CIMBT ชี้ปัจจัยลบรุมฉุดเศรษฐกิจ คาดจีดีพีปีนี้หดเหลือโต1.3%


เพิ่มเพื่อน    

 

8 ก.ค. 2564 นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัย ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) หรือ CIMBT เปิดเผยว่า จากการระบาดของสถานการณ์โควิดระลอก 3 ที่มีแนวโน้มจะยาวนาน ประกอบกับการฉีดวัคซีนที่ล่าช้าหรือวัคซีนยังไม่ได้ประสิทธิภาพเต็มที่ สำนักงานวิจัยจึงได้ปรับประมาณเศรษฐกิจปี 64 ลงจาก 1.9% เหลือ 1.3% และปี 2565 ลงจาก 5.1% เหลือ 4.2% แต่ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจในปีนี้ จะเริ่มฟื้นตัวได้แต่ช้ากว่าที่เคยประเมินไว้ โดยอาจจะกลับมาได้ในช่วงของไตรมาสที่ 4 ของปี

 

 ส่วนการกระตุ้นเพื่อให้ประชาชนใช้จ่ายในช่วงสิ้นปี อาจจะเห็นได้น้อยกว่าปีก่อน เนื่องจากยังไม่มีความคลี่คลายของสถานการณ์ และยังมีการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่อง โดยยังมีปัญหาสำคัญที่จะเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เศรษฐกิจเติบโตได้ช้า แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤติ ได้แก่ ความไม่เท่าเทียมกันในกลุ่มธุรกิจ และสาขาอาชีพของคนในสังคม เนื่องจากในบางกลุ่มธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มที่เกี่ยวกับการส่งออก และธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีกำลังในการบริหาร อาจจะไม่ได้รับผลกระทบในช่วงนี้ แต่ขณะที่กลุ่มธุรกิจรายเล็ก หรือคนที่ประกอบอาชีพอิสระและไม่มีรายได้ประจำจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

 

 สำหรับสถานการณ์ส่งออกจะเห็นได้ว่าตอนนี้ในบางอุตสาหกรรมอาจจะยังขยายตัวได้ดี แต่หลังจากสถานการณ์กลับไปปกติแล้ว อาจจะทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมนั้น ๆ ได้รับความนิยมลดลง และจำเป็นต้องหาตลาดใหม่ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงยังมีปัจจัยเสี่ยงคือประสิทธิภาพของวัคซีน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก เนื่องจากปัจจุบันมีการกลายพันธุ์ของไวรัส แต่วัคซีนที่มีอยู่ในประเทศไทยอาจจะยังมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอในการดูแลเรื่องนี้ อาจจะส่งผลกระทบเพิ่มขึ้น

 

  ขณะที่ความหวังของเศรษฐกิจไทย ทางสำนักวิจัยก็ได้มีการประเมินไว้ดังนี้ 1.หากมีการฉีดวัคซีนเต็มที่และต่อเนื่อง เชื่อว่าจะสามารถจะมีภูมิคุ้มกันหมู่ได้ในปีนี้ และยังเชื่อมั่นว่าศักยภาพของการเร่งฉีดวัคซีนไม่มีปัญหาคอขวดแน่นอน 2.ในปัจจุบันคนว่างงานได้กลับไปสู่ภาคเกษตร โดยย้ายจากเมืองไปสู่ชนบท ซึ่งเป็นโอกาสเนื่องจากรายได้ภาคเกษตรกำลังฟื้นตัวค่อนข้างเร็ว และภัยแล้งไม่รุนแรงเท่าปีก่อนหน้า 3.นักท่องเที่ยวที่ยังเป็นความหวังของเศรษฐกิจอยู่นั้น หากมีความชัดเจนในการเปิดพื้นที่และมีการบริการจัดการได้ดี ยังเชื่อว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะสามารถช่วงพยุงเศรษฐกิจได้ในช่วงนี้ 

 

 นายอมรเทพ ยังกล่าวต่ออีกว่า 4.การใช้จ่ายภาครัฐ ที่แม้จะล่าช้าในช่วงนี้ แต่ก็จะสามารถเห็นผลสำเร็จได้ และหากจะต้องมีการล็อกดาวน์ก็ต้องมีการชดเชยในส่วนที่หายไป เชื่อมั่นว่าภาครัฐยังไม่ถึงสภาวะถังแตก และยังมีศักยภาพเพียงพอที่จะดูแลเศรษฐกิจได้ต่อไป 

 

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3-4 จะเริ่มเห็นการฟื้นตัวได้ในภาคการบริโภค ขณะที่ภาคการลงทุนอาจจะได้รับผลกระทบแรงกว่าการแพร่ระบาดระลอก 2 แต่ไม่เท่ารอบแรก เนื่องจากการส่งออกยังช่วยเหลือได้ และไม่มีการปิดโรงงาน โดยระลอกแรกการลงทุนชะลอแรงเนื่องจากไม่สามารถผลิตได้ เพราะต้องรับวัตถุดิบจากจีน ขณะที่การลงทุนของภาครัฐหรือการลงทุนเมกะโปรเจกต์อาจจะรอไปก่อน แต่อาจจะเห็นความฟื้นตัวได้ในไตรมาสที่ 4 รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ จะเห็นมากขึ้นในเดือน ส.ค. ของปี 64 นี้ 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"