นายกฯไม่ใช่เทวดา บิ๊กตู่ฮึ่มหยามเกียรติผู้นำ ชี้4ปีรัฐบาลผลงานเข้าตา


เพิ่มเพื่อน    

    "บิ๊กตู่" เปิดใจทำงานมา 4 ปี ยอมรับมีความผิดอย่างเดียวที่มีความเป็นมนุษย์สูง มีโมโห โกรธ เพราะไม่ใช่เทพเทวดา ลั่น! ยอมไม่ได้โซเชียลมีเดียให้ร้ายด่าผรุสวาท ทำลายเกียรติยศศักดิ์ศรีนายกฯ ของประเทศไทย "ไก่อู" เผยนายกฯ ไม่ติดใจ นศ.มหา'ลัยดังทำคลิปล้อเลียน คสช. แต่ถามหาจรรยาบรรณครูอาจารย์ ใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมืองปลุกปั่นสร้างความเกลียดชัง ด้าน ปชป.-พท.พร้อมลุยเลือกตั้งหลังศาล รธน.ชี้ขาดคำสั่ง 53/60 ไม่ขัด รธน. 
    ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 6 มิถุนายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ว่า อยากบอกสื่อ  ประชาชนทั้งประเทศ บอกบรรดานักการเมือง กลุ่มต่างๆ นักวิชาการ เด็ก นิสิต นักศึกษา ว่าวันนี้เราควรต้องร่วมมือกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย สร้างสิ่งที่ดีออกมาให้คนอื่นได้รับรู้ มากกว่าจะไปทำสิ่งที่ไม่ดี ผิดกฎหมาย หรือทำอะไรที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าประเทศของเราไม่มีเสถียรภาพ ซึ่งตนพูดมาแล้วหลายครั้งว่า เรื่องสำคัญที่สุดคือการมีเสถียรภาพของประเทศ วันนี้บ้านเมืองไม่มีการปั่นป่วน ไม่มีการปิดถนน แต่สิ่งที่เราเจออยู่ในขณะนี้ก็คือการใช้โซเชียลมีเดียและสื่อต่างๆ ซึ่งไม่เกิดประโยชน์อะไรกับประเทศไทย แต่ยอมรับว่า เรื่องเหล่านี้อาจสร้างกระแสความนิยมในการบริโภคได้ แต่ประเทศไทยเสียหาย ตนก็พูดได้เพียงเท่านี้ ไม่ได้ไปบังคับอะไรใคร 
    "การที่เข้ามาวันนี้ ผมอยากจะบอกว่าผมคิดของผมเอง ขอพูดให้ฟังว่า 4 ปีที่ผ่านมา ผมพยายามที่จะทำหน้าที่ของผมให้ดีที่สุด คือการทำหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯ เป็นตำแหน่งที่สำคัญ เป็นตำแหน่งที่มีเกียรติ เป็นตำแหน่งที่ทรงคุณค่า ผมบอกเสมอว่าตัวเองก็มีความเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้นความผิดของผมมีเพียงอย่างเดียวที่ผมรู้คือ ความเป็นมนุษย์ ซึ่งความเป็นมนุษย์จะต้องมีความผิดพลาด มีโมโห มีโกรธ นี่คือความเป็นมนุษย์ของผม เพราะฉะนั้นในการเป็นนายกรัฐมนตรีก็จะต้องมีความเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เป็นเรื่องสมมติออกมา ผมเป็นมนุษย์ ผมเป็นคน และผมทำงานเพื่อคน เพื่อประเทศไทย เพื่อคนไทย ผมก็ต้องเป็นของผมแบบนี้"
    นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อว่า แต่ผมทำหน้าที่ตรงนี้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีสำหรับประเทศและต่างประเทศ แต่ผมก็ไม่เข้าใจว่าหลายคนพยายามที่จะทำลายเกียรติยศของนายกฯ ซึ่งไม่ใช่ผม เพราะนี่คือนายกฯ ของประเทศไทย เทียบง่ายๆ นี่คือผู้นำในการบริหารประเทศ แล้วพวกสื่อก็เขียนกันไปกันมาจนตำแหน่งนี้ fail (ล้มเหลว) ไปทั้งหมด พวกคุณทำกันไปเพื่ออะไร แล้ววันข้างหน้าคุณคิดกันว่านายกฯ ประเทศไทยต้องเป็นอย่างนี้หรือ ต้องถูกด่าถูกว่า ให้ร้าย ใช้คำผรุสวาทตามโซเชียลมีเดียอย่างนี้หรือ สื่อต้องแก้ไข ไม่เช่นนั้นพอคนเข้ามาก็เป็นแบบเดิม ก็ไม่รู้จะทำกันไปทำไม ทำไปแล้ว ทำดีก็ไม่ได้ดี ทำไม่ดีก็ได้ดี อย่างนี้แล้วแต่พวก แล้วแต่ชอบ ผมว่าแบบนี้ประเทศไทยไปไม่ได้
    "ยอมรับว่าผมมีความผิด คือการมีความเป็นมนุษย์สูง และผมได้นั่งทบทวน 4 ปีที่ผ่านมาว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ คือผมทำหน้าที่ของผม แต่ก็กำลังนึกว่า แล้วผมกำลังต่อสู้กับอะไรอยู่ ต่อสู้เพื่อจะไปสู่ตำแหน่งที่ผมไม่เคยอยากเป็นมาก่อน เพื่อจะรักษาอำนาจ ผลประโยชน์ของผมหรือ ผมว่ามันไม่ใช่ ถ้าผมจะทำเรื่องนี้มีอย่างเดียวจะทำเสร็จหรือไม่เสร็จ แล้วทุกอย่างดีขึ้นหรือไม่ นั่นคือสิ่งที่ผมคิดอยู่ แต่ผมไม่ได้มุ่งหวังว่าต้องต่อสู้เพื่อให้ได้อยู่นาน ทั้งหมดก็สุดแล้วแต่ประชาชน จะเห็นว่าวันนี้อะไรดีขึ้น อะไรที่มันแย่ลง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า มันมีปัญหาเยอะ เราอาจจะแก้ได้สัก 50 เปอร์เซ็นต์ แต่ก็ดีกว่าไม่ได้แก้เลยไม่ใช่หรือ ที่ผ่านมาปัญหาต่างๆ หลายเรื่องไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาล แต่รัฐบาลนี้เข้ามาแก้ไขในสิ่งที่เป็นปัญหา ทั้งเรื่องการค้ามนุษย์ การแก้ไขกฎหมาย ถือเป็นสิ่งที่ดี ดังนั้นขอให้สื่อทุกคนช่วยกันด้วย ผมไม่ได้รังเกียจสื่อ ผมไม่ได้เอาใจสื่อ แต่เราเป็นประชาชนคนไทยด้วยกันทั้งหมด เพราะฉะนั้นคนไทย ประเทศไทยจะต้องไม่ทำลายประเทศไทยของเราเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการสร้างความเข้าใจ การบิดเบือน การใช้ความรู้สึกในการวิพากษ์วิจารณ์ ไม่มีใครอยากทำงานให้ท่านหรอก จะมีแค่บางพวกเท่านั้นที่อยากทำให้ เอาใจคนเป็นกลุ่มๆ ไป แต่ผมทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะหน้าที่ของนายกฯ ตรงนี้เป็นหน้าที่ที่มีเกียรติ หน้าที่ที่สำคัญคือดูแลประชาชนทั้งประเทศ
ฉุน นศ.ทำคลิปล้อเลียน
    "ไม่ว่าจะพรรคไหน จะฝ่ายค้านหรือรัฐบาล นายกรัฐมนตรีต้องอยู่ตรงกลาง เพื่อจะบังคับวิถีให้ทุกอย่างลงไปสู่ทุกจังหวัด ถึงทุกคนทุกกลุ่มทุกฝ่าย ซึ่งมันไม่ง่ายนักหรอก แต่ถ้าสามารถเริ่มได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และวางพื้นฐานที่ดีไว้ให้ ก็น่าจะดีกว่าที่ไม่มีอะไรเลย มันจะกลายเป็นอย่างที่ทุกคนพูดว่ามันสูญเปล่า ผมไม่เห็นมันจะสูญเปล่าตรงไหน เพราะผลงานก็ปรากฏออกมาเยอะแยะไปหมด เป็นร้อยเป็นพัน แต่ท่านก็มาบอกว่าสูญเปล่า ท่านบอกว่าลงจากหลังเสือ ผมไม่ได้คิดว่าผมขึ้นเสือที่ไหนมา หรือเป็นเสือที่ไหน วันนี้ผมขอพูดเปิดใจหน่อยก็แล้วกัน แล้วผมจะดูต่อไปแล้วกันว่าจะได้รับความร่วมมือแค่ไหนอย่างไร เพราะถ้ามันพูดกันไม่รู้เรื่องวันหน้าก็ไม่พูดกัน ก็แค่นั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 
    ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกฯ ไปอารมณ์เสียคอลัมน์ไหนมา นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้อารมณ์เสียอะไร ก็อารมณ์แบบนี้ ความเป็นมนุษย์ไง ตนก็ต้องให้รู้ว่านี่คือความเป็นมนุษย์ของตนเอง นายกรัฐมนตรีไม่ใช่เทพเทวดา มนุษย์จะเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ ถ้าเป็นเทวดามันไม่รู้หรอก พอแล้ว เบื่อ
    ด้าน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์คลิปวิดีโอล้อเลียนการทำงานของรัฐบาลประกอบเพลง “คืนความสุขให้ประเทศไทย” ของนิสิตคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังในโลกออนไลน์ว่า ส่วนตัวไม่ได้ติดใจอะไร โดยเฉพาะกับนิสิตที่ต้องทำตามคำสั่งของอาจารย์ แต่รู้สึกเป็นห่วงที่เด็กต้องกลายเป็นเหยื่อของผู้ใหญ่ที่ไม่หวังดี นำเรื่องการทำงานเพื่อประเทศชาติมาล้อเล่นอย่างไม่เหมาะสม
    “นายกฯ ทราบว่านิสิตที่ทำคลิปดังกล่าวได้ออกมาขอโทษสังคมแล้ว เพราะเจตนาที่แท้จริงเพียงแค่ต้องการทำงานส่งอาจารย์เท่านั้น และอยากให้ผู้ที่แชร์ออกไปช่วยลบคลิปดังกล่าวด้วย เนื่องจากนิสิตไม่อยากให้กลายเป็นประเด็นดังในสังคม โดยเฉพาะในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองกำลังคุกรุ่น”
    พล.ท.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯ เชื่อว่านิสิตมีจิตสำนึกที่ดี จึงออกมาขอโทษ แต่สังคมควรตั้งคำถามกับอาจารย์วิชาการเมืองการปกครอง ที่มอบหมายให้เด็กทำคลิปมากกว่า ว่าทำไมจึงใช้เด็กเป็นเครื่องมือทางการเมือง และการกระทำดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ เพราะสังคมคาดหวังอย่างมากว่าครูอาจารย์ต้องมีจรรยาบรรณที่ดี เป็นผู้ปลูกฝังสิ่งดีงามให้แก่ลูกศิษย์ และไม่ยุยง ปลุกปั่น สร้างความเกลียดชังในบ้านเมือง โดยนายกฯ เน้นย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้ปิดกั้นทางความคิด ทุกคนมีสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเต็มที่ แต่ควรคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วยว่าจะเป็นเช่นไร หากเป็นความเห็นเชิงสร้างสรรค์ ช่วยจรรโลงสังคม ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี
    พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จะส่งผลต่อการปลดล็อกทางการเมืองหรือไม่  ว่า ในเมื่อผลวินิจฉัยออกมาแล้วไม่ผิดแล้วมันเป็นยังไง ส่วนเรื่องการปลดล็อกเป็นเรื่องของตนที่จะพิจารณา หากจะปลดก็ต้องปลดเป็นกิจกรรมไป ถ้าปลดล็อกทั้งหมดท่านรับรองได้หรือไม่ว่าจะไม่มีปัญหา ตอบมาสิ แต่เดี๋ยวก็จะปลดล็อก ซึ่งต้องมีการพิจารณาหารือกันว่าจะปลดล็อกอย่างไรบ้าง ไม่ใช่ให้อิสรเสรีแล้ว ใครจะรับรองกับตนได้มันจะไม่เกิดเหตุเดิมขึ้นอีก
ถกพรรคการเมืองไม่มีเงื่อนไข
    “มันด่ากันตามถนนหนทางเดินกันทั่วไปหมด รับได้หรือไม่ ถ้าสื่อรับไม่ได้ก็ต้องช่วยผมให้ทุกคนออกมารับประกันว่าการหาเสียงจะต้องประกาศนโยบายที่ตรงตามกฎหมายกำหนด ไม่ใช่มองว่ากฎหมายที่ออกมาเป็นการบังคับ มาตัดสิทธิมาเพิ่มภาระ แล้วที่ผ่านมาไม่มีเรื่องพวกนี้แล้วเป็นอย่างไร ก็ลองมีเสียบ้างไม่ได้หรือ ประเทศนี้มันต้องมีกฎเกณฑ์ มีกฎหมาย กติกา การที่ผมจะอยู่ต่อหรือไม่อยู่ต่อ ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาพิจารณาอยากอยู่ต่อเพื่อมีอำนาจ ผมไม่เคยคิดว่าผมมีอำนาจ ถ้าคุณพูดแต่เรื่องอำนาจและผลประโยชน์ กลายเป็นทุกคนเหลวแหลกไปหมด ไม่เช่นนั้น ทุกคนที่อยู่ในการเมือง ก็ต้องมีอำนาจและผลประโยชน์ แล้ววันหน้าจะเป็นอย่างนั้นอีกหรือ” นายกฯ กล่าว
    นายกฯ กล่าวอีกว่า ฉะนั้นกฎกติกาทั้งหมดไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก ถ้าท่านต้องการรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล ก็ต้องเตรียมความพร้อมเรื่องการเตรียมการเลือกตั้ง ต้องระมัดระวังความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะทำให้เกิดปัญหา ทั้งการจราจร ความขัดแย้ง การปลุกระดมประชาชน สิ่งเหล่านี้ต้องไม่เกิดขึ้น 
    พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขั้นตอนแรกคือการเตรียมความพร้อมเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง จากนั้นเป็นเรื่องการปลดล็อกที่จะหาเสียงอะไรต่างๆ ขอถามว่า ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรในการหาเสียง มีหาเสียงในสิ่งที่ดีๆ หรือไม่ ด่ากันโจมตีกันไปมา แทนที่จะพูดในสิ่งที่พรรคจะทำอะไร ตัวเองจะทำอะไร ถ้าเป็นแบบนี้มันไปไม่ได้ จะกลายเป็นว่าเริ่มบรรทัดฐานตั้งแต่การเลือกตั้ง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายเข้าไปเป็นรัฐบาลเป็นฝ่ายค้าน ฉะนั้น บางอย่างมันต้องมีการร่วมมือกันทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาค กลุ่มจังหวัด และจังหวัด 
    "ไม่มีเงื่อนไข อยากคุยก็มาคุย การคุยทำไมต้องมีเงื่อนไข ถ้าไม่มาก็อย่ามา ตนไม่ได้ง้อให้ใครมา ถ้าไม่มาประชาชนและสื่อก็ตัดสินว่าทำไมไม่มา" นายกฯ กล่าวถึงการนัดพูดคุยกับพรรคการเมือง
    เมื่อถามว่า พรรคอนาคตใหม่มีเงื่อนไขว่าจะมาร่วม ถ้าได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดสดผ่านโซเชียลมีเดีย นายกฯ กล่าวว่า ขอดูก่อน ขอดูความจริงใจก่อน สำหรับหาเสียงจะต้องอยู่ในกรอบที่กำหนด โดยต้องขออนุญาตเป็นครั้งๆ ไป แต่บางอย่างอาจไม่ต้องขอ การปลดล็อกมันต้องเป็นแบบนั้น บางอย่างต้องขอ บางอย่างไม่ต้องขอ ซึ่งต้องหาวิธีในการกำหนดให้บ้านเมืองมันสงบเรียบร้อย ไม่ใช่ก่อนจะไปถึงประชาธิปไตยตีกันเละ ตรงนี้จะมีใครรับรองกับตนได้บ้าง สื่อถ้ารับรองไม่ได้ ก็ต้องพูดออกไป ไม่ใช่มากดดันรัฐบาลอยู่แบบนี้
    ส่วนความคืบหน้าการนำร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย นายกฯ กล่าวว่า จะทูลเกล้าฯ ถวายเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น อยู่ในระยะเวลาที่กำหนด หน้าที่นี้มีคนทำอยู่แล้ว สื่อมีหน้าที่สร้างการรับรู้เข้าใจ อย่าไปปลุกปั่นกันขึ้นมาอีก แค่นั้น มันมีเวลากำหนดว่ากี่วัน ถ้าทูลเกล้าฯ ถวายขึ้นไปแล้ว สมมติมีการโปรดเกล้าฯ ลงมา แล้วอย่างไร จะมาบีบเร่งกันว่าลงมาแล้วต้องรีบทำ ซึ่งกฎหมายเขียนไว้ว่า ก.พ.62 ตอนนี้ร่างดังกล่าวยังไม่ถึงตน ส่งมามันจะยากอะไร ตนก็เซ็นแล้วก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย 
ร้อง คสช.ปัญหาไพรมารีโหวต
    ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีพรรคการเมืองร้องเรียนถึงปัญหาการจัดทำไพรมารีโหวตไปยัง คสช. หลังจากนี้ คสช.อาจจะส่งเรื่องมาให้ตนเพื่อหาทางออก เมื่อถึงวันนั้นอาจต้องเรียกคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องมาหาทางออกร่วมกัน ส่วนทางออกจะเป็นอย่างไรนั้น หากมีการพูดคุยกับฝ่ายต่างๆ แล้วอาจจะเห็นถึงปัญหา แต่เรื่องที่พรรคเล็กสมาชิกน้อย ตนมองว่าไม่เป็นปัญหา เพราะเขายังหาสมาชิกได้ แต่เลิกระบบไพรมารีโหวตนั้นยาก ส่วนจำเป็นต้องใช้มาตรา 44 หรือไม่ ตนไม่อยากพูดมันจะมีวิธีการอื่นหรือไม่ โดยไม่ต้องใช้มาตรา 44 เริ่มต้นทุกเรื่อง
    ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อรัฐบาลปลดล็อกแล้ว พรรคการเมืองจะสามารถจัดทำไพรมารีสำหรับการเลือกตั้งทันหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ถ้าปลดล็อกเขาก็เดินหน้าหาสมาชิก ซึ่งอาจจะทำทันก็ได้ วันนี้เขามีสมาชิกน้อยแต่ยังหาได้อยู่  
    นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่ง 53/2560 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญว่า ทุกอย่างจะเดินไปตามโรดแมป แต่ตอนนี้กำลังรอศาลรัฐธรรมนูญแจ้งคำวินิจฉัยของ ส.ว.อย่างเป็นทางการ เมื่อส่งมาทางสภาก็จะส่งให้นายกฯ ตอนนี้รอเพียงนายกฯ นำร่างกฎหมายลูกทั้ง ส.ส.และส.ว.ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย หลังจากนั้นเมื่อประกาศลงราชกิจจานุเบกษาเมื่อไหร่ ก็จะนับหนึ่งไปสู่การเลือกภายใน 150 วัน ทุกอย่างดำเนินตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญหมดแล้ว ไม่น่าจะมีเหตุการณ์อะไรที่จะทำให้โรดแมปเปลี่ยนแปลงได้ เพราะตอนนี้ข้อกังวล ความเห็นต่างๆ ก็ถูกทำให้ชัดเจนแล้ว ก็ต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้ จะได้มีการเลือกตั้งตามกำหนด
    นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวว่า หลังจากนี้พรรคการเมืองก็มีหน้าที่จัดหาสมาชิก ทุนประเดิม และทำสาขาพรรค แต่ก็ยังทำไม่ได้ เพราะ คสช.ยังไม่ปลดล็อกคำสั่งที่ 57/2557 และคำสั่งที่ 3/2558 ซึ่ง กกต.ไม่สามารถก้าวล่วงได้ว่าจะมีการปลดล็อกเมื่อไหร่ ในฐานะที่ตนเป็นผู้รักษาการตามกฎหมายพรรคการเมือง ก็ได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาไปที่ คสช.แล้ว เช่น กรณีที่ไม่มีสาขาพรรค ทำให้ไม่สามารถจัดประชุมได้ เนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ แต่จะแก้ไขหรือไม่เป็นดุลพินิจของ คสช. กรณีที่ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาฯ กกต. สนับสนุนให้ใช้มาตรา 44 ให้อำนาจ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งได้หลังกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น ก็เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ที่ต้องการมีเวลาในการเตรียมเลือกตั้งมากที่สุด ซึ่งยังไม่เคยมีการเสนอที่ประชุม กกต.พิจารณา และ กกต.ก็ยังไม่มีความคิดที่จะเสนอให้ คสช.ใช้มาตรา 44 เพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ 
    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สำนักงาน กกต.ได้สั่งให้สำนักงาน กกต.จังหวัดทั่วประเทศเตรียมการแบ่งเขตไว้แล้วแต่ต้องดูจำนวนประชากรที่อาจมีการเปลี่ยนแปลง และต้องมีการรับฟังความเห็นของผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ ดังนั้นจึงต้องเตรียมการไว้ก่อน หากทำในระยะกระชั้นชิดก็อาจไม่ทัน
นักการเมืองพร้อมเลือกตั้ง
    นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคคงทำอย่างอื่นไม่ได้ เพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นที่สุด และขอน้อมรับ กฎหมายเขียนไว้ว่าอย่างไรต้องปฏิบัติตามนั้น ซึ่งเมื่อชี้ว่าคำสั่งดังกล่าวไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญ เท่ากับว่าขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์จะเหลือสมาชิกที่ยืนยัน 97,755 คน หลังจากนี้จะต้องหาสมาชิกเพิ่ม แต่การจะดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้ หัวหน้า คสช.ต้องปลดล็อกคำสั่งนี้ และขณะนี้ พ.ร.บ.พรรคการเมืองมีผลบังคับใช้แล้ว ก็ควรปล่อยให้พรรคการเมืองดำเนินการได้ตามกฎหมาย เพราะมีหลายเรื่องที่สามารถให้พรรคการเมืองปฏิบัติตามกฎหมายได้ เช่น การจัดประชุมเตรียมการรับสมัครสมาชิกพรรค จัดตั้งสาขาพรรค การรับเงินบริจาคให้พรรค ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่กระทบความมั่นคงอยู่แล้ว แต่หาก คสช.กังวลเรื่องความมั่นคงในกิจกรรมได้ ก็ควรออกคำสั่งเฉพาะกิจกรรมนั้นแทน
    นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร ทุกฝ่ายต้องเคารพและถือปฏิบัติตามที่ศาลสั่งอย่างเคร่งครัด ซึ่งถือเป็นที่สุดและยุติแล้ว พรรคการเมืองแม้จะมีความยากลำบากในการถือปฏิบัติ แต่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับคำสั่งนี้ จากนี้ไปถนนทุกสายจะได้มุ่งหน้าไปสู่การเลือกตั้ง และจะไม่มีอะไรมากระทบต่อโรดแมปเลือกตั้งอีก จากนี้ไป คสช.ต้องผ่อนปรนให้เกิดบรรยากาศของการเตรียมการเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง คำสั่งหรือประกาศใดที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างบรรยากาศการมีส่วนร่วมของประชาชนต้องเร่งยกเลิกโดยเร็ว
    ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง พร้อมคณะ ยื่นคำร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ผ่านนายสงัด ปัถวี รองเลขาธิการผู้ตรวจฯ เพื่อตอบโต้ต่อหนังสือแจ้งผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการฯ ลงวันที่ 3 พ.ค.2561 กรณีให้พิจารณาคำร้องเพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความว่า คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ขัดรัฐธรรมนูญตามคำร้องหรือไม่ แต่ผู้ตรวจฯ ไม่ส่งศาล โดยวินิจฉัยไว้ว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 279 บัญญัติรับรองให้ประกาศคำสั่งการกระทำของหัวหน้า คสช. ที่ใช้บังคับอยู่ในก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญ หรือที่ออกใช้บังคับต่อไปตามมาตรา 265 วรรคสอง ไม่ว่าจะเป็นประกาศคำสั่งหรือการกระทำที่มีผลใช้บังคับในรัฐธรรมนูญ นิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
    น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า ขอยืนยันให้ผู้ตรวจฯ ปฏิบัติหน้าที่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย คือพิจารณาคำร้องและส่งต่อให้ศาลตีความตามหน้าที่ว่าคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 3/58 ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่
     ส่วนความคืบหน้าการจัดทำกฎหมายที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น 6 ฉบับนั้น นายวิษณุ เครืองาม กล่าวว่า ยังไม่แล้วเสร็จ ขณะนี้ความคืบหน้าไปกว่า 90% แล้ว เขากำลังไล่ทบทวนอยู่ ซึ่งมีการแก้ไขในเนื้อหาสาระจำนวนมาก เช่น เรื่องจำนวน คุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม และวิธีในการเลือก เพื่อให้สอดคล้องกับการเลือกตั้ง ส.ส. ส่วนการเลือกตั้งท้องถิ่นจะเกิดขึ้นก่อนสิ้นปีนี้หรือไม่นั้น ตอบไม่ถูก เพราะเมื่อเสร็จในขั้นตอนคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว จะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม. และส่งไปที่ สนช. ทั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาจะส่งร่างกฎหมายดังกล่าวกลับมาที่ ครม.ภายในเดือน มิ.ย.นี้ ส่วนเดือน ก.ค.-ก.ย. อยู่ในชั้นการพิจารณาของ สนช. ต่อจากนั้นเป็นขั้นตอนของการนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย    
    นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย กล่าวถึงความคืบหน้ากฎหมายท้องถิ่นจะมีการนำเข้า สนช.ว่า เรากำลังตามอยู่ เห็นว่ากำลังมีการแก้ไขอยู่ที่คณะกรรมการกฤษฎีกา แต่สิ่งที่ สนช.ต้องพิจารณาในสัปดาห์หน้ามีเรื่องสำคัญคือแผนยุทธศาสตร์ชาติที่จะผ่าน ครม. ความพยายามทุกฝ่ายที่พยายามจะทำงานทุกอย่างเดินหน้าตามโรดแมป ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี เพราะมียุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปผ่านแล้วหลังเลือกตั้งรัฐบาลก็จะได้มาขับเคลื่อนประเทศตามแผนปฏิรูปและยุทธศาสตร์ชาติ บ้านเมืองก็จะไปด้วยดี ส่วนปัจจัยภายนอกตนยังมองไม่เห็นว่าจะมีอะไรมากระทบโรดแมป อย่าไปกังวล.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"