มีข้อมูลล่าสุดรายงานว่า ชาวอเมริกันมีโอกาสติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 30% ในช่วง 1 เดือนที่จัดงานเลี้ยงวันเกิดในครอบครัว นักวิจัยจากโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดอย่าง “Harvard Medical School” และ RAND Corporation องค์กรที่ไม่แสวงหากำไรและดำเนินงานเกี่ยวกับการวิจัยและพัฒนา เพื่อช่วยปรับปรุงนโยบายและการตัดสินใจผ่านการวิจัยและการวิเคราะห์ ได้พิจารณาร่วมกันกรณีการติดเชื้อโควิด-19 ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานเลี้ยงวันเกิดของสมาชิกในครอบครัว ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงกันระหว่างการฉลองแฮปปี้เดย์กับการระบาดที่กำลังเกิดขึ้นนั่นเอง
พวกเขาพบว่าครัวเรือนที่อาศัยอยู่ในอำเภอต่างๆ ที่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 จากการเป่าเค้กวันเกิดสูงขึ้นต่อเดือนคิดเป็นร้อยละ 30 และการศึกษาดังกล่าวถูกพบเมื่อเร็วๆ นี้ แม้ว่าทีมวิจัยจะไม่สามารถรู้ได้ว่าครอบครัวใดจะจัดงานสังสรรค์หรืองานเลี้ยงวันเกิด แต่เชื่อว่าผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การพบปะสังสรรค์เล็กๆ น้อยๆ ตลอดช่วงการระบาดใหญ่ ทำให้ COVID-19 แพร่กระจายได้เช่นเดียวกัน
ดร.อัลปาม จีนา ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายการดูแลสุขภาพที่โรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ด Harvard Medical School กล่าวว่า “การรวมกลุ่มจัดกิจกรรมเป่าเค้กในครอบครัวเป็นส่วนสำคัญของโครงสร้างทางสังคม ที่รวบรวมครอบครัวและสังคมโดยรวมไว้ด้วยกัน ทั้งนี้เราต้องการให้เห็นว่าในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง พวกเขายังสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อ COVID-19 ได้อีกด้วย”
สำหรับการวิจัยดังกล่าวนั้นได้ทำการแบ่งเขตการตรวจสอบออกเป็น 10 กลุ่ม จากจำนวนประชากรทั้งสิ้น 10,000 คน และจากการตรวจสอบนั้นพบว่า ชุมชนหรืออำเภอที่มีการจัดงานวันเกิดน้อยที่สุด และไม่จัดงานเลี้ยงวันเกิด มีโอกาสติดเชื้อโรคโควิด-19 น้อยลงเช่นกัน กลับกันนั้น กลุ่มของอำเภอที่มีการติดเชื้อมากที่สุด เป็นกลุ่มของผู้ที่จัดงานวันเกิดนั่นเอง
อีกทั้งทีมวิจัยยังพบอีกว่ากลุ่มที่สิบ ซึ่งเป็นกลุ่มที่พบผู้ติดเชื้อโควิดมากที่สุดจากงานเลี้ยงดังกล่าว คิดเป็นการติดเชื้อร้อยละ 8.6 ต่อประชากรจำนวน 10,000 คน และผู้ติดเชื้อจากการจัดกิจกรรมวันเกิด ยังเป็นกลุ่มที่พบผู้ที่ติดเชื้อมากกว่ากลุ่ม คิดเป็นร้อยละ 30 ที่น่าสนใจ การจัดแฮปปี้เบิร์ธเดย์ในกลุ่มครอบครัวที่มีเด็ก จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้มากกว่าครอบครัวที่มีแต่ผู้ใหญ่ซึ่งจะจัดงานวันเกิดน้อยลง
กล่าวได้ว่า การติดเชื้อโควิด-19 ดังกล่าวเกิดจากการจัดงานเลี้ยงในครอบครัวที่มีเด็กมากกว่าครอบครัวที่มีแต่ผู้ใหญ่ และจำนวนของผู้ป่วยนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งขยับไปที่ร้อยละ 15.8 ต่อ 10,000 คน สำหรับวันเกิดของเด็ก ถ้าเทียบกับการจัดวันเกิดของผู้ใหญ่ที่พบการติดเชื้อเพียงร้อยละ 8.6 จากประชากร 10,000 คน
จากการวิจัยเชื่อว่าความเหลื่อมล้ำนี้น่าจะเกิดขึ้น เพราะครอบครัวมีโอกาสน้อย ที่จะยกเลิกการจัดงานเลี้ยงวันเกิดของเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เด็กๆ ต้องกักตัวอยู่ที่บ้านอันเนื่องมาจากการปิดโรงเรียน และในงานเลี้ยงวันเกิดของเด็กที่มีการกำหนดกฎเกณฑ์สำหรับการเว้นระยะห่างทางสังคมก็มีแนวโน้มน้อยที่จะปฏิบัติตาม
ผลวิจัยยังคาดการณ์อีกว่า สำหรับเมืองหรือเขตที่มีผู้ป่วยโควิด-19 น้อยลง เนื่องจากอาจมีการรวมตัวกันที่เป็นไปในเชิงปลอดภัย นั่นจึงทำให้มีโอกาสน้อยสำหรับการรวมตัวของผู้จะมีการติดเชื้อไวรัสร้ายและมารวมตัวกันอยู่ หรือเป็นไปได้ว่าคนที่อาศัยอยู่ในมณฑลเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะปฏิบัติตามแนวทางการเว้นระยะห่างทางสังคมมากขึ้น และการวิจัยที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้ทำแค่เฉพาะเมืองใดเมืองหนึ่ง เพื่อต้องการบอกว่าการจัดงานวันเกิดของเมืองนั้นๆ ทำให้เกิดการติดเชื้อโควิด-19 แต่อย่างใด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นนักวิจัยต้องการช่วยให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้นว่า เชื้อไวรัสร้ายแพร่กระจายได้อย่างไร และจะมีวิธีการในการลดการแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาได้อย่างไรบ้าง เพื่อเป็นประโยชน์ในครั้งต่อๆ ไปเมื่อมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอีก.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |