ม็อบลุยทำเนียบฯ ตร.อ้างโควิดแรง เกิน20คนฟันแน่


เพิ่มเพื่อน    

 ตร.เตือนม็อบไล่ "ประยุทธ์" ส่อผิดกฎหมายหลายข้อหา ชี้โควิดกำลังระบาดอย่างรุนแรงในพื้นที่ กทม. การรวมกลุ่มเกิน 20 คนจะถูกดำเนินคดีทั้งแกนนำและผู้ชุมนุม ขู่ Car Mob ตร.ขอให้ศาลสั่งริบรถได้ แกนนำ 3 นิ้วลั่น 2 ก.ค.ประท้วงหน้าทำเนียบฯ พร้อมขายของกระตุ้น ศก.ไม่ต้องรอนายกฯ "จตุพร" ย้ำ 3 ก.ค.นัด ที่ทำเนียบฯ เช่นเดิม

    เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) และโฆษก บช.น. กล่าวถึงกรณีที่มีการนัดหมายชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มราษฎร ในวันที่ 2 ก.ค. นี้ เวลา 16.00 น. โดยนัดรวมตัวที่แยกอุรุพงษ์ เดินไปหน้าทำเนียบรัฐบาล ตามถนนพิษณุโลก “เปิดท้ายวันศุกร์รุกไล่เผด็จการนะจ๊ะ #ม็อบ 2 กรกฎา” ในวันเสาร์ที่ 3 ก.ค.2564 มีการนัดหมายชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ดังนี้ 1.กลุ่มประชาชนคนไทย โดยนายนิติธร ล้ำเหลือ เวลา 15.00 น. นัดรวมกลุ่มที่แยกอุรุพงษ์ แล้วเดินไปหน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก 2.กลุ่มไทยไม่ทน โดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ เวลา 16.00 น. นัดรวมกลุ่มที่แยกผ่านฟ้า แล้วเดินไปหน้าทำเนียบฯ ตามถนนนครสวรรค์ ขับไล่นายกฯ 3.กลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ เวลา 17.00 น. นัดรวมกลุ่มทำกิจกรรม Car Mob ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขับขี่รถไปทำเนียบฯ เปิดไฟกะพริบพร้อมบีบแตรขับไล่นายกรัฐมนตรี
    พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า กรณีที่มีการเชิญชวนให้มาร่วมชุมนุม ในวันที่ 2 ก.ค.64 ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ฯ และกลุ่มราษฎร ที่มีลักษณะเป็นการเปิดท้ายขายของคล้ายตลาดนัด โดยอ้างว่าเพื่อเป็นช่องทางให้ประชาชนได้ทำมาหากินนั้น เป็นการชุมนุมหรือจัดกิจกรรมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย เนื่องจากขณะนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรุนแรงในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ล่าสุด วันที่ 1 ก.ค.64 กทม.มีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 1,960 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 32 ราย โดย ได้มีข้อกำหนดออกตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 25 ลงวันที่ 26 มิ.ย.64 และประกาศ กทม.ฉบับที่ 34 ลงวันที่ 27 มิ.ย.64 เกี่ยวกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่ง กทม.เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การรวมกลุ่มหรือทำกิจกรรมมากกว่า 20 คนจะต้องถูกดำเนินคดีทั้งแกนนำและผู้ร่วมชุมนุม และหากมีการกระทำความผิดในส่วนอื่นเพิ่มเติมจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทุกราย
    นอกจากนี้การรวมตัวขายสินค้าต่างๆ โดยปิดถนนสายสำคัญของ กทม. ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีโรงเรียน, โรงพยาบาล, ชุมชน และสถานที่ราชการ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น และทางกองบัญชาการตำรวจนครบาลจะจัดเจ้าหน้าที่บันทึกภาพและเสียง ตลอดจนพฤติกรรมผู้ที่มาเปิดแผงค้าขายสินค้าต่างๆ ที่ปิดการจราจร หรือละเมิดกฎหมายและจะนำตัวมาดำเนินคดีทุกราย
    รอง ผบช.น.กล่าวต่อว่า ในส่วนของวันที่ 3 ก.ค.64 ที่มีการนัดหมายชุมนุมของกลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ ที่มีลักษณะเป็นการรวมกลุ่มขับรถเป็นขบวนไปตามท้องถนนหลายคัน ทำให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนไม่ได้รับความสะดวก หรือทำให้การจราจรติดขัด ก่อให้เกิดเสียงดังอื้ออึง ก่อความเดือดร้อนรำคาญ และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนผู้อื่น และรถที่ใช้ในการชุมนุมถือว่าเป็นทรัพย์ที่มีไว้หรือเพื่อใช้ในการกระทำผิด อาจเป็นเหตุให้พนักงานสอบสวนยึดไว้เพื่อประกอบการดำเนินคดี และอาจพิจารณาขอให้ศาลสั่งริบตามกฎหมาย ซึ่งอาจจะเป็นความผิดขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 และในส่วนของกลุ่มประชาชนคนไทยและกลุ่มไทยไม่ทน ที่มีลักษณะเป็นการชุมนุมและเคลื่อนขบวนไปตามถนนก็จะเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน และหากมีผู้ร่วมกิจกรรมเกินกว่า 20 คน ก็จะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ฉบับที่ 25
    "จึงอยากจะเตือนกลุ่มผู้ชุมนุมให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยการหลีกเลี่ยงหรืองดเว้นการเข้าร่วมการชุมนุม เพราะมีโอกาสที่จะติดเชื้อโรคระบาดแล้วนำไปแพร่กระจายต่อได้โดยง่าย" พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
    ด้าน นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทนฯ กล่าวว่า วันที่ 3 ก.ค. เวลา 18.00 น. กลุ่มไทยไม่ทนยังนัดหมายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าลีลาศ และจะเดินทางไปยังทำเนียบรัฐบาลเช่นเดิม ขอยืนยันว่า เราไม่ได้มาเพื่อใครคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนคนที่จะมาใหม่ หากทำตามข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1.แก้ปัญหาโควิด 2.แก้ปัญหาเศรษฐกิจ และ 3.แก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ตามกำหนด หากใครรับเงื่อนไขนี้ได้ก็เป็นนายกฯ ได้ทุกคน เพียงแค่ทำทุกอย่างตรงข้ามกับ พล.อ.ประยุทธ์  
    นายณัฐชนน ไพโรจน์ แกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎร กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 2 ก.ค.นี้  พวกตนก็จะจัดกิจกรรมที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะเริ่มต้นเดินไปจากแยกอุรุพงษ์ ตั้งแต่เวลา 16.00-22.00 น. เนื่องด้วยประชาชน พ่อค้าแม่ค้า และผู้ประกอบการ เกษตรกรตอนนี้ได้รับผลกระทบจากการที่รัฐบาลบริหารการแก้ปัญหาโควิด-19 ได้ห่วยแตก ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ดังนั้นเราจึงจะไปประท้วงและขับไล่นายกรัฐมนตรี พร้อมกับการขายของเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกันเอง โดยไม่ต้องรอรัฐบาล หรือนายกฯ ประยุทธ์ จันทร์โอชา และยืนยันว่าจะไม่ขออนุญาต ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดผลกระทบอะไรกับการชุมนุมเหมือนกัน
     น.ส.เบนจา อะปัญ แกนนำกลุ่มราษฎร กล่าวว่า 2 ก.ค.นี้ จะมีสินค้าหลายอย่างแล้ว แต่ผู้ประกอบการที่ประสบปัญหาจากการบริหารจัดการของรัฐที่จะมาเข้าร่วมกันขายของ ในงานนี้ถือว่าเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการไปด้วย เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย และเป็นการเรียกร้องการชุมนุมไปด้วย.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"