"ผู้ว่าฯ วีระศักดิ์" พ้อใครจะรู้บ้างหมอ-พยาบาลทำงานไม่มีวันหยุด เตียงใน รพ.รัฐทั้ง 3 แห่งแทบไม่มีคนท้องถิ่น แถมวัคซีนไม่มาตามกำหนด บอกสมุทรสาครเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร "ปากน้ำ" ยอดติดเชื้อพุ่งต่อเนื่อง "อนุชา" ชวนชาวชัยนาทป่วยกลับมารักษาที่จังหวัด "นครศรีธรรมราช" คนนครแห่มารักษาตัวที่ รพ.บ้านเกิดคืนเดียว 10 ราย คลัสเตอร์โรงเรียนสอนศาสนาชายแดนใต้ยังทำผู้ป่วยเพิ่มต่อเนื่อง
    เมื่อวันที่ 4 ก.ค. นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว เรื่องใครจะรู้บ้าง ระบุว่า ท่ามกลางเสียงก่นด่า วัคซีนไม่มาตามกำหนด จังหวัดนัดคนมาฉีดได้อย่างไร แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่า หมอกับพยาบาลต้องทำงานโดยไม่มีวันหยุด บางคนติดเชื้อเองเ พราะคนไข้ปกปิดไทม์ไลน์ หลายคนต้องกักตัว ทุกคนเหนื่อยมาก นอกจากวัคซีนไม่พอ คนเคยช่วยงานกลับลดน้อยลงด้วย ท่ามกลางเสียงพูดว่า เตียงไม่พอ ไม่เห็นเป็นอย่างผู้ว่าฯ พูดบ่อยๆ ว่า คนสมุทรสาครต้องได้รับการดูแล แต่ไม่มีสักคนที่รู้ว่า ณ ขณะนี้โรงพยาบาลรัฐทั้ง 3 แทบจะไม่มีคนต่างถิ่นอยู่ นอกจากโรงพยาบาลเอกชน และโรงพยาบาลสนาม สถิติตัวเลขผู้ป่วยที่มากขึ้น การจัดตั้งศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งใหม่เพิ่มขึ้น เป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง บอกได้ว่าสถานการณ์วิกฤติเพียงไร
    "เห็นนายอำเภอทั้งสาม ร่วมกับวัด กับท้องถิ่น เตรียมสถานที่สร้างโรงพยาบาลสนามแล้ว เหนื่อยแทน เห็นทีมงานของโรงพยาบาลรับคนเข้าคนออก คอยดูแลคนไข้แต่ละคนอย่างสุดกำลัง นอกจากกังวลเพราะคนหลายร้อยมาอยู่ในที่เดียวกันแล้ว ยังอยากร้องไห้ ประชุมในแต่ละครั้ง ประธานทั้งดุ ทั้งขู่ ให้ทุกคนทุกหน่วยงานทำงานแข่งกับเวลา หลายคนถอดใจ ผู้ว่าฯ ไม่เห็นใจคนทำงานบ้างเลย เอาใจแต่ประชาชน อะไรก็ชาวบ้าน ส่วนชาวบ้านก็เห็นว่า อะไรก็เข้าข้างข้าราชการ ทวงวัคซีน ดูท่าจะเอาหน้าอย่างเดียว สมุทรสาครเดินทางมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร" ผู้ว่าฯ สมุทรสาครระบุ 
    สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานสถานการณ์โควิดพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 395 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 26,713 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 2,970 ราย รักษาหาย 97 ราย เสียชีวิต 2 ราย ฉีดวัคซีนแล้ว 285,371 โดส เหลือว่าง 254 เตียง พร้อมเร่งเปิดศูนย์ห่วงใยคนสาคร จาก 3 ศูนย์ เพิ่มเป็น 7 ศูนย์ เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิดที่เพิ่มมากขึ้น
    จ.สมุทรปราการ นพ.พรณรงค์ ศรีม่วง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดสมุทรปราการ รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อโควิด พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 412  ราย เป็นผู้ป่วยในพื้นที่จำนวน 319 ราย อำเภอเมืองสมุทรปราการ จำนวน 151 ราย อำเภอพระประแดง จำนวน 65 ราย อำเภอพระสมุทรเจดีย์ 35 ราย อำเภอบางพลี จำนวน 49 ราย อำเภอบางเสาธง จำนวน 13 ราย อำเภอบางบ่อ 6 ราย โรงพยาบาลเอกชนรับมารักษาต่อในสมุทรปราการ จำนวน 93 ราย เสียชีวิต 3 ราย เป็นเพศหญิงทั้งหมด อายุ 85 ปี 67 ปี และ 54 ปี ทั้งหมดเป็นผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว รวมเสียชีวิตสะสม 180 ราย การตรวจคัดกรองเฝ้าระวังในคลินิก ARI และในชุมชน จำนวน 234,019 ราย พบเชื้อ 15,690 ราย
    จ.ชัยนาท นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เดินทางไปตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลสนามองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท บริเวณสนามกีฬาเขาพลอง อ.เมือง จ.ชัยนาท โดยนายอนุชากล่าวว่า ฝากถึงพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดชัยนาท หากท่านไปอยู่ที่ไหนแห่งใดของประเทศ แล้วท่านกำลังประสบกับความเดือดร้อน เพราะว่าบางครั้งหลายพื้นที่อาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของการดูแล เพราะว่ามีจำนวนผู้ป่วยมาก อยากให้พี่น้องที่ได้รับผลกระทบนั้นกลับมาชัยนาท จังหวัดชัยนาทยินดีที่จะต้อนรับและดูแลท่านอย่างดีเยี่ยม อย่างน้อยๆ ท่านกลับมาเถอะที่จังหวัดชัยนาทมีความรักความอบอุ่นรออยู่สำหรับคนชัยนาทอย่างแน่นนอน
    จ.มุกดาหาร นายปิติณัช  นิธิศธานี นายอำเภอหนองสูง ระบุว่า พบผู้ติดเชื้อในพื้นที่ ตำบลหนองสูงเหนืออีก 4 ราย จึงมีมติให้เร่งรัดการตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยงสูงทั้งหมด และปิดการเข้า-ออกหมู่ที่ 4 ตำบลหนองสูงเหนือ อำเภอหนองสูง ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 วัน เพื่อเฝ้าระวังและตรวจคัดกรองในหมู่บ้านจำนวนกว่า 100 ครัวเรือน รวมแล้ว 200 คน พร้อมปิดโรงเรียน 14 วัน ในเขตพื้นที่ความเสี่ยงสูงมี 2 แห่ง เป็นโรงเรียนมัธยมและโรงเรียนที่สอนตั้งแต่ อนุบาลถึงประถม ในอำเภอหนองสูง โดยรวมแล้ว อ.หนองสูง ติดเชื้อโควิด-19 รวม 3 วัน 13 ราย  
    จ.บุรีรัมย์ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มอีก 21 ราย กระจายใน 9 อำเภอ ขณะผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรค 762 ราย ส่วนการเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่สีแดงเข้ม/แดง/ส้ม 22,165 ราย กักตัวที่บ้าน 20,656 ราย และกักตัวในท้องถิ่น 1,509 ราย
    จ.นครราชสีมา พบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม 77 ราย กระจายอยู่ในพื้นที่หลายอำเภอ รวม 31 อำเภอ จากที่มี 32 อำเภอ ผู้ป่วยรายใหม่ส่วนใหญ่ติดเชื้อมาจากการสัมผัสผู้ป่วยรายก่อนหน้า และเป็นผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง 
    จ.นครศรีธรรมราช นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผอ.รพ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังผู้ว่าฯ ประกาศให้ชาวนครศรีธรรมราชที่ติดเชื้อโควิดจากพื้นที่สีแดงและต้องการกลับมารักษาตัวที่บ้านเกิดจาก จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้เปิด 7 รพ.ไว้รองรับ ซึ่งล่าสุดเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมาได้มีชาวนครศรีธรรมราชที่ป่วยติดเชื้อโควิดและแจ้งขอเข้ารับการรักษาที่ รพ.สิชลแล้วจำนวน 10 ราย โดยผู้ป่วยทั้ง 10 คน ได้เดินทางมาถึง รพ.สิชลแล้ว เมื่อเวลา 23.45 น. และ 04.00 น. และ 05.30 น. โดยทุกคนเข้าที่พักหอผู้ป่วยโควิดและทีมแพทย์ พยาบาล เภสัชกร นักรังสี เทคนิคการแพทย์ ร่วมประเมินอาการ เอกซเรย์ ตรวจเลือด ให้การรักษาเป็นที่เรียบร้อยแล้วทุกคน
    จ.กระบี่ พบผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ โรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม อ.คลองท่อม  จ.กระบี่ ติดเชื้อเพิ่มเป็น 15 ราย หลังเจ้าหน้าที่กลุ่มงานควบคุมโรค สสจ.กระบี่ ร่วมกับหน่วยควบคุมโรคติดต่อ อ.คลองท่อม อ.เมืองกระบี่ และ อ.เหนือคลอง ลงพื้นที่สอบสวนโรคและตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยง จำนวน 490 ราย เป็นเด็กนักเรียนและบุคลากรในโรงเรียน ภายในโรงเรียนเอกภาพศาสนวิชญ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม หรือปอเนาะทรายขาว ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม จ.กระบี่ หลังพบนักเรียนติดเชื้อแล้วจำนวน 11 ราย   
    จ.สงขลา พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 232 ราย เสียชีวิต 1 ราย ซึ่งมาจากกลุ่มผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อในโรงงาน กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในชุมชน กลุ่มผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อในพื้นที่ เช่น มาจากโรงเรียนสอนศาสนา ชุมชน สถานศึกษา ร้านค้า ห้าง กลุ่มรอการสอบสวนโรคและกลุ่มผู้สัมผัสอื่นๆ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อสะสม 6,306 ราย เสียชีวิตสะสม 23 คน นอนโรงพยาบาลกว่า 2,500 คน รักษาหายแล้ว 3,580 ราย 
    จ.ปัตตานี สถานการณ์โควิดในพื้นที่ยังวิกฤติหนัก ยอดผู้ติดเชื้อสูงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพบ
ผู้ติดเชื้อ จำนวน 215 คน มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 2,938 คน รักษาหายแล้ว 1,390 คน และ 2 วัน คร่าชีวิตเพิ่มอีก 2 คน ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 15 คน และมีกลุ่มเสี่ยงสูงส่งตรวจเชื้อโควิดกว่า 8,000 คน ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศมาเลเซีย ปัจจุบันกักตัว 104 คน และต้องจับตาผู้ที่กำลังจะ เดินทางกลับอีก ซึ่งอาจจะพาเชื้อสายพันธุ์เบตาเข้ามาแบบไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับสายพันธุ์เดลตาเช่นกัน
    พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจแนวชายแดนใน อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ซึ่งมีช่องทางส่วนใหญ่เป็นช่องทางธรรมชาติที่คนต่างด้าวและชาวไทยใช้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยเน้นย้ำให้กวดขันเกี่ยวกับการหลบหนีเข้าเมือง ซึ่ง พล.ต.ต.พิชญ์วุฒิ สงวนสมบัติศิริ ผบก.ภ.จว.ปัตตานี และ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ ผบก.ภ.จว.ยะลา รายงานสถานการณ์การลักลอบเข้าเมืองลดน้อยลง เพราะตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งเพราะด่านพรมแดนเปิดให้คนไทยข้ามแดนได้ 3 วันต่อสัปดาห์.