ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยืนยันไม่เห็นด้วยกับการบังคับชาวรัสเซียฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ซึ่งมีให้เลือกเฉพาะวัคซีนที่ผลิตในประเทศเท่านั้น แต่ระบุตัวเขาก็ฉีดสปุตนิกวี อีกด้านผู้เสียชีวิตเพราะโควิด-19 ของรัสเซียสูงเป็นสถิติใหม่อีกที่ 669 คน

    เอเอฟพีรายงานว่า ผู้นำรัสเซียร่วมรายการถาม-ตอบทางโทรทัศน์ประจำปีเมื่อวันพุธที่ 30 มิถุนายน ซึ่งมีทั้งรูปแบบการตอบคำถามออกอากาศสดและการบันทึกวิดีโอไว้ล่วงหน้า คำถามที่่ประชาชนส่งมามากกว่า 2 ล้านคำถามเกี่ยวข้องกับประเด็นหลากหลาย ตั้งแต่ราคาอาหารไปจนถึงความสัมพันธ์กับมหาอำนาจชาติอื่น แต่ช่วงต้นของรายการนั้นเน้นปัญหาที่น่าวิตกที่สุดของรัสเซียเวลานี้ คือการเผชิญการระบาดของโควิด-19 ระลอกที่ 3 ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่กลางเดือนมิถุนายน จากการแพร่เชื้อของไวรัสสายพันธุ์เดลตาที่พบครั้งแรกในอินเดีย

    "การป้องกันไม่ให้โรคระบาดนี้แพร่กระจายยิ่งขึ้นเป็นไปได้ด้วยการช่วยเหลือจากการฉีดวัคซีนเพียงวิธีเดียวเท่านั้น" ปูตินกล่าว

    วันเดียวกันนี้ รัฐบาลรัสเซียประกาศข้อมูลว่า มีผู้ป่วยโควิดเสียชีวิต 669 คนในรอบ 24 ชั่วโมง เป็นการสร้างสถิติใหม่เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตในรัสเซียเพิ่มเป็น 135,214 คน สูงสุดในยุโรป ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่มี 21,042 คน ยอมสะสมมีมากกว่า 5.5 ล้านคนแล้ว มากเป็นอันดับ 5 ของโลก รองจากสหรัฐ, อินเดีย, บราซิล และฝรั่งเศส

    แม้รัสเซียจะมีโครงการฉีดวัคซีนฟรีมาตั้งแต่ต้นเดือนธันวาคม แต่ข้อมูลจากเว็บไซต์ Gogov ถึงขณะนี้มีประชากรเพียง 15% ที่ได้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส อัตราการฉีดวัคซีนที่ช้าและความลังเลไม่แน่ใจของประชาชนต่อวัคซีนที่มีให้เลือกเฉพาะวัคซีนที่พัฒนาโดยรัสเซียเองเท่านั้น ทำให้เซอร์เกย์ ซอบยานิน นายกเทศมนตรีมอสโก ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่มีการระบาดหนักสุด ออกคำสั่งบังคับให้ลูกจ้างภาคบริการต้องฉีดวัคซีน จากนั้นอีกมากกว่า 12 เขตในรัสเซียก็เจริญรอยตาม

    แต่ปูตินยืนยันในวันพุธว่า เขาไม่สนับสนุนการบังคับฉีดวัคซีน กระนั้นเขาเรียกร้องชาวรัสเซียอย่าได้ปฏิเสธวัคซีน และขอให้ฟังผู้เชี่ยวชาญ แทนที่จะฟังพวกที่มีความเข้าใจเรื่องนี้เพียงน้อยนิดแล้วแพร่กระจายข่าวลือ

    เขายังบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับวัคซีนของรัสเซียด้วย โดยกล่าวว่า ตัวเขาเองก็ฉีดวัคซีนสปุตนิกวี ที่เขาเคยคุยว่าดีกว่าวัคซีนของต่างชาติ

    ระหว่างการโฟนอินเพื่อถามตอบครั้งนี้ ผู้นำรัสเซียกล่าวถึงประเด็นภูมิรัฐศาสตร์ อาทิความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับยูเครน ซึ่งเขาบอกว่าไม่จำเป็นต้องคุยกับผู้นำยูเครนเพราะประเทศนี้ถูกควบคุมโดยสหรัฐและยุโรป เขายังกล่าวถึงการโต้เถียงกับอังกฤษเรื่องเรือรบอังกฤษเข้าน่านน้ำไครเมียสัปดาห์ที่แล้วด้วยว่าสหรัฐอยู่เบื้องหลัง

    รายการวันนี้เกิดปัญหาขัดข้องทางเทคนิคหลายครั้ง ซึ่งพิธีกรกล่าวโทษว่าเป็นการโจมตีไซเบอร์ และปูตินก็บอกว่ารัสเซียมีแฮ็กเกอร์อยู่จริง หลังจบรายการสถานีรอสซิยา 24 ยอมรับว่า รายการในวันนี้โดนการโจมตีไซเบอร์แบบ DDoS (การโจมตีโดยปฏิเสธการให้บริการ) ที่ทรงพลัง.