ชำแหละระบอบทักษิณตอนจบ! กระจ่างทำไม'พี่โทนี่'ถึงกลับไทยไม่ได้


เพิ่มเพื่อน    

1 ก.ค. 64 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเรื่องราวเกี่ยวกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตอนที่ 6 ( ต่อ และ จบ) ว่า

ที่ควรต้องบันทึกไว้ในที่นี้ คือในการชุมนุมแต่ละครั้งในช่วงเวลาที่ทักษิณ นอมินี และวงศ์วานว่านเครือ อยู่ในอำนาจ ในการชุมนุมประท้วง ได้เกิดเครื่องมือประกอบการประท้วงที่เป็นนวัตกรรม 3 แบบคือ มือตบ เกิดจากกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย “ตีนตบ” เกิดจากกลุ่มนปช และ นกหวีด เกิดในช่วงการประท้วงของ กปปส

เมื่อการเลือกตั้งเป็นโมฆะ การชุมนุมประท้วงยังคงดำเนินต่อไป รัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ มีปัญหาหนักเรื่องการจ่ายเงินให้กับชาวนาในการรับจำนำข้าว เนื่องจากไม่สามารถขายข้าวโดยไม่ขาดทุนได้ ทำให้ขาดเงินทุนหมุนเวียน จะกู้เงินเพิ่มจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ก็ทำไม่ได้ เพราะกฎหมายไม่อนุญาตให้รัฐบาลรักษาการกู้เงินได้ ทำให้ชาวนาเป็นจำนวนมากไม่สามารถนำใบประทวนมาขึ้นเงินได้ เป็นเหตุให้มีขาวนาเครียดจนถึงกับฆ่าตัวตายไป 16 ราย
 
ในระหว่างการชุมนุมประท้วงของกลุ่ม กปปส. มีความรุนแรงเกิดขึ้นเป็นระยะ มีทั้งการกราดยิงในยามดึก มีการโยนระเบิดเข้ามาในที่ชุมนุม รวมทั้งหมดมี เหตุการณ์รุนแรง 96 ครั้ง และมีผู้ร่วมชุมนุมเสียชีวิต 26 ราย บาดเจ็บ 782 ราย

เหตุการณ์หนึ่งที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง คือในการเคลื่อนมวลชนของ กปปส. ครั้งหนึ่งจากแยกปทุมวัน ไปชุมนุมที่ ถนนราชดำเนิน บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีสาศ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการรักษาความสงบ ได้ให้กำลังตำรวจเข้าสกัดและสลายการชุมนุม มีการใช้อาวุธ และกระสุนจริง ทำให้ผู้ร่วมชุมนุมเสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน และมีการจับกุมแกนนำบางคน เช่น อ.สมเกียรติ พงศ์ไพบูลย์ แต่มีการช่วยเหลือออกมาได้ และมีตำรวจโดนระเบิดซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นของฝ่ายใดเสียชีวิต 1 ราย 

ขณะที่ตำรวจเข้าทำการสลายการชุมนุมอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีกองกำลังติดอาวุธจำนวนหนึ่ง ซึ่งแฝงตัวอยู่ในที่ชุมนุม ยิงต่อสู้กับตำรวจ จนฝ่ายตำรวจต้องถอยชนิดที่เรียกว่า กระเจิดกระเจิง แต่ไม่มีผู้เสียชีวิต จนบัดนี้ก็ไม่ทราบว่าเป็นกองกำลังจากที่ใด 

ไม่ว่าจะกดดันอย่างไร นายกรัฐมนตรีรักษาการยิ่งลักษณ์ก็ไม่ยอมลาออก ข่าวจากวงในที่เชื่อถือได้บอกว่า ผู้ใหญ่ในกองทัพได้เข้าพบและเจรจากับยิ่งลักษณ์ขอให้ลาออก แต่ยิ่งลักษณ์ตอบว่า ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องลาออก ก็เป็นอัน จบข่าว

อย่างไรก็ดี ยิ่งลักษณ์ กลับต้องออกจากตำแหน่ง เพราะเหตุของการย้ายคุณถวิล เปลี่ยนศรี จากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ไปเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี แล้วโยก พลตำรวจเอกวิเชียร พจน์โพธิ์ศรี จากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติแทน จากนั้นจึงแต่งตั้งให้ พลตำรวจเอกเพรียวพันธุ์ ดามาพงศ์ พี่ภรรยาทักษิณ ให้ดำรงตำแน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า ทำได้อย่างไร

คุณถวิล เปลี่ยนศรี ได้ยื่นฟ้องศาลปกครองกลาง และในที่สุดศาลปกครองสูงสุดตัดสินว่า การย้ายคุณถวิล เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และต่อมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ยิ่งลักษณ์ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีรักษาการ และให้คุณถวิลกลับมาดำรงตำแหน่งเดิม

เมื่อต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ แต่ได้ตั้งผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีขึ้นแทน ได้แก่ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล ลูกน้องก้นกุฏิในธุรกิจของทักษิณขึ้นรักษาการแทน สถานการณ์บ้านเมืองจึงอยู่ในภาวะ ชะงักงัน มองไม่เห็นทางออก เนื่องจากไม่มีใครยอมใคร 

ในที่สุดฝ่ายทหาร นำโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศกฎอัยการศึก และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ได้เชิญตัวแทนคู่ขัดแย้งทั้งหมด ร่วมเจรจาที่สโมสรทหารบก ทั้งกกปส ฝ่ายรัฐบาลรักษาการ ส่งคุณชัยเกษม นิติศิริ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มาแทน 

ผลการเจรจา คุณชัยเกษม ปฏิเสธที่จะให้รัฐบาลลาออก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงประกาศยึดอำนาจทันที

มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า ทหารวางแผนที่จะทำรัฐประหารมานานแล้ว เรื่องนี้คงเป็นเรื่องจริงส่วนหนึ่ง เพราะหากไม่เตรียมการมาก่อน คงตัดสินใจยึดอำนาจในทันทีไม่ได้ แต่จากที่ได้เคยพูดคุยกับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่อยู่ในคณะรัฐประหาร ท่านก็ยอมรับว่า ได้มีการวางแผนจริง แต่เป็นการวางแผนเมื่อเกิดวิฤฤต เพื่อเตรียมการยึดอำนาจ หากหาทางออกทางอื่นไม่ได้ ไม่ใช่วางแผนมานานอย่างที่กล่าวหา 

ลองคิดดูว่า หากวันนั้น คุณชัยเกษม ตอบว่ารัฐบาลขอลาออก ทหารจะใช้เหตุผลใดมายึดอำนาจ ทำรัฐประหารได้

เมื่อมีข่าวว่ามีการทำรัฐประหาร ความรู้สึกของผู้ร่วมชุมนุม แม้ไม่มีใครชอบการทำรัฐประหาร แต่กลับไม่มีใครคิดต่อต้าน หรือโกรธแค้นแต่อย่างใด ส่วนใหญ่ต่างก็กลับเคหะสถานของตัวเองด้วยความรู้สึกโล่งอก เพราะการประท้วงยืดเยื้อ เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2556 จนถึง 22 พฤษภาคม 2557 ทุกคนที่ร่วมชุมนุมมีความรู้สึกเหมือนๆกันว่า ระบอบทักษิณที่ครอบงำประเทศมานานจะได้ออกไป และบ้านเมืองจะได้เข้าสู่สภาวะปกติเสียที 

หากไม่มีการประท้วง หรือมีการประท้วงแต่ไม่มีใครออกมานำการประท้วง อย่างที่คุณสุเทพ เทือกสุบรรณทำ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับเหมาเข่ง หรือสุดซอย ก็คงผ่านวุฒิสภา ประกาศใช้เป็นกฎหมาย ทักษิณได้กลับประเทศโดยไม่ต้องโดนคดีใดๆ เลย ทักษิณคงกลายเป็นเจ้าของประเทศไทย สามารถทำอะไรกับประเทศไทย เสมือนเป็นบริษัทของตัวเอง ในที่สุดคงเป็นประธานาธิบดี 

ขอถามว่า เราจะปล่อยให้ประเทศไทยอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณโดยไม่ทำอะไรเลย เช่นนั้นหรือครับ แม้รัฐบาลชุดปัจจุบัน จะดีเลวอย่างไร แต่ก็ยังไม่มีการทุจริตเชิงประจักษ์ให้เห็นชัดเจน ยังไม่มีการทำเสมือนหนึ่งว่า “ฉันเป็นเจ้าของประเทศ” ดังเช่นที่เคยทำกันภายใต้ระบอบทักษิณ 

ดังนั้น ไม่ต้องขอโทษ ไม่ต้องเสียใจ ที่ออกไปร่วมชุมนุมขับไล่ระบอบทักษิณ เพราะถึงย้อนเวลากลับไปได้ เราก็คงทำเข่นเดิมอยู่ดี.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"