ปฐมกถา 'นายกฯ เผด็จการ'


เพิ่มเพื่อน    

      "นายกฯ ประยุทธ์"...........

      กลั่นใจเป็นคำ "สื่อ-ถึง-สื่อ" เมื่อวาน (๖ มิ.ย.๖๑)

      ต้องบอกว่า.......

      นี้คือ สปิริต "ประชาธิปไตย" จาก "ผู้นำเผด็จการ" อันหาไม่ได้และไม่เคยปรากฏมาก่อน

      จาก "ผู้นำเลือกตั้ง"!

      ๔ ปี ในภารกิจนำ "ตัดผุ" ประเทศ นายกฯ ประยุทธ์ "พูดกับสื่อ" เกือบ ๒,๐๐๐ ครั้ง

      ครั้งนี้ "ครั้งแรก"..........

      นายกฯ ไม่ได้ พูด "กับ" สื่อ

      หากแต่ "ลูกผู้ชาย" คนหนึ่ง ในความเป็น "สุภาพบุรุษ" ชื่อประยุทธ์ พูด "ถึง" สื่อ!

      ต้องบันทึกไว้ในหมวด "ประวัติการเมือง" นับจาก "จอมพล ป. พิบูลสงคราม" นายกรัฐมนตรี เดินทางรอบโลก เมื่อปี พ.ศ.๒๔๙๖

      กลับมา............

      ท่านนำเชื้อเสรีภาพทางการเมืองและทางสื่อหนังสือพิมพ์ อย่างที่เห็นในสวนสาธารณะลอนดอน "ไฮด์ปาร์ก" มาแพร่ในประเทศด้วย

      ตกเย็น "เสรีภาพบนลังสบู่" เกลื่อนท้องสนามหลวง โดยเฉพาะเสาร์-อาทิตย์

      ดาวไฮด์ปาร์ก จะยืนบนลังสบู่ ถือโทรโข่ง "เปิดไฮด์ปาร์ก" ถล่มรัฐบาลกันมันยกร่อง

      วันละหลายวง คนไหนด่าได้มันกว่า พวกคอการเมือง ก็จะเฮ ย้ายจากอีกวง-ไปอีกวง เหมือนดูลิเกประชัน

      บางราย เมาน้ำลายตัวเอง......

      ไม่ใช่วิพากษ์การเมือง หากแต่ "จิกหัวด่า" เจตนาสะใจตำรวจที่เตร่รอบๆ จะเป่านกหวีดปรี๊ดๆ ไล่จับ

      วงแตกฮือ.........

      ดาวไฮด์ปาร์ก คว้าลังสบู่วิ่งหนี จับได้ก็มี ที่ไม่ได้ ไปเลือกมุมตั้งวงไฮด์ปาร์ก ด่าต่อก็มี!

      นี่คือการให้ "เสรีภาพทางการเมือง" แบบฝรั่งกับแบบไทยๆ ใช้

      ส่วน "เสรีภาพทางสื่อ".........

      ยุคนั้น ไม่มีเว็บ ไม่มีโซเชียลมีเดีย ไม่มีออนไลน์ ไม่มีโทรทัศน์ คำว่า "ไอที-อินเทอร์เน็ต" ยังไม่เกิด

      มีเพียง "หนังสือพิมพ์" เท่านั้น ที่เรียก "สื่อ"

      ส่วนวิทยุ ราชการทั้งนั้น เรียกตรงตัวว่า "กระบอกเสียงทางการ" หรือ "กระบอกเสียงรัฐบาล"!

      ตอน ๗-๘ ขวบ ผมก็ฟังข่าวคอมมูนิสต์จะบุกไทยจากวิทยุ ๒ หลอดแล้ว

      อ่านหนังสือพิมพ์ เพลินจิตต์, เดลิเมล์, พิมพ์ไทย, สารเสรี สยามรัฐ และ บางกอกไทม์ รายสัปดาห์  กระดึงทอง, ชาวกรุง รายเดือน แล้ว

      บอกตามตรง.........

      จากอ่าน ทำให้ผมรักอาชีพหนังสือพิมพ์ อยากเป็นนักหนังสือพิมพ์

      เพราะหนังสือพิมพ์ยุคนั้น เป็นครูสอนภาษาไทยให้ผม สอนให้ผม "คิดเป็นคน"

      เข้าใจว่า "สุภาพบุรุษหนังสือพิมพ์" คือแบบไหน อย่างไร?

      และสอนให้รู้จักกักขัง "เกลียด, แค้น, รัก, ชัง" ที่เป็นส่วนตัว

      ไม่ให้ออกมาเปื้อน ใน "คิด-เขียน" ลงหน้ากระดาษ ที่เรียก "หนังสือพิมพ์"

      นักคิด-นักเขียน-นักข่าว ยุคนั้น..........

      เขามีเส้นแบ่ง "ตัวบุคคล" กับ "ชาติบ้านเมือง" ในการทำหน้าที่ชัดเจน

      เป็นอย่างคำที่ "สยามรัฐ" เขียนติดหัวหนังสือพิมพ์ ว่า

      "นิคฺคณฺเห นิคฺคหารหํ ปคฺคณฺเห ปคฺคหารหํ"

      "ข่มคนที่ควรข่ม ยกย่องคนที่ควรยกย่อง"

      คำว่า "รับผิดชอบ" คำว่า "อุดมการณ์คนหนังสือพิมพ์" คือแบบไหน?

      หนังสือพิมพ์ยุคนั้น ถ่ายเลือดทางคิดให้คิด

      คำว่า "จรรยาบรรณ" ยุคนั้น ไม่เคยได้ยิน ได้ยินแต่คำว่า

      "อย่าเอาหนังสือพิมพ์ไปหาแดก" และ

      "อย่าขุดทองในหน้ากระดาษ"!

      ด่า วิพากษ์-วิจารณ์ นักการเมืองมี แต่ "จิกหัวด่า" อย่างเดียว ดังปัจจุบัน

      คนหนังสือพิมพ์ ยุคนั้น เขา "ทระนงในศักดิ์" ที่ไม่ลงไปต่ำแบบนั้น!

      ขนาด "เผ่า-สฤษดิ์" ก่อนจะแหลกกันไปข้าง ต่างให้ทุน "หนุนหลัง" หนังสือพิมพ์ โจมตีกัน

      สฤษดิ์ มี "สารเสรี, ไท รายวัน" ส่วนเผ่า มี "เผ่าไทย, ไทเสรี"

      แต่คนหนังสือพิมพ์แต่ละฉบับ........

      เขาซัดใส่กัน ชนิด "เผ็ดในเนื้อ" วิพากษ์-วิจารณ์ ด้วยหิริ-โอตตัปปะ ยึดหลักการ-ข้อมูล

      ไม่ใช่สรรคำ "จิกหัวด่า" โดยไม่มีเนื้อหา หรือบิดเบือนเนื้อหา อย่างทุกวันนี้

      ตอนนั้น เผ่า มีเรื่องค้าฝิ่น และฆ่า ๔ อดีตรัฐมนตรี

      ส่วนสฤษดิ์ เรื่องแทรกระบบเศรษฐกิจ และเรื่อง "อีหนู" ผ้าขะม้าแดง!

      แต่วันนี้ พ.ศ.๒๕๖๑............

      "หนังสือพิมพ์" สื่อหลัก กลายเป็นสื่อ "หลักลอย"

      สื่ออินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย ออนไลน์ "ขยะลอยน้ำ"

      กลายเป็น "สื่อหลัก"!

      จึงเป็นที่มาปฐมกถา "ปวดใจ" ของนายกฯ ประยุทธ์ ด้วยความว่า

      "การที่เข้ามาวันนี้ ผมอยากจะบอกว่า..............

        ผมคิดของผมเอง ขอพูดให้ฟังว่า ๔ ปีที่ผ่านมา ผมพยายามที่จะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด

        คือการทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่สำคัญ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ เป็นตำแหน่งที่ทรงคุณค่า

        ผมบอกเสมอว่า 'ตัวเองก็มีความเป็นมนุษย์'

        เพราะฉะนั้น..........

        ความผิดของผมมีเพียงอย่างเดียวที่ผมรู้คือ 'ความเป็นมนุษย์'

        ซึ่งความเป็นมนุษย์ จะต้องมีความผิดพลาด มีโมโห มีโกรธ นี่คือ 'ความเป็นมนุษย์' ของผม

        เพราะฉะนั้น..........

        ในการเป็นนายกรัฐมนตรี ก็จะต้องมีความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เป็นเรื่องสมมติออกมา

        ผมเป็นมนุษย์ ผมเป็นคน และผมทำงาน 'เพื่อคน-เพื่อประเทศไทย-เพื่อคนไทย'

        ผมก็ต้องเป็นของผมแบบนี้............

        แต่ผมทำหน้าที่ตรงนี้ 'มีเกียรติ-มีศักดิ์ศรี' สำหรับประเทศและต่างประเทศ

        แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่า 'หลายคน พยายามที่จะทำลายเกียรติยศของนายกรัฐมนตรี'

        ซึ่งไม่ใช่ผม.......

        เพราะนี่คือ 'นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย'

        เทียบง่ายๆ นี่คือ 'ผู้นำในการบริหารประเทศ'

        แล้วพวกสื่อก็เขียนกันไป-กันมา จนตำแหน่งนี้ เฟล (fail) ไปทั้งหมด

        พวกคุณทำกันไปเพื่ออะไร?

        แล้ววันข้างหน้า คุณคิดกันว่า 'นายกรัฐมนตรีประเทศไทยต้องเป็นอย่างนี้หรือ?'

        ต้องถูกด่า, ถูกว่า, ให้ร้าย, ใช้คำผรุสวาท ตามโซเชียลมีเดีย อย่างนี้หรือ?

        สื่อต้องแก้ไข........

        ไม่เช่นนั้น พอคนเข้ามาก็เป็นแบบเดิม ก็ไม่รู้จะทำกันไปทำไม ทำไปแล้ว ทำดีก็ไม่ได้ดี ทำไม่ดีก็ได้ดี

        อย่างนี้ 'แล้วแต่พวก-แล้วแต่ชอบ' ผมว่า แบบนี้ประเทศไทยไปไม่ได้

        ผมยอมรับว่า 'ผมมีความผิด'

        คือ การมี 'ความเป็นมนุษย์' สูง และผมได้นั่งทบทวน ๔ ปีที่ผ่านมาว่า ผมกำลังทำอะไรอยู่?

        คือ ผมทำหน้าที่ของผม แต่ก็กำลังนึกว่า แล้วผมกำลังต่อสู้กับอะไรอยู่?

        'ต่อสู้เพื่อจะไปสู่ตำแหน่งที่ผมไม่เคยอยากเป็นมาก่อน เพื่อจะรักษาอำนาจ ผลประโยชน์ของผมหรือ?'

        ผมว่า 'มันไม่ใช่'

        ถ้าผมจะทำเรื่องนี้ มีอย่างเดียว จะทำเสร็จหรือไม่เสร็จ แล้วทุกอย่างดีขึ้นหรือไม่?

        นั่นคือสิ่งที่ผมคิดอยู่

        แต่ผมไม่ได้มุ่งหวังว่า 'ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้อยู่นาน'

        ทั้งหมด........

        ก็สุดแล้วแต่ประชาชน จะเห็นว่า วันนี้อะไรดีขึ้น อะไรที่มันแย่ลง?

        ในความคิดของผม มันมีปัญหาเยอะ เราอาจจะแก้ได้สัก ๕๐% ก็ดีกว่าไม่ได้แก้เลยไม่ใช่หรือ?

        ที่ผ่านมา ปัญหาต่างๆ หลายเรื่อง ไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาล

        แต่รัฐบาลนี้ เข้ามาแก้ไขในสิ่งที่เป็นปัญหา ทั้งเรื่องการค้ามนุษย์ การแก้ไขกฎหมาย ถือเป็นสิ่งที่ดี

        ดังนั้น ขอให้สื่อทุกคน ขอให้ช่วยกันด้วย.........

        ผมไม่ได้รังเกียจสื่อ ผมไม่ได้เอาใจสื่อ แต่เราเป็นประชาชนคนไทยด้วยกันทั้งหมด

        เพราะฉะนั้น.........

        คนไทย, ประเทศไทย จะต้องไม่ทำลายประเทศไทยของเราเอง

        โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในเรื่องของการสร้างความเข้าใจ การบิดเบือน การใช้ความรู้สึกในการวิพากษ์วิจารณ์

        ไม่มีใครอยากทำงานให้ท่านหรอก จะมีแค่บางพวกเท่านั้นที่อยากทำให้ เอาใจคนเป็นกลุ่มๆ ไป

        แต่ 'ผมทำอย่างนั้นไม่ได้'

        เพราะหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ตรงนี้ เป็นหน้าที่ที่มีเกียรติ หน้าที่ที่สำคัญคือ 'ดูแลประชาชนทั้งประเทศ'

        ไม่ว่าจะพรรคไหน จะฝ่ายค้านหรือรัฐบาล นายกรัฐมนตรี 'ต้องอยู่ตรงกลาง'

        เพื่อจะบังคับวิถี ให้ทุกอย่างลงไปสู่ทุกจังหวัด ถึงทุกคน ทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย ซึ่งมันไม่ง่ายนักหรอก

        แต่ถ้าสามารถเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และวางพื้นฐานที่ดีไว้ให้ ก็น่าจะดีกว่าที่ไม่มีอะไรเลย มันจะกลายเป็นอย่างที่ทุกคนพูดว่า......

        'มันสูญเปล่า'!

        ผมไม่เห็นจะสูญเปล่าตรงไหน เพราะผลงานก็ปรากฏออกมาเยอะแยะไปหมด เป็นร้อยเป็นพัน แต่ท่านก็มาบอกว่าสูญเปล่า

        ท่านบอกว่า 'ลงจากหลังเสือ' ผมไม่ได้คิดว่าผมขึ้นเสือที่ไหนมา หรือเป็นเสือที่ไหน?

        วันนี้.........

        "ผมขอพูดเปิดใจหน่อยก็แล้วกัน แล้วผมจะดูต่อไปแล้วกันว่า จะได้รับความร่วมมือแค่ไหน อย่างไร  เพราะถ้ามันพูดกันไม่รู้เรื่อง วันหน้าก็ไม่พูดกัน ก็แค่นั้น"

      ขอส่งท้ายคำเดียว.........

      "ท่านนายกฯ บรรลุแล้ว".


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"