูลทางการแพทย์ว่า การฉีดวัคซีนแม้จะครบ 2 เข็มแล้ว แต่เวลาผ่านไป 3 เดือนภูมิคุ้นกันอาจจะลดเหลือเพียง 40-50% และหากผ่านไปอีกภูมิคุ้มกันก็ยิ่งน้อยลงไปอีกเหมือนไม่ได้ฉีด ทุกคนจึงควรต้องฉีดบูสเตอร์เข็ม 3 ซึ่ง ส.ส.ที่เป็นแพทย์ในที่ประชุมวันนั้นเป็นคนให้ความรู้ในส่วนนี้เอง” นายอนันต์กล่าว
ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดกว่า 7,000 ราย และผู้เสียชีวิตกว่า 70 คน ในฐานะเป็น ส.ส.ตื่นขึ้นมาน้ำตาไหล คิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ประชาชนไม่ได้รับการเข้าถึงสาธารณสุข ขอให้ ศบค.ออกมาชี้แจงกับประชาชนว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร จะล็อกดาวน์หรือไม่ล็อกดาวน์ ก็ต้องออกมาชี้แจงว่าจะยับยั้งความสูญเสียของคนไทยอย่างไรบ้าง ถ้าไม่ล็อกดาวน์มีเหตุผลอย่างไร
'หน่อย'ปลุกลงชื่อไล่รบ.
"ขอเสนอให้ล็อกดาวน์ที่รัฐสภาเป็นแห่งแรก เพราะทุกวันนี้แม้วิป 3 ฝ่ายจะมีมติให้คณะกรรมาธิการสามัญ 35 คณะ และคณะกรรมาธิการวิสามัญงดประชุม แต่ก็ยังไม่ได้รับความร่วมมือจากคณะกมธ.บางคณะ วันนี้ยังมีประชุมอยู่ เมื่อยังมีประชุมก็ต้องเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง ซึ่งผู้ชี้แจงต้องเดินทางมาจากต่างจังหวัด พอกลับไปบ้านก็ต้องกักตัว 14 วัน ขณะเดียวกันก็อาจจะเป็นพาหะนำโรคด้วยหรือไม่ ดังนั้น ตนจึงขอให้ล็อกดาวน์รัฐสภาเป็นแห่งแรก" นายสิระกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สภายังมีการประชุมตามปกติ แต่จะมีปัญหาอยู่หนึ่งเรื่องคือ การประชุมกฎหมายที่ค้างอยู่ เช่น พ.ร.บ.ยาเสพติด ซึ่งรัฐมนตรีได้มีการเร่งรัดให้แล้วเสร็จ ก็จะนำไปหารือกับทุกฝ่าย ทั้งวุฒิสภา รัฐบาลและ ฝ่ายค้าน ว่าจะพร้อมในช่วงใด เพื่อขอเวลา 1 วันในการพิจารณาให้แล้วเสร็จ เพราะมีผู้รอใช้กฎหมายอยู่
"ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ภายใต้สถานการณ์ที่วัคซีนไม่สามารถกระจายได้ทั่วประเทศ ผมจึงบอกตลอดว่าพวกเราต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงและลดจำนวนผู้ติดเชื้อ เพื่อลดภาระให้กลุ่มด่านหน้า แพทย์ และพยาบาล" นายชวนกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊กพรรคไทยสร้างไทยได้โพสต์เชิญชวนประชาชนให้ร่วมลงชื่อพร้อมแบบฟอร์มให้ร่วมฟ้องการบริหารงานของรัฐบาลประยุทธ์ มีเนื้อหาว่า ฟ้องรัฐบาลฆาตกร ในสถานการณ์โรคระบาด Covid-19 รัฐบาลประยุทธ์ใช้ภาษีของประชาชนดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด ทำให้เกิดความเสียหาย จนคนไทยล้มตาย เศรษฐกิจไทยพังพินาศ โดยไม่สนใจข้อมูลที่ถูกต้องจากประชาชนและผู้เชี่ยวชาญ พรรคไทยสร้างไทย ขอเป็นตัวแทนภาคประชาชน ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารจัดการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์จัดการโควิด-19
ต่อมา คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวตอนหนึ่งถึงแคมเปญลงชื่อไล่รัฐบาลว่า จนถึงตอนนี้ มีประชาชนร่วมลงชื่อแล้วกว่า 80,000 คน และกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ส่วนนายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้ออกเเถลงการณ์ตอนหนึ่ง ระบุว่า การสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคและการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้มีการสั่งซื้อเพิ่มเติมดังกล่าว จึงมิได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และขัดต่อกฎหมาย ทำให้ประเทศชาติและประชาชนได้รับความเสียหาย จึงขอเรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีได้ทบทวนการสั่งซื้อวัคซีนที่ไม่มีประสิทธิภาพที่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ให้กับประชาชน และสมาคมยินดีเป็นตัวแทนของประชาชนเพื่อดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องอันเป็นการปกป้องผลประโยชน์และชีวิตของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากการดำเนินการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า ล่าสุดองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ได้เผยแพร่ข้อมูลเพื่อย้ำว่า วัคซีนที่ได้รับการรับรองและขึ้นทะเบียนมีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ โดยประเทศไทยมีวัคซีน 3 ชนิดที่ให้บริการไปแล้ว ได้แก่ แอสตร้าเซนเนก้า ซิโนฟาร์ม และซิโนแวค อีกทั้งการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะแผนการจัดหาวัคซีน ประกอบไปด้วยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญระดับประเทศ และมีงานวิชาการรองรับ เป็นไปตามกฎหมายทุกขั้นตอน สอดคล้องตามรัฐธรรมนูญ และทำตามหลักภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศขององค์การอนามัยโรค (WHO)
"ในระหว่างรอส่งมอบวัคซีน mRNA ในช่วงไตรมาสที่ 4 อาทิ วัคซีนไฟเซอร์ 20 ล้านโดสตามแผนวัคซีนหลัก และโมเดอร์นาซึ่งเป็นวัคซีนทางเลือก รัฐบาลจึงเร่งจัดหาและฉีดวัคซีนให้ประชาชนในวงกว้างให้มากที่สุดเพื่อลดการป่วยหนักและการเสียชีวิต" รองโฆษกรัฐบาลระบุ
พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวันว่า จำนวนผู้ฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 7 ก.ค. จำนวน 291,575 โดส ทำมีให้ยอดผู้ฉีดวัคซีนสะสมแล้ว 11,619,618 โดส.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |