3 ก.ค.64 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 15.30 น. กลุ่มประชาชนคนไทย นำโดย นายนิติธร ล้ำเหลือ หรือ ทนายนกเขา พร้อมรถบรรทุกติดตั้งเครื่องขยายเสียง ถึงบริเวณแยกยมราช เจรจาต่อรองเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อขอผ่านไปยังด้านหน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันและขับไล่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ บชน. ได้มีการสอบถามถึงแนวปฏิบัติ ในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งทางกลุ่มก็มีการวางมาตรการข้อปฏิบัติ คือ ต้องวัดอุณหภูมิจากทางจุดเข้า ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ ลงชื่อ สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา รวมไปถึงรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล 

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปล่อยให้กลุ่มประชาชนคนไทย ผ่านเข้ามาชุมนุมยังบริเวณด้านหน้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร แยกพาณิชยการ โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน 1 กองร้อย ตั้งแนวรั้วลวดหนามหีบเพลง 2 ชั้น ประกอบรั้วเหล็ก และรถฉีดน้ำแรงดันสูง หรือจีโน่ประจำการด้านข้างตึกสันติไมตรีทำเนียบรัฐบาล จำนวน 1 คัน 

โดยกลุ่มประชาชนคนไทย ยืนยันว่า การเคลื่อนไหววันนี้ ได้ระวังและวางมาตรการสำคัญป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัส โควิด -19 ทำตามเงื่อนไขกฎระเบียบที่วางไว้ทุกประการ พร้อมขอให้ติดตามการเคลื่อนไหวยังจุดต่างๆ แต่อย่ารวมกลุ่ม รูปแบบการชุมนุมจะเป็นเวทีปราศรัยที่จัดเสวนา และการแสดงดนตรี ขณะที่สภาพการจราจรมีการปิดถนนพิษณุโลกฝั่งขาเข้า ช่วงแยกนางเลิ้งถึงแยกพาณิชย์การ ซึ่งมีการเปิดการจราจรสวนเลนส์ในฝั่งถนนพิษณุโลกฝั่งขาออก เพื่อให้ประชาชนสามารถสัญจรได้ตามปกติ 

นายนิติธร ยืนยันว่า จุดมุ่งหมายของการชุมนุมคือต้องการให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลาออก เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่มาบริหาร  พร้อมระบุว่า แนวทางการปราศรัยเน้นหนักเรื่องการบริหารบ้านเมืองและการแสดงวัฒนธรรม ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมจะมาหรือไม่  ไม่ใช่ปัญหาแต่คือติดตามและการรับรู้ เพราะพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลล้มเหลวในการแก้โควิด -19 ใช้งบประมาณใน การบริหารงานตั้งแต่เข้ามาบริหารงานจำนวน 20 ล้านล้านบาท แต่ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้แม้แต่เรื่องเดียว และหากปล่อยให้บริหารต่อไปจะยิ่งสร้างความเสียหายให้ประเทศ  

นายนิติธร กล่าวว่า สถานการณ์วันนี้มีประชาชนและกลุ่มชุมนุมทุกกลุ่มเห็นด้วยกับการให้พลเอกประยุทธ์ นั้นลาออก ยิ่งลาออกเร็วเท่าไหร่ ยิ่งดี ตนไม่อยากให้เกิดความรุนแรง พร้อมกับระบุว่าท่าทีของ นายกรัฐมนตรีที่ไม่ตอบคำถามสื่อมวลชนที่จ.ภูเก็ต เรื่องผู้เสียชีวิตที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น รวมถึงพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่บอกว่าแล้วจะเอาอะไรอีกในการเยียวยาประชาชร แสดงให้เห็นเนื้อแท้ของรัฐบาลที่ไม่มีประชาชนในหัวใจ ซึ่งตนเข้าใจว่านายกรัฐมนตรีไปปฏิบัติหน้าที่ แต่ถ้าหากทำอะไรไม่ได้ ก็สามารถพูดให้กำลังใจได้ เพราะความตายของประชาชนสำคัญกว่าการลงพื้นที่จ.ภูเก็ต

ทั้งนี้นายนิติธร ยืนยัน ว่าจะไม่มีการรวมเวทีกับกลุ่มไทยไม่ทนของนายจตุพร พรหมพันธุ์ แต่อย่างไร แต่ในวันข้างหน้าตนยังไม่ทราบขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และจากนี้ไปจะมีการชุมนุมจะมีการปรับเป็นในทุกช่องทาง และอาจมีการชุมนุมทุกวัน