แฉเล่ห์'ทักษิณ'ฮุบสัมปทานดาวเทียมไทย! จับตาเปิดประมูลใหม่ส่อล็อกสเปก


เพิ่มเพื่อน    

5 ก.ค. 64 - นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รักษาการหัวหน้าพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ในหัวข้อ "บทสรุปสัมปทานดาวเทียมไทย" โดยระบุว่า ในระยะเวลา 30 ปีของการสัมปทานไทยคม  เราจะพบการใช้เล่ห์กลของนายทักษิณ ชินวัตร ในหลายๆ เหตุการณ์ หลายวาระ โดยเฉพาะหลังการมีอำนาจ ในฐานะนายกรัฐมนตรี แต่เป็นเจ้าของสัมปทาน ผูกขาดดาวเทียมของรัฐ ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้ 

ดาวเทียมไทยคม 1 ไม่มีปัญหา 

ดาวเทียมไทยคม 2 ไม่มีปัญหา 

ดาวเทียมไทยคม 3  สร้างปัญหา หลังจากที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี ตามเงื่อนไขที่ต้องส่งดาวเทียมสำรองคือไทยคม 4 แต่ไม่ยอมส่ง กลับส่งไทยคม 4 ในชื่อ IPstar ซึ่งเป็นดาวเทียมที่ใช้เชิงพาณิชย์ และสื่อสาร

อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ปกติแล้วดาวเทียมสำรอง ไทยคม 4 จะต้องมีคุณสมบัติเหมือนไทยคม 3 แต่นี่ไม่ใช่ 

ปรากฏว่าไทยคม 3 มีปัญหาการทำงาน แต่ไม่มีดาวเทียมสำรองใช้งาน ครั้นได้ค่าประกันดาวเทียมไทยคม 3 มา 33 ล้านเหรียญ ก็มีการใช้อำนาจพิเศษ เอาเงินจากก้อนนี้ 6.7 ล้านเหรียญ ไปเช่าช่องสัญญาณดาวเทียมต่างประเทศ  ทั้งๆ ที่ตนเองต้องรับผิดชอบ เพราะไม่ยอมส่งดาวเทียมสำรอง และเงินค่าเช่า ต้องเป็นความรับผิดชอบของไทยคมเอง แต่ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้บริษัทตนเอง 

ดาวเทียมไทยคม 4  ตามหลักแล้วต้องส่งเป็นดาวเทียมสำรอง เผื่อไทยคม 3 มีปัญหา แต่ไม่ยอมส่ง แต่มาส่งเป็น IPstar ซึ่งเป็นดาวเทียมเชิงพาณิชย์ ส่งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ที่ทันสมัยที่สุดด้วยหลักการแล้ว ดวงนี้ต้องถือเป็นดวงหลักดวงใหม่ ต้องจ่ายค่าสัมปทานตามสัญญาใหม่ แต่ใช้กลไกพิเศษให้ตีความว่า เป็นดาวเทียมสำรอง ของไทยคม 3

เมื่อ IPstar ถูกตีความเป็นดาวเทียมสำรอง ก็ไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มให้รัฐ สามารถไปแสวงหาผลประโยชน์ สร้างความร่ำรวยได้เต็มที่ มีการใช้งานในประเทศไทยเพียง 6% มี 1 สถานีภาคพื้นดิน แต่ใช้หาผลประโยชน์กับต่างประเทศ 96% ใน 14 ประเทศ 18 สถานีภาคพื้นดิน ถือว่าดวงนี้น่าจะสร้างความมั่งคั่ง ให้กับตนเองมาก 

ดาวเทียมไทยคม 5  สร้างทดแทนไทยคม 3 ที่ใช้การไม่ได้ แต่ก็มีปัญหาที่ไทยคม 5 นี้ ก็ใช้การไม่ได้ก่อนหมดอายุ ตามหลักต้องสร้างทดแทนดวงใหม่ แต่ก็ไม่ยอมสร้าง 

ดาวเทียมไทยคม 6 เป็นดาวเทียมสำรองดวง 5 ปัญหาที่เกิดคือ ไม่ได้สร้างตามมาตรฐานดวง 5 แต่มาสร้างขนาดเล็กลง 

ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 สร้างหลังจากมี พ.ร.บ. กสทช. และอนุมัติโดย ครม.นางสาวยิ่งลักษณ์ กำลังมีปัญหากับภาครัฐ เพราะไม่ยอมส่งมอบ โดยอ้างว่าสร้างตามใบอนุญาต แต่ กสทช. ก็อ้างภายใต้การสัมปทาน ซึ่งกำลังถกข้อกฎหมาย 

ปัญหาของดวง 7 ที่น่าสนใจคือ ตอนที่ส่งก็อ้างเพื่อส่งไปคุ้มครองสิทธิ์ในวงจร แต่แทนที่จะสร้างเอง กลับไม่ได้สร้างเอง ไปลากดาวเทียมของฮ่องกงมาอยู่ในสิทธิวงโคจรไทย คือเอเชียแซท 6 แต่แบ่งทรานส์ปอนเดอร์ฝั่งละ 14 ทรานส์ปอนเดอร์ เท่ากับผลประโยชน์คนละครึ่ง ระหว่างไทยคมกับเอเชียแซท 6 ของฮ่องกง แต่การที่มาอาศัยวงโคจรที่เป็นสมบัติของชาติ หากดวงนี้ไปสร้างปัญหา ประเทศชาติต้องรับผิดชอบ 

สัมปทานดาวเทียมไทยคมกำลังจะหมดอายุ ในวันที่ 10 กันยายน 2564 กำลังจะเปิดประมูลครั้งใหม่ ให้สัญญา 20 ปี ยังไม่ทันเริ่มต้น ก็ล็อกคุณสมบัติ ให้บริษัทที่มีประสบการณ์ดาวเทียม ซึ่งทั้งประเทศมีแค่ไทยคมบริษัทเดียว แต่เมื่อ 30 ปีที่แล้วตอนนายทักษิณประมูล และไม่เคยมีประสบการณ์ดาวเทียม กลับให้ประมูลได้ 

จึงไม่แปลกที่กลุ่มทุนพลังงานอย่าง GULF  เข้ามาซื้อ INTUCH ซึ่งคือหุ้นชินคอร์ปเก่า เพราะ INTUCH ถือหุ้นไทยคม 41% และมีหุ้น AIS อีก 40% เท่ากับว่าทุนผูกขาดใหม่แตะมือรับไม้ การผูกขาดกิจการสื่อสารและโทรคมนาคม จากทุนผูกขาดเก่า ถ้าผูกขาดดาวเทียมได้ ก็แทบจะผูกขาดการสื่อสารและโทรคมนาคมของชาติได้ ไม่ต้องพูดถึงบริษัทมือถืออื่นๆ

จึงไม่แปลกที่มีข่าว นอกจากจะใช้เงิน 1.69 แสนล้านมาซื้อ INTUCH เพื่อได้สิทธิ์ไทยคมและ AIS ยังมีแผนซื้อ AIS แยกอีก 3.6 แสนล้าน ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนี้ เมื่อยึดดาวเทียมได้ ทุกอย่างก็ง่าย ประเทศก็คงอยู่ใต้ทุนผูกขาดใหม่ ที่แตะมือกับทุนผูกขาดดาวเทียมเก่า ลองคิดดูครับ ประชาชนไทยและประเทศชาติ จะเป็นอย่างไร? 

ติดตามรายละเอียดไลฟ์สด หมอวรงค์ ดาวเทียมไทยคม : ขุมทรัพย์ของชาติในอวกาศ คลิกลิงก์ได้เลยครับ : https://fb.watch/6wXDv79fWC/


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"