กกร.เฉือนจีดีพีปีนี้โตเหลือ 0-1.5% รับโควิดพ่นพิษหนัก ระลอกใหม่ระบาดรวดเร็วรุนแรง ลุ้นส่งออกสดใสช่วยพยุงเศรษฐกิจ ชี้วัคซีนตัวแปรสำคัญพลิกสถานการณ์ จับตา GDP ติดลบหากไม่กระเตื้อง
เมื่อวันที่่ 7 กรกฎาคม นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติปรับลดประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ของไทยปี 2564 ลงมาอยู่ในกรอบ 0.0-1.5% จากเดิมคาดไว้อยู่ที่ 0.5-2% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยยังเผชิญความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการระบาดระลอกใหม่ที่รวดเร็วและรุนแรง กระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังคงจะอยู่ในกรอบ 1-1.2%
แม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกมีแนวโน้มแผ่วลงเล็กน้อยจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปเกือบ 100 ประเทศทั่วโลก ส่งผลให้หลายประเทศอย่างอังกฤษ รัสเซีย ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย ต้องกลับมายกระดับมาตรการควบคุมโรคอีกระลอก ซึ่งเป็นปัจจัยที่อาจกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการค้าโลกในระยะต่อไป แต่ภาคส่งออกไทยยังมีศักยภาพและมีโอกาสในการเติบโตมากกว่าที่คาดไว้เดิม โดย กกร.ได้ปรับเพิ่มประมาณการการส่งออกปี 2564 คาดขยายตัว 8-10% จากเดิมคาดไว้ที่ 5-7% ภายใต้เงื่อนไขสามารถควบคุมการระบาดในกลุ่มแรงงานภาคอุตสาหกรรมได้ และการฉีดวัคซีนให้แรงงานภายใต้ ม.33 ได้ทั่วถึง
“ต้องยอมรับว่าการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่รุนแรงและยาวนานขึ้นกว่าที่ประเมินไว้ก่อนหน้า และรุนแรงขึ้นจากเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา ทำให้จำเป็นต้องใช้มาตรการที่เข้มงวดในการควบคุมการระบาด แต่ภาคการผลิตของไทยยังมีความเสี่ยงจากการระบาด และการกระจายวัคซีนที่ยังไม่ทั่วถึง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินธุรกิจ การจ้างงานและรายได้แรงงานในพื้นที่ควบคุม อีกทั้งมาตรการจำกัดการเดินทางและข้อจำกัดในการกักตัวยังส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในประเทศตลอดช่วงไตรมาส 3/2564 และอาจกระทบต่อแผนการเปิดประเทศ” นายผยงระบุ
นอกจากนี้ เศรษฐกิจไทยยังต้องการแรงสนับสนุนจากทั้งนโยบายการเงินและการคลังเพิ่มเติม เพื่อพยุงกิจกรรมทางเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า เพราะการแพร่ระบาดที่มีแนวโน้มยืดเยื้อทำให้ผู้ประกอบการขาดความเชื่อมั่น สะท้อนการสำรวจโดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในเดือน มิ.ย. ที่พบว่าผู้ประกอบการคาดการณ์ว่าธุรกิจอาจจะฟื้นตัวได้ในครึ่งหลังของปี 2565 เป็นต้นไป ซึ่งช้ากว่าเดิม 6 เดือน
ด้านนายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ยอมรับมีความเป็นไปได้ที่จีดีพีปีนี้ของไทยจะติดลบ หากการแพร่ระบาดยังดำเนินอยู่ในลักษณะนี้ต่อไป และไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้คลี่คลายลงได้ และอาจนำไปสู่ความจำเป็นที่รัฐต้องประกาศพื้นที่ล็อกดาวน์เพิ่มเติม ประกอบกับนักท่องเที่ยวไม่สามารถเข้ามาได้ตามเป้าหมายที่วางแผนไว้
“หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น ก็มีโอกาสที่จีดีพีของไทยจะติดลบ แต่ขณะนี้ยังไม่มีอะไรแน่นอน ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจต่อไป ดังนั้นรัฐควรเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างทั่วถึง เนื่องจากเดือน มิ.ย.2565 ไทยจะได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปก : APEC 2022) ถือเป็นโอกาสฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ หากไม่เร่งดำเนินการ ไทยจะเสียโอกาส” ประธาน ส.อ.ท. ระบุ
รวมทั้งควรเร่งแผนจัดหาวัคซีนและมีจุดยืนชัดเจนทางเลือกเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 เพื่อพลิกสถานการณ์สร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวหรือนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในระยะยาว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |