หุ้นไทยร่วงหนัก 32.93 จุด รับกระแสล็อกดาวน์ โบรกฯห่วงจีดีพีตกรูด


เพิ่มเพื่อน    

 

8 ก.ค. 64 o ตลาดหุ้นไทยวันที่ 8 ก.ค. 64 ดัชนี SET Index ปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 1,543.67 จุด ปรับตัวลดลงหรือลบ -32.93 จุด คิดเป็นร้อยละ -2.09 % มีมูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสิ้น 110,954.66 ล้านบาท

 

ดัชนี SET50 อยู่ที่ 929.76 จุด ลดลง -18.47 จุด คิดเป็นร้อยละ -1.95% มีมูลค่าซื้อขายรวม 54,434.07 ล้านบาท

ดัชนี SET100 อยู่ที่ 2,120.32 จุด ลดลง -44.57 จุด คิดเป็นร้อยละ -2.06% มีมูลค่าซื้อขายรวม 75,569.31 ล้านบาท

 

ดัชนีตลาด mai ปิดที่ 485.88 ลดลง -23.52 คิดเป็นร้อยละ -4.62% มีมูลค่าซื้อขายรวม 7,847.20 ล้านบาท

สำหรับหลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับได้แก่

 

KBANK    ปิดที่ 111.50 บาท ลดลง -5.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,949.51 ล้านบาท

PTT  ปิดที่ 37.25 บาท ลดลง -1.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 4,819.55 ล้านบาท

PTTEP   ปิดที่ 114.50 บาท ลดลง -4.00 บาท มูลค่าการซื้อขาย 3,194.41 ล้านบาท

BDMS   ปิดที่ 94.50 บาท  เพิ่มขึ้น +0.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,871.22 ล้านบาท

BANPU  ปิดที่ 13.00 บาท ลดลง -0.40 บาท มูลค่าการซื้อขาย 2,687.31 ล้านบาท

   

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลง เนื่องจากปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยืดเยื้อและยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นสูงขึ้น รวมถึงข่าวการพิจารณามาตรการล็อกดาวน์จากการแพร่ระบาด ทำให้นักลงทุนต่างวิตกกังวลจะกระทบเศรษฐกิจของประเทศในครึ่งปีหลัง ซึ่งจะมีเพียงกลุ่มการแพทย์กลุ่มเดียวที่รับอานิสงส์จากโควิดระบาด อีกทั้งนักลงทุนได้ทยอยปรับพอร์ตเพื่อเตรียมรับมือกับเรื่องธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด ที่จะปรับลดการทำคิวอี ทำให้ฟันด์โฟลว์ ไหลไปสหรัฐฯ มากขึ้น

 

ขณะเดียวกันตลาดหุ้นเอเชียในช่วงเช้าวันนี้ติดลบไปกว่า 20 จุด จากความกังวลจะใช้มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิดมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่มีปัญหาอยู่ นักลงทุนจึงระมัดระวังการลงทุน ส่วนใหญ่ก็ได้ลดความเสี่ยงก่อน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 หลังมียอดผู้ติดเชื้อในภูมิภาคเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมัน ทั้งยังเพิ่มแรงหนุนให้กับการซื้อขายพันธบัตรและสกุลเงินดอลลาร์

 

นายภราดร เตียรณปราโมทย์ นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล. เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 7,000 ราย ส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ "เดลต้า" ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความกังวลอย่างมากว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจของประเทศ รวมถึงทางรัฐบาลได้มีการประชุมมาตราการล็อกดาวน์ ทำให้ตลาดเกิดความผันผวน ร่วงลงมากว่า 30 จุด คาดการณ์ว่าในไตรมาสที่ 3 ปีนี้อาจทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศลดลงมาอยู่ในจุดต่ำที่สุดของปี 64 ในกรณีที่การล็อกดาวน์มีการยืดเยื้อ

 

นอกจากนี้ ในปี 64 ตลาดหุ้นไทยขาดดุลไป 2 ครั้ง ตั้งแต่การแพร่ระบาดที่สมุทรสาคร และรอบแบ่งโซนในช่วงเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก่อนการประชุมของนายกฯ เรื่องมาตราการล็อกดาวน์ มักจะทำให้ตลาดหุ้นปรับฐานแรงลงมาเสมอประมาณ 4-6% ซึ่งการปรับในครั้งนี้จะอาจไปถึงแนวรับที่ 1,510 จุด ซึ่งเป็นแนวรับที่น่าสนใจในการเข้าสะสมใหม่อีกครั้ง โดยที่ผ่านมาจากคำสั่งมาตราการล็อกดาวน์จะให้ผู้ติดเชื้อลดลง และตลาดหุ้นไทยกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

 

  อย่างไรก็ตาม แนะนำให้ถือเงินสด 25% เพื่อรอหากผู้ติดเชื้อลดลงให้เริ่มเข้าสะสมอีกครั้ง ซึ่งหุ้นที่แนะนำยังคงเป็นประเภททนต่อสภาวะตลาดหุ้นที่กำลังลง หรือ Defensive Stock และหุ้นที่มีเกราะป้องกันโควิด-19 เช่น ในกลุ่มโรงพยาบาล เช่น BDMS เป็นต้น กลุ่มโรงไฟฟ้า เช่น GPSC และหุ้นที่ได้รับแรงหนุนมาจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง NER และ MCS เป็นต้น


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"