ฝ่ายค้านมุ่งมั่น จัดศึก‘ซักฟอก’ ก่อนปิดประชุม


เพิ่มเพื่อน    

ฝ่ายค้านขึงขัง ขู่จองกฐินเปิดซักฟอกรัฐบาลก่อนปิดสมัยประชุมสภา เพื่อไทยหยั่งเสียง ส.ส.อังคารนี้  พรรคก้าวไกลลั่นร่าง พ.ร.บ.งบฯ 65 ผ่านวาระสามเมื่อไหร่เจอกันแน่ เน้นทุบเรื่องงบประมาณ พรรคเล็กฟันธง ถ้ายุบสภาตอนนี้แล้วจัดเลือกตั้ง ฝ่าย รบ.แพ้ฝ่ายตรงข้าม จากผลแก้โควิดไม่เข้าเป้า
    เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง  เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า ในวันที่ 6  กรกฎาคม พรรคเพื่อไทยจะเรียกประชุม ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อหารือถึงเรื่องการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล  โดยจะสอบถามความเห็นว่าจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบลงมติหรือเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ
    นายประเสริฐกล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าสามารถยื่นอภิปรายได้ทั้งสองแบบ แต่หากจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติต้องมีประเด็นที่หลากหลาย โดยเฉพาะประเด็นเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งพรรคเตรียมตั้งคณะทำงานขึ้นมารองรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในครั้งนี้ เพื่อศึกษารายละเอียดและหาข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยจัดทำเป็นระบบ มีนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ในฐานะประธานวิปฝ่านค้าน เป็นหัวหน้าคณะทำงานชุดนี้ ทั้งนี้เมื่อพรรคหารือจนได้ข้อสรุปแล้ว คงจะมีการหารือร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้งหนึ่ง
    นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการหารืออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ฝ่ายค้านยังไม่ทราบว่ามีการหารืออย่างเป็นทางการ แต่ในส่วนของพรรคได้เตรียมข้อมูลกันแล้ว เนื่องจาก 2 ครั้งที่ผ่านมาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเกิดขึ้นในช่วงปลายสมัยประชุม คือเดือน ก.พ.  แต่ครั้งนี้จะยื่นญัตติอภิปรายไม่วางใจเร็วขึ้นกว่า 2 ครั้งที่เคยมีมา ส่วนการหารือในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ขณะนี้ในวิปฝ่ายค้านยังไม่มีการคุยกัน แต่อาจหารือกันในระดับเลขาธิการพรรค 
“พรรคก้าวไกลมีการเตรียมข้อมูลกันอยู่ เป็นทีมที่เคยทำงานกันอยู่แล้วตั้งแต่การอภิปรายทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา  แต่ช่วงนี้เน้นหนักเรื่องงบประมาณอยู่ เพราะการอภิปรายไม่ไว้วางใจทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมามีข้อมูลหลายจุดที่ได้มาจากคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา แต่เป็นเพียงแค่ข้อมูลส่วนหนึ่งที่เอามาใช้อภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังจากงบประมาณผ่านวาระ 3 เสร็จประมาณปลายเดือน ก.ย. ในเดือน ต.ค.หรือ พ.ย.ก็จะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ”
    ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 จะอยู่กับเราอีกยาวนานเท่าไรเราก็ไม่รู้ ถ้าเรากลัวและหนี เช่น หยุดงาน ไม่ทำงาน ไม่ประชุม  เพื่อรอให้หมดไป มันอาจจะไม่หมดก็ได้ งานก็ไม่ได้ทำ  เราก็ต้องประชุมต่อไปยังทำงานได้ปกติ
    นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ และเลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในสัปดาห์นี้ว่า ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคได้กำชับ ส.ส.ของพรรคให้เข้าร่วมประชุมสภา ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่และภารกิจสำคัญ ไม่อยากให้มีความกังวลเรื่องโควิด-19 เพราะมั่นใจในการควบคุมป้องกันของรัฐสภาที่ปฏิบัติตามมาตรการของ ศบค.อย่างเคร่งครัด และทุกคนก็ต้องให้ความร่วมมือกับรัฐสภาในการปฏิบัติตนอย่างเต็มที่ ซึ่งต้องรอฟังผลการประชุมของวิปทั้ง 4 ฝ่ายในวันที่ 6 กรกฎาคม 2564  และผลเป็นอย่างไรในเรื่องการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนของพรรคก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ เพราะมีกฎหมายสำคัญหลายฉบับที่ยังค้างการพิจารณาอยู่ รวมถึงญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณา เรื่องการแก้ปัญหาการบริหารจัดการโรคโควิด-19 เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรอภิปรายทั่วไปและส่งให้รัฐบาลดำเนินการ ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณา ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์โควิด 
    นายคฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล หัวหน้าพรรคเพื่อชาติไทย กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองที่มีม็อบหลายกลุ่มออกมาถล่มรัฐบาลอยู่ในขณะนี้ว่า ถึงแม้จะมีกลุ่มผู้ชุมนุมหลายกลุ่มออกมาขับไล่รัฐบาลให้ลาออกทุกวัน ก็แค่สีสันทางการเมืองเท่านั้น เพราะไม่อาจทำให้รัฐบาลต้องยุบสภา หรือนายกฯ ลาออกได้ เนื่องจากมองภาพรวมแล้วรัฐบาลยังไม่เป็นต่อทางการเมือง หากยุบสภาในช่วงนี้แล้วมีการเลือกตั้งก็อาจแพ้พรรคฝั่งตรงข้าม โดยเฉพาะปัญหาโรคโควิด–19 ยังอ่วมอยู่ มั่นใจว่ารัฐบาลคงประคับประคองจนกว่าจะครบวาระ นายกฯ คงไม่มีการยุบสภาในสถานการณ์ ที่รัฐบาลยังไม่มีความได้เปรียบทางการเมือง 
    วันเดียวกัน ณ ที่ทำการพรรคไทยสร้างไทย (ชั่วคราว) ย่านลาดปลาเค้า คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์  ประธานพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรค อาทิ นายโภคิน  พลกุล, นายพงศกร อรรณนพพร, นายวัฒนา เมืองสุข,  นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น, น.ต.ศิธา ทิวารี และสมาชิกพรรค  ได้จัดงานแถลงข่าวภารกิจและพันธกิจครั้งสำคัญของพรรค  ภายใต้ชื่องานไทยสร้างไทย เดินหน้าสร้างประเทศไทย  และยังได้จัดการประชุมผู้บริหารพรรค ตัวแทนสาขา ตัวแทนสมาชิกประจำเขต และสมาชิกพรรคทั่วประเทศกว่า  300 เขต ผ่านระบบ Zoom ด้วย
    คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า ปีนี้เป็นปีที่ทำงานการเมืองมาครบ 29 ปี ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นประเทศไทยเดินมาถึงจุดตกต่ำและวิกฤติที่สุด ประชาชนทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสจากการทำงานอย่างไร้ประสิทธิภาพของอำนาจนิยมเผด็จการ จนทำให้วิกฤติโควิดและวิกฤติเศรษฐกิจสาหัสขึ้นทุกวัน ผู้คนอดอยาก ธุรกิจจำนวนมากต้องปิดตัว  คนตกงานทวีจำนวนมากขึ้นทุกวัน ประชาชนอ่อนล้าอ่อนแรงเกินกว่าที่จะเดินสู้ต่อไปได้แล้ว หมอต้องเลือกว่าจะรักษาใคร จะต้องชี้ให้ใครอยู่ให้ใครไปเพราะไอซียูไม่พอ ผู้ป่วยจำนวนมากต้องนอนรอเตียงจนตายคาบ้าน ข่าวสะเทือนใจแบบนี้มีให้เราเห็นทุกวัน วัคซีนดีๆ ที่ป้องกันเชื้อกลายพันธุ์ที่กำลังระบาดและคร่าชีวิตคนไทยจำนวนมากอยู่ในขณะนี้ รัฐบาลก็ไม่ใส่ใจ ไม่ขวนขวายหามาให้ประชาชน แถมยังมีพฤติกรรมไม่สนับสนุน และขัดขวางเอกชนไม่ให้นำเข้าวัคซีนที่มีคุณภาพดีได้อย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ประชาชนเสี่ยงตายไปตามยถากรรม
    คุณหญิงสุดารัตน์ย้ำว่า เป้าหมายและนโยบายที่สำคัญของพรรคคือ อยากให้พรรคไทยสร้างไทยเป็นพรรคของคนตัวเล็กทุกคนในประเทศนี้ คนที่มีความคิด มีความสามารถ มีความฝันแต่ยังขาดโอกาส เพราะถูกกดทับจากระบบของรัฐราชการรวมศูนย์ ให้เข้ามาร่วมกันใช้พรรคไทยสร้างไทยเป็นเครื่องขยายเสียง ให้คนตัวเล็กได้มีสิทธิ์ มีเสียง มีโอกาส มีชีวิตที่ดีได้ในสังคมไทย โดยภารกิจครั้งสำคัญนี้ต้องนำพาประเทศให้ออกจากความเลวร้ายของรัฐราชการอำนาจนิยม ที่กดทับโอกาสของประชาชนและสร้างความพังพินาศให้ประเทศชาติ จึงต้องมีพรรคการเมืองที่ สามารถเป็นทางออกของประเทศ ด้วยเหตุนี้ตนและผู้ร่วมอุดมการณ์จึงได้ก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทยขึ้นเพื่อหวังว่าจะเป็นทางออกของประเทศ
    “ในช่วงเวลาที่มืดมนที่สุด พวกเราทุกคนต้องจับมือกันก้าวเดินต่อไป แม้จะมีอุปสรรคขวากหนามหรืออดีตที่เหนียวรั้งเราไว้ ก็ขออย่าหยุดเดิน เมื่อม่านหมอกแห่งความกลัวของเวลาที่มืดมนจางหายไป เมื่อนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ คือแสงสว่างและอนาคตของพวกเราทุกคน มาร่วมกันสร้างประเทศไทยที่ดีที่สุด เพื่อส่งมอบให้กับลูกหลานของเรา กับพรรคไทยสร้างไทยด้วยกัน” คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว
    ขณะที่ น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนาพรรคไทยสร้างไทย กล่าวตอนหนึ่งว่า เรามาถึงยุคที่ผู้นำประเทศไม่จำเป็นต้องยึดโยงกับประชาชน เพราะใช้กลไกในรัฐธรรมนูญตั้งคนของตัวเองเพื่อเลือกตัวเองเป็นนายกฯ ได้ ขณะเดียวกันเรามาถึงยุคที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านอภิปรายความไม่โปร่งใสในการ บริหารราชการแผ่นดิน แต่ผู้บริหารประเทศพูดแค่ 3-4 คำก็สามารถที่จะชนะโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปได้อย่างสบายๆ เรามาถึงยุคที่มีเงินก็ซื้อวัคซีนดีๆ ไม่ได้  ทั้งที่วัคซีนดีๆ มีตั้งแต่ราคาแค่โดสละไม่กี่ร้อยบาท แต่ประชาชนกลับต้องมาเอาชีวิตทั้งชีวิตเป็นเดิมพัน หาวัคซีนฉีดไม่ได้ ได้คิวฉีดก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก งานก็ต้องออกไปทำ  ต้องออกไปพบปะผู้คน โดยถ้าพลาดพลั้งไปติดเชื้อโควิดขึ้นมาอาจถึงขั้นต้องสูญเสียชีวิตได้. 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"