พลันมีข่าวรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมงัดมาตรการเข้มข้นออกมาควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หลังจาก นักวิชาการ แพทย์ แสดงความเป็นห่วงว่ายอดผู้ติดเชื้ออาจทะลุหลักหมื่นคนต่อวันในช่วงสัปดาห์หน้า อันเป็นผลจากไวรัสกลายพันธุ์ชนิดใหม่ที่ติดต่อได้รวดเร็วจนยากต่อการควบคุม บวกกับศักยภาพทางการแพทย์ใกล้เกินขีดความสามารถรับมือ ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิต กราฟพุ่งขึ้นสูง ข้อมูลวันที่ 8 ก.ค.น่าตกใน ผู้ป่วยสะสมมากกว่า 2.7 แสนราย ผู้เสียชีวิต 75 ราย 

                เป็นตัวเลขที่สูงจนน่าตกใจ เป็นเหตุให้รัฐบาลต้องใช้ยาแรง ‘ล็อกดาวน์’ พร้อมใช้มาตรการเข้มข้นออกมาควบคุม ลดยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้เสียชีวิต ให้ลดลง หลังกระแสข่าวล็อกดาวน์ออกมา สร้างความหวั่นวิตกให้กับประชาชน กังวลว่ารัฐบาลจะใช้ยาแรงเหมือนเมษายน 2563 ที่ทำให้หลายธุรกิจเกิดความเสียหายเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับแวดวงนักลงทุนในตลาดหุ้นที่ทยอยรับข่าวลือในข่าวร้ายมาตลอด 1-2 วันที่ผ่านมา เทขายกันอย่างหนัก  

                วันที่ 9 ก.ค. พล.อ.ประยุทธ์ แม้จะอยู่ในช่วงกักตัว หลังจากไปสัมผัสผู้ติดเชื้อโควิด เรียกประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เรียกประชุมด่วนกับ ศบค. ในวันที่ 9 ก.ค. ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ พร้อมกระแสข่าวที่เล็ดลอดออกมา ที่รัฐบาลอาจมีมาตรการจำกัดการเดินทางออกนอกพื้นที่ ห้ามการเคลื่อนย้ายระหว่างจังหวัด เสนอให้ปรับมาตรการเวิร์กฟรอมโฮม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนให้สูงสุด มีการเสนอให้ภาคประชาชนให้ความร่วมมือในการเปิด-ปิดกิจการ เพื่อลดการเคลื่อนย้ายการเดินทางออกนอกพื้นที่ของประชาชน ปรับเวลาการให้บริการขนส่งสาธารณะให้สอดคล้องกับมาตรการที่สาธารณสุขเสนอ ขณะที่ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาด ร้านขายอุปกรณ์ช่าง ก็อาจกำหนดเวลาการเปิด การปิด เพราะยังเห็นถึงความจำเป็นของประชาชน

                ส่วนมาตรการความเข้มข้นต่อมาตรการที่จะมาบังคับใช้กับประชาชน จะออกมาในรูปแบบใด จะเริ่มประกาศบังคับใช้อย่างจริงจังนับแต่วันไหน และมีระยะเวลากี่วัน คงต้องตามติดการประชุมของ ศบค. วันที่ 9 ก.ค.อย่างใกล้ชิด

                แม้ทางรัฐบาล ศบค. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามหาวิธี ลดผู้ติดเชื้อ ลดอัตราการเสียชีวิตของประชาชน จากการแพร่ระบาดไวรัสโควิดให้ลดลงโดยเร็ว ขณะเดียวกันยังคงมีเสียงกระแทกกระทั้นจากฝ่ายการเมือง ภาคประชาชน ที่มองต่างมุมต่อการบริหารจัดการ แก้ปัญหาไวรัสโควิด การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องการจัดหาวัคซีน

                ในห้วงเวลาที่ผ่านมาจึงได้เห็นภาคการเมืองสะท้อนไปยัง รัฐบาล ที่หวังดึงจุดร่วมความร่วมมือทุกภาคส่วนในการรุมถล่มรัฐบาลประยุทธ์ พรรคเพื่อไทย งัดทั้งมาตรการในสภาฯ นอกสภาฯ เล่นงานภาคการเมืองในสภาฯ บิ๊กเสริฐ-ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ระบุว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงเดือนสิงหาคมนี้เลย เพื่อให้ทันก่อนปิดสมัยประชุมสภาฯ วันที่ 18 ก.ย.

                นอกสภาฯ ‘นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว’ ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า กำลังหารือร่วมกับฝ่ายกฎหมาย รวมทั้งเปิดให้ประชาชนนำข้อมูลหลักฐานที่รัฐบาลปล่อยปละละเลยในการรักษาชีวิตประชาชน มาหารือกันเพื่อดำเนินคดีกับรัฐบาล ผลจากการบริหารจัดการที่ล้มเหลวของรัฐ ทั้งการจัดหาวัคซีน รวมไปถึงการปล่อยให้ประชาชนนอนรอความตายที่บ้าน ไร้การช่วยเหลือจากรัฐ รวมทั้งวัคซีนหลักและวัคซีนทางเลือก หากประชาชนต้องเสียค่าใช้จ่าย ประชาชนมีสิทธิ์ฟ้องร้องรัฐบาลได้

                ขณะที่พรรคน้องใหม่ พรรคไทยสร้างไทย ที่มีอดีตขุนพลเพื่อไทยหลายคนเป็นแกนนำ อาทิ ‘คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์’ ‘นายโภคิน พลกุล’ ‘นายวัฒนา เมืองสุข’ ล่าสุด ในเพจเฟซบุ๊กของพรรค และสมาชิกพรรคหลายราย กำลังโหมกระหน่ำแชร์ต่อในโลกออนไลน์ ตอนหนึ่งว่า  

                ‘...พรรคไทยสร้างไทย ขอเป็นตัวแทนภาคประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการบริหารจัดการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์จัดการโควิด-19 มติ ครม.อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 วรรคสาม และมาตรา 55 ผู้ที่สั่งซื้อและคณะรัฐมนตรีอาจมีความผิดฐานจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอันถือเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ร่วมลงชื่อฟ้องรัฐบาลฆาตกร ได้ที่ https://forms.gle/z8nJfz8tSwkSQYcn8’

                ขณะที่เครือข่ายประชาชนปกป้องประเทศ นำโดย พ.ท.พญ.กมลพรรณ ชีวะพันธ์ศรี  นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทน เพิ่งยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รมว.สาธารณสุข และคณะ กรณีบริหารจัดการวัคซีนป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ล่าช้า ไม่มีประสิทธิภาพ 

                ก่อนหน้าในเวทีปราศรัย กลุ่มไทยไม่ทน ก็มักเชิญชวนประชาชนฟ้องรัฐบาลต่อความไร้ประสิทธิภาพการบริหารจัดการวัคซีนแก้ปัญหาโควิด ทำให้เกิดความสูญเสียและสร้างความเสียหาย ทำให้เสียโอกาสทางด้านเศรษฐกิจ 

                แม้รัฐบาลกำลังลุยแก้ปัญหาโควิด หวังจะยับยั้ง แก้ปัญหาให้ได้โดยเร็ว ขณะเดียวกัน แนวรบในสภาฯ บางส่วน นอกสภาฯ อีกจำนวนหนึ่ง กำลังปลุกประชาชน ฟ้องรัฐบาล หวังให้เป็นคลัสเตอร์ใหม่แพร่ขยายไปในวงกว้าง.