ป.ป.ช.โยนเผือกหวย 30 ล้านให้ตำรวจทำต่อ อ้างเหตุสอบสวนมาเยอะแล้ว อัยการแจงเมื่อโยนคดีหลักมาต้องยกสำนวนอื่นที่เกี่ยวข้องมาด้วย “ษิทรา”มั่นใจไม่เกินต้นปีหน้ามีคนติดคุกแน่
เมื่อวันพุธ นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ได้พิจารณากรณีกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ส่งสำนวนคดีที่กล่าวหา พล.ต.ต.สุทธิ พวงพิกุล อดีตผู้บังคับการจังหวัดกาญจนบุรี (ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี) ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงคำให้การในสำนวนคดีลอตเตอรี่ 30 ล้านบาท ตามที่คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงสรุปรายงานต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้พิจารณา
“ที่ประชุมได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐว่ากระทำการทุจริตอยู่ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. แต่โดยที่พนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับคดีนี้มาจำนวนมากแล้ว จึงมีมติให้ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาต่อไป ตามมาตรา 89/2 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542” นายวรวิทย์กล่าว
ด้านนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวเรื่องนี้ว่า เมื่อ ป.ป.ช.มีมติให้คืนสำนวนหลักมา ก็ต้องคืนสำนวนคดีที่พนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปรามปรามได้กล่าวหานายปรีชา ใคร่ครวญ หรือครูปรีชา อายุ 50 ปี ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.กาญจนบุรี และนางรัตนาพร สุภาทิพย์ หรือเจ๊บ้าบิ่น อายุ 58 ปี แม่ค้าขายลอตเตอรี่ในตลาดเรดซิตี้กับพวกที่ถูกส่งไปยัง ป.ป.ช.ด้วย เพราะต่างมีเจตนาเดียวกัน เนื่องจากมีประสงค์เอาเงินลอตเตอรี่
“เมื่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการกองปราบปรามรับสำนวนคดีนายปรีชากลับมาแล้ว ก็ต้องดูว่าสำนวนการสอบสวนนั้นสมบูรณ์หรือยัง ถ้าพยานหลักฐานสมบูรณ์แล้ว ก็สรุปสำนวนพร้อมความเห็นส่งให้อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 7 เนื่องจากเป็นเหตุเกิดที่ จ.กาญจนบุรี เพื่อส่งฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 7 ต่อไป” นายประยุทธกล่าว
นายประยุทธชี้ว่า คดีหวยนี้พนักงานสอบสวนที่ดูสำนวน พล.ต.ต.สุทธินั้น จะเป็นกองบังคับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ส่วนสำนวนนายปรีชา จะเป็นกองบังคับการกองปราบปราม ซึ่งสุดท้ายแล้วหน่วยงานใดจะเป็นผู้รวมสำนวนทั้งหมดส่งให้อัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ภาค 7 ก็ต้องขึ้นอยู่กับกองบัญชาการสอบสวนกลางจะพิจารณาต่อไป
ขณะที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์เฟซบุ๊กในกรณีนี้ว่า ในคดีของ พล.ต.ต.สุทธินั้น บก.ปปป.สามารถส่งสำนวนคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบของ พล.ต.ต.สุทธิ เพื่อฟ้องคดีที่ศาลอาญาทุจริตได้เลย คดีจะเร็วขึ้นมาก แล้วรอลุ้นคดีแจ้งความเท็จ, ให้การเท็จ, แกล้งให้ผู้อื่นรับโทษทางอาญา ที่กองปราบฯ สรุปสำนวนส่งอัยการ แล้วอัยการมีมติส่งให้ ป.ป.ช.พิจารณาก่อนว่าจะส่งคืนกองปราบฯ เพื่อส่งอัยการไหม ถ้าใช่คดีก็จะเร็ว
“น่าจะมีคนติดคุกไม่เกินต้นปีหน้า ซึ่งดูจากแนวโน้มคดีที่ ป.ป.ช.มีคำสั่งเมื่อวันที่ 5 มิ.ย. ผมคาดเดาว่าน่าจะเป็นทางเดียวกัน” นายษิทรากล่าว.
เมื่อวานคุยเล่น เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด |
อนาคต 'คนนินทาเมีย' |
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ' |
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ |
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง" |
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา. |
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?" |